นายแพทย์ปฏิพัทธ์ ดุรงค์พงศ์เกษม
แพทย์แนะ คนวัย 45 ปีขึ้นไป ควรมีการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยไม่ต้องรอให้มีอาการหากพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคที่เซลล์ปกติในลำไส้ใหญ่มีการเปลี่ยนแปลง เกิดการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนอย่างไม่หยุดยั้งจนควบคุมไม่ได้ ระยะแรกอาจเป็นเพียงแค่เนื้องอกธรรมดา แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการรักษาหรือตัดทิ้ง อาจลุกลามกลายเป็นมะเร็งได้ในที่สุด
ทั้งนี้ นายแพทย์ปฏิพัทธ์ ดุรงค์พงศ์เกษม สาขาอายุรศาสตร์ รพ.สมิติเวชให้ความรู้ว่า จากการศึกษาพบว่าการเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ในผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป โดยไม่ต้องรอให้มีอาการ จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้โดยโรงพยาบาลสมิติเวช สามารถตรวจพบติ่งเนื้อได้มากถึง 60% ก่อนที่ติ่งเนื้อนั้นจะพัฒนากลายเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จากสถิติค่าเฉลี่ยทั่วไปอยู่ที่25%* การที่สามารถตรวจพบติ่งเนื้อได้เร็วขึ้น โอกาสที่จะรักษาให้หายขาดจะมีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้มีความเสี่ยงเนื่องจากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แนะนำให้นำอายุของคนในเครือญาติใกล้ชิดที่เป็นมะเร็งลบด้วย 10 จะเป็นอายุที่ควรเข้ารับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เช่น หากพ่อเป็นมะเร็งตอนอายุ 40 ปี ลบออกด้วย 10 จะเหลือ 30 ดังนั้น ลูกควรเข้ารับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่เมื่อมีอายุ 30 ปี โดยไม่ต้องรอให้มีอาการ เพราะถือว่ามีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติ
สำหรับอาการหลายกรณีที่พบว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่ไม่แสดงอาการผิดปกติ ทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรค มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือบางครั้งอาการที่พบอาจคล้ายกับอาการของโรคลำไส้และทางเดินอาหารอื่นๆ ทำให้ผู้ป่วยคิดว่าไม่เป็นอันตราย เช่น ระบบขับถ่ายเปลี่ยนแปลงท้องเสียสลับกับท้องผูกน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุอ่อนเพลียอ่อนแรง ซีดจาง บางคนมีเลือดออกปนมาในอุจจาระ ปวดท้องเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย ซึ่งเหล่านี้อาจเป็นอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะ 2-4 แล้ว ดังนั้นหากพบว่ามีอาการผิดปกติกับระบบทางเดินอาหารนานกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไปควรรีบมาพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง
ส่วนระยะของโรค การเกิดโรคของมะเร็งลำไส้ใหญ่ แบ่งเป็น 4 ระยะคือ ระยะแรก เป็นก้อนหรือติ่งเนื้อบริเวณผิวของผนังลำไส้ใหญ่,ระยะที่สอง เริ่มกระจายเข้าสู่ผนังลำไส้ใหญ่,ระยะที่สาม ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองและระยะที่สี่ แพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ เช่น ตับ ปอด และสมอง
ทั้งนี้ การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยเทคนิคที่ทันสมัยผ่านทางกล้อง NBI (NarrowBand Image) EMR (Endoscopic Mucosal Resection) และ ESD (Endoscopic SubmucosalDissection) ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการผ่าตัดแบบ MIS (Minimal Invasive surgery) เป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก ช่วยให้แพทย์สามารถตัดก้อนเนื้อขนาดใหญ่ออกจากลำไส้ใหญ่และกระเพาะอาหารได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการเปิดแผลที่หน้าท้อง สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าตัด ลดระยะเวลาการอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาลผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงลดภาวะแทรกซ้อน ปลอดภัย และที่สำคัญไม่มีแผลเป็นที่จะทำให้ต้องกังวลใจ
ข้อมูลที่น่าสนใจคือ 90% ของการตรวจพบมะเร็งสำไส้ใหญ่จะเริ่มจากติ่งเนื้อขนาดเล็ก(polyp) ที่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งติ่งเนื้อชนิด adenoma ถือว่าเป็นระยะก่อนมะเร็ง (pre-cancerous lesion)จะมีโอกาสดำเนินโรคในอนาคต โดยใช้เวลา 3-5 ปีก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็งดังนั้นหากตรวจพบติ่งเนื้อขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตร แนะนำให้ตรวจซ้ำทุก 3-5 ปี ถ้าติ่งใหญ่กว่า 1 เซนติเมตรอาจตรวจทุก 1-3 ปี ส่วนผู้ที่ไม่พบติ่งเนื้อควรกลับมาตรวจอีกครั้งใน 5-10 ปี (แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะดื้ออินซูลินอาจจำเป็นต้องเพิ่มความถี่ของการตรวจขึ้นอยู่กับภาวะร่างกายและปัจจัยการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ของแต่ละคน)
นอกจากนี้คุณหมอยังได้แนะนำการเตรียมตัวส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ว่าก่อนเข้ารับการส่องกล้องต้องทำความสะอาดลำไส้โดยการงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมงเมื่อมาถึงโรงพยาบาล แพทย์จะซักประวัติส่วนตัว เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา รวมถึงยาที่รับประทานเป็นประจำจากนั้นจะได้รับยาระบาย เพื่อให้ขับถ่าย จนสำไส้สะอาด (ขั้นตอนนี้อาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง) หลังจากทำความสะอาดลำไส้เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่เข้ารับการตรวจส่องกล้องจะได้รับการฉีดยานอนหลับโดยแพทย์ (แต่หากเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว อาจจะใช้วิธีการดมยานอนหลับที่ชนิดไม่รุนแรงและหมดฤทธิ์ได้เร็วแทน)แพทย์จะใช้เวลาในการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ ประมาณ 20-30 นาที แต่ถ้าหากพบติ่งเนื้อหรือความผิดปกติอาจจะใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที
สรุปแล้ว การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ทั้งกระบวนการใช้เวลาประมาณครึ่งวันเท่านั้นประโยชน์ของการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ คือ สามารถช่วยประเมินปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณลำไส้ใหญ่ และหากพบความผิดปกติตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะทำให้แพทย์สามารถรักษาได้ทันก่อนที่โรคจะลุกลามนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี