ยุค New Normal หรือ ความปกติใหม่คงเป็นคำที่คุ้นชินกันโดยทั่วไป กับแนววิถีการใช้ชีวิตแบบใหม่ ที่พ่วงท้ายมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) โรคอุบัติใหม่ที่ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและฉับพลันให้กับประชาคมโลก สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและมีภาวะเสี่ยงต่ออาการหัวใจล้มเหลวแล้ว ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลการใช้ชีวิตให้เหมาะสมในยุคความปกติใหม่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและหัวใจแข็งแรง
โครงการ Every Beat Matters “เพราะทุกจังหวะมีความหมาย” ได้ร่วมมือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจัดทำวีดีโอ เพื่อให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ชีวิตให้เหมาะสมในยุคความปกติใหม่ ที่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะหัวใจล้มเหลว ที่จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเพื่อดูแลตนเองและป้องกันตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้ปลอดภัย ทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงในการเพิ่มจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศไทยอีกด้วย
ศ.นพ.รุ่งโรจน์ กฤตยพงษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้คำแนะนำว่า สำหรับคนไข้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว จำเป็นต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับแนวทางยุคความปกติใหม่ เพื่อให้ปลอดภัยจากการเจ็บป่วยและมีสุขภาพที่ใกล้เคียงกับคนปกติให้มากที่สุด เนื่องจากผู้ที่มีโรคประจําตัวเป็นโรคหัวใจจะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงกว่าคนธรรมดาถึง 5 เท่า หากติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้
ศ.นพ.รุ่งโรจน์ กฤตยพงษ์
ทั้งนี้ วิธีการดูแลง่ายๆ เบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด คือการเลือกวิธีการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านช่องทางออนไลน์ (Telemedicine) เพื่อช่วยลดความแออัด และการสัมผัสกันของผู้มาใช้บริการที่สถานพยาบาล อันเป็นการใช้เทคโนโลยีมาช่วยเสริมบริการทางการแพทย์ ที่ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษา และติดตามสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง และด้วยการจำกัดการเดินทาง และการรักษาระยะห่างทางสังคมที่กลายมาเป็นบรรทัดฐานใหม่ของการใช้ชีวิตร่วมกัน ในสังคม โดยผู้ป่วยและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดสามารถใช้ช่วงเวลาที่อยู่ในที่พักอาศัย ในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงได้ เช่น หมั่นออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินออกกำลังกาย ยืนแกว่งแขนอย่างน้อย 20 นาทีต่อครั้ง แค่นี้ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และความดันโลหิตได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะเสริมสร้างสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงขึ้นได้ยิ่งเวลานี้การสั่งอาหารพร้อมรับประทานผ่านบริการจัดส่งที่เป็นที่นิยมขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงยิ่งต้องเพิ่มความใส่ใจในการเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ รวมทั้งความสะอาดถูกสุขลักษณะ เช่น เลี่ยงอาหารทอด มัน เค็ม ให้เน้นการรับประทานผัก ผลไม้ อาทิ พืชตระกูลถั่ว ผักโขม มะเขือเทศ องุ่น ทับทิม แอปเปิ้ล ฯลฯ
การดูแลอารมณ์ให้ปกติ โดยการผ่อนคลาย หรือฝึกสมาธิ เพื่อคลายความกังวลและวุ่นวายจิตใจ หรือแม้กระทั่งการเลี่ยงการบริโภคข่าวสาร โดยเฉพาะจากช่องทางออนไลน์จนมากเกินไป ก็สามารถลดการเกิดอาการได้ ในทางกลับกันควรจะทำกิจกรรมหรือสื่อสารกับคนในครอบครัวให้มากขึ้น เพื่อเติมเต็มความต้องการในการเข้าสังคมในช่วงที่ต้องถอยห่างจากสังคมภายนอกระหว่างการระบาดของโรคเช่นนี้
และเมื่อต้องออกจากที่พักไปพบปะกับผู้คนภายนอก ก็ไม่ควรละเลยการป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าที่มีมาตรฐาน และหมั่นทำความสะอาดมืออยู่เสมอที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับควันบุหรี่ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม จะเป็นการดูแลหัวใจของเราให้แข็งแรงในยุคความปกติใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี
ทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Every Beat Matters “เพราะทุกจังหวะมีความหมาย” ได้ โดยสามารถเข้าไปรับชมวีดีโอและแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์นี้ที่ Facebook https://www.facebook.com/EveryBeatMatters.in.th/ รวมทั้งข้อมูลความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะหัวใจล้มเหลว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี