พระจุฑาธุชราชฐานคือสถานที่พักตากอากาศ ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือ พระราชฐานแห่งนี้ยังเป็นเสมือนตัวแสดงเขตแดนของไทยในยุคสยามเผชิญหน้ากับลัทธิล่าอาณานิคมด้วย
แนวหน้าวาไรตี้สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย พาคุณไปสนทนากับ คุณครรชิต จิตระทาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารศิลปวัฒนธรรมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.อัจฉราภรณ์เปี่ยมสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ประจักษ์ถึงความน่าสนใจของเกาะสีชัง
ขอความกรุณาคุณครรชิตช่วยเล่าประวัติโดยสังเขปของพระจุฑาธุชราชฐานครับ และกรุณาเล่าด้วยครับว่าปัจจุบันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้าไปดูแลพระราชฐานนี้อย่างไร
คุณครรชิต : พระจุฑาธุชราชฐานคือพระราชวังฤดูร้อนแห่งเดียวของไทยที่ก่อสร้างบนเกาะกลางทะเลครับ เดิมนั้นรัชกาลที่ 4 ทรงเคยทอดพระเนตรเกาะสีชังแล้วแต่ไม่ได้ทรงให้ปลูกสร้างอะไรขึ้นมา แต่ครั้นรัชสมัยรัชกาลที่ 5ทรงเห็นว่าที่นี่อากาศดีมาก เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักตากอากาศสำหรับคนเจ็บไข้ได้ป่วยพระองค์ท่านจึงทรงให้สร้างพระราชวัง แล้วพระราชทานนาม พระจุฑาธุชราชฐาน ตามพระนามของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก พระราชโอรสพระองค์หนึ่งของพระองค์ท่าน เนื่องจากสมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นี้ประสูติบนเกาะสีชัง เดิมนั้นสิ่งปลูกสร้างในเขตพระราชฐานมีมากมายแต่เนื่องจากสร้างด้วยไม้แล้วมุงด้วยหลังคาจากดังนั้นเมื่อเวลาล่วงเลยไปนานเข้า สิ่งปลูกสร้างก็เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่มีพระที่นั่งองค์หนึ่งคือมันธาตุรัตนโรจน์ที่สร้างด้วยไม้สักทองแต่กาลต่อมาได้ถูกชะลอไปสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆ ในเขตพระราชวังดุสิต พระที่นั่งองค์นี้ถูกออกแบบจากสถาปนิกชาวยุโรป ปัจจุบันยังมีฐานของพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ปรากฏอยู่บนเกาะสีชัง ส่วนอาไศรยสถานอื่นๆ ที่ยังปรากฏได้แก่ เรือนวัฒนา เรือนผ่องศรี เรือนอภิรมย์และสะพานอัษฎางค์ และวัดอัษฎางคนิมิตร และยังมีสระน้ำเล็กๆ และถนนที่มีชื่อคล้องจองซึ่งพระราชทานไว้เมื่อครั้งนั้น สาเหตุที่ในเขตพระราชฐานมีบ่อน้ำ สระน้ำกระจายอยู่ทั่วไปเนื่องจากบนเกาะนั้นต้องอาศัยน้ำฝน ดังนั้นในช่วงหน้าฝนจึงต้องสร้างบ่อเก็บน้ำฝนไว้สำหรับใช้ในยามหน้าแล้ง ชื่อสระน้ำที่คล้องจองมีดังนี้ เทพนันทา มหาอโนดาต ประพาสชลธาร ส่วนบ่ออีก 13 ลูกคือ เชิญสรวล ชวนดู ชูจิตรพิศเพลิน เจริญใจ หทัยเย็น เพ็ญสำราญ ศิลารอบขอบก่อ ล้อหอย น้อยเขา เลาเหมือนคู่ และดูเหมือนต่อ ส่วนลำธารคือ ธารเครื่องหอมปนสุคนธ์ปรุง พระจุฑาธุชราชฐานถูกปล่อยร้างเป็นระยะเวลานานหลังเหตุการณ์ ร.ศ. 112จนกระทั่งเมื่อประมาณ 30 ปีมานี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เข้าไปดูแลโดยได้รับพระราชานุญาตจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี แรกเริ่มนั้น จุฬาฯ เข้าไปสร้างสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล บนพื้นที่ประมาณ 5 ไร่เพื่อศึกษาวิจัยสัตว์ทะเลในเขตเกาะสีชัง ขณะเดียวกันกรมธนารักษ์ซึ่งเป็นผู้ดูแลสถานที่ตั้งพระราชฐานจึงขอให้จุฬาฯ ช่วยดูแลและทำนุบำรุงพระราชฐานที่อยู่บนพื้นที่ 200 กว่าไร่ด้วย แรกๆ จุฬาฯก็เข้าไปดูแลเรื่องความสะอาด ตัดแต่งต้นไม้ให้เป็นระเบียบ จนกระทั่งยุครัฐบาลนายชวนหลีกภัย ก็อนุมัติงบประมาณผ่านกรมศิลปากรจากนั้นจุฬาฯ จึงเข้าไปเริ่มบูรณะพระราชฐาน แล้วก็ดูแลรักษามาจนถึงปัจจุบัน แล้วได้เป็นพระราชฐานเพื่อให้ประชาชนเข้าไปเที่ยวชมได้เมื่อปี 2545-2546 โดยในปี 2546กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ในเขตพระราชฐานแห่งนี้ เมื่อวันที่ 13มกราคม 2547 หลังจากเปิดให้สาธารณชนเข้าชมก็ทำให้คนจำนวนมากเห็นถึงความงดงามของพระจุฑาธุชราชฐาน และช่วยสร้างรายได้ให้กับเกาะสีชังเป็นลำดับ ผมขอเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ ร.ศ. 112 อีกเล็กน้อยครับ เพราะเหตุการณ์นั้นจึงทำให้มีการกราบบังคมทูลทัดทานว่าไม่อยากให้รัชกาลที่ 5 เสด็จฯบนเกาะสีชังอีก เพราะเกรงว่าหากขณะประทับอยู่แล้วฝรั่งเศสนำเรือรบมาปิดเกาะ จะทำให้เกิดปัญหาความปลอดภัยต่อพระเจ้าแผ่นดินสยามเมื่อพระองค์ท่านไม่เสด็จฯอีก ก็จึงไม่มีการก่อสร้างอาคารต่างๆ เพิ่ม และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชะลอพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ไปไว้ที่พระราชวังดุสิต
หลายคนที่มาชมพระราชฐานนี้ชื่นชอบสะพานอัษฎางค์มาก คุณครรชิตช่วยเล่าความสำคัญของสะพานนี้ให้ฟังด้วยครับแล้วสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ที่ยังหลงเหลือมีอะไรบ้างครับ
คุณครรชิต : สะพานอัษฎางค์คือท่าที่เสด็จขึ้นตั้งแต่ยุครัชกาลที่ 5 นอกจากเป็นท่าเสด็จแล้ว รัชกาลที่ 5 ทรงใช้สะพานนี้เป็นที่จัดงานพระราชทานเลี้ยงอาหารเย็น แล้วทรงให้จับฉลากว่าใครจะได้ประทับนั่ง หรือนั่งตรงไปโดยไม่ต้องประทับนั่งตามลำดับชั้นยศ แล้วเมื่อพระราชทานเลี้ยงเสร็จก็ทรงให้จับสลากคำถามต่างๆ เพื่อให้ตอบ เช่น มีคำถามว่าจะแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำจืดบนเกาะสีชังอย่างไร ซึ่งก็เท่ากับการระดมสมองแก้ปัญหาของเกาะนั่นเอง ส่วนเรือนหรืออาไศรยสถานที่ยังเหลือในปัจจุบันคือ เรือนวัฒนา เรือนเสาวภาเรือนอภิรมย์ เรือนเขียว และวัดอัษฎางคนิมิตร สาเหตุที่ตั้งชื่อเรือนตามพระนามต่างๆ ก็เพราะแต่ละพระองค์ทรงออกเงินในการก่อสร้างเอง แล้วคำว่าอาไศรยสถานก็คือเรือนตากอากาศสำหรับเจ้านายที่ทรงพระประชวร เมื่อมาพักฟื้นพระวรกายแล้ว ก็ทรงหายพระประชวร ส่วนโบสถ์อัษฎางคนิมิตรก็สร้างตามธรรมเนียมโบราณคือต้องมีโบสถ์ประจำพระราชฐาน เป็นเสมือนหอพระประจำพระราชวัง ในสมัยรัชกาลที่ 5เมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯไปประทับก็ให้ทรงอัญเชิญพระแก้วประจำพระองค์ไปประดิษฐานที่วัดนี้ถ้าช่วงนั้นตรงกับวันพระสำคัญ เช่น วันวิสาขบูชาก็ทรงให้ข้าราชบริพารประดิษฐ์โคมประทีปเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และพระราชฐานนี้ยังมีห้องแสดงนิทรรศการด้วย เช่น ทรงให้จัดแสดงของแปลกพิสดารที่ค้นพบบนเกาะสีชัง แล้วนำมาอวดกันผมขออนุญาตประชาสัมพันธ์หนังสือเล่มหนึ่งครับชื่อ 10 ปี พิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐาน หนังสือเล่มนี้ผลิตโดยสำนักศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ ภายในมีภาพงดงามของพระราชฐานแห่งนี้ และมีภาพของพิพิธภัณฑ์ทางทะเลของจุฬาฯ ด้วย ราคาจำหน่ายเล่มละ650 บาท ซื้อได้ที่ร้านพิพิธภัณฑ์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ
เราจะไปสนทนากับ รศ.ดร.อัจฉราภรณ์ เปี่ยรมสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยเล่าความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเล บนเกาะสีชัง ด้วยครับ
รศ.ดร.อัจฉราภรณ์ : แรกเริ่มเมื่อปี 2522 คือสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเล และ ศูนย์ฝึกงานของนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ค่ะ สมัยนั้นพี่ยังเป็นนิสิต ได้ออกภาคสนามครั้งแรกกับ อ.สุรพล สุดารา ครั้นต่อมาปี 2534 เกิดโรคระบาดในสัตว์น้ำทะเลในบ้านเรา ทางจุฬาฯ จึงใช้สถานที่นี้ทำการวิจัยเพื่อแก้ปัญหา และเป็นที่ฝึกงานของนิสิตควบคู่ไปด้วย จากนั้นจึงตั้งเป็นสถาบันวิจัยทรัพยากรทางทะเลขึ้น โดยตัวสำนักงานใหญ่อยู่ในจุฬาฯ ที่กรุงเทพฯ แล้วมีสถานีวิจัยอยู่ที่เกาะสีชังต่อมาในปี 2544-45 มีการสร้างพิพิธภัณฑ์ชื่อชลทัศนสถานขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปชมบรรยากาศจำลองของโลกใต้ทะเล ที่จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำทะเลชนิดต่างๆ ในบริเวณเกาะสีชังส่วนบ่อทดลองเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลต่างๆ ก็นำออกมาไว้บริเวณฝั่งตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์ ซึ่งอยู่ติดกับริมทะเล โดยมีบ่อขนาดใหญ่ 3 บ่อ เลี้ยงและจัดแสดงสัตว์น้ำทะเลพื้นถิ่นของสีชัง จำลองระบบนิเวศทางทะเลของสีชัง และใช้เป็นสถานีวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันมีธนาคารปูม้าเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อ เพาะเลี้ยงปะการังอ่อน บริเวณที่เป็นห้องทดลอง ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าชม เพราะเกรงจะรบกวนสัตว์ที่เราทดลองเลี้ยงค่ะ แต่บริเวณอื่นๆ เปิดให้เข้าชมได้ค่ะด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถานมีโครงของวาฬตั้งแสดงอยู่ โครงนี้พี่จำได้ว่าสมัยอาจารย์สุรพลท่านนำซากวาฬไปหมกดินที่อ่างศิลาเพื่อให้แบคทีเรียกัดกินเนื้อของวาฬจนเหลือแต่โครงกระดูก แล้วจึงนำโครงนี้มาจัดแสดงที่นี่ ความน่าสนใจของพิพิธภัณฑ์นี้คือ การแสดงชีวิตของสัตว์ทะเลใบริเวณรอบเกาะสีชัง เช่น ปลิงดำหอยเม่นหางยาว ปะการัง และดอกไม้ทะเล รวมถึงปลาอีกหลายชนิด และหอยพื้นถิ่น คือหอยโจงโดงหอยฟันกระต่าย ปลากะพง ปูม้า นอกจากศึกษาเรื่องสัตว์ทะเลแล้ว เรายังทำวิจัยด้านผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อม เช่น ขยะในทะเล ปัญหาน้ำเสีย ปัญหาน้ำจืดจากบนฝั่งเช่น จากแม่น้ำบางปะกงในฤดูน้ำหลากที่ส่งผลกระทบต่อระดับความเค็มของน้ำทะเลอันส่งผลต่อสัตว์ในบริเวณเกาะสีชัง และปัญหาอันเกิดจากการขนถ่ายสินค้าจากเรือสินค้าขนานใหญ่ในบริเวณใกล้เกาะสีชัง และผลกระทบการขนถ่ายถ่านหินเป็นต้น และเราต้องศึกษาผลกระทบด้านอื่นๆ อันเกิดจากโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลด้านนี้ด้วย เราทุกคนรวมถึงคนบนเกาะสีชังพยายามช่วยกันรักษาระบบนิเวศของเกาะสีชังไว้ให้คงเดิมมากที่สุด เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำรอบเกาะ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของคนบนเกาะและเป็นแหล่งรายได้ของชาวเกาะสีชังด้วย
คุณจะได้พบกับรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความบันเทิง รายการแนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ TNN 2ช่อง 784 ดิจิทัลทีวี หรือ True Visions 8และชมรายการ ย้อนหลังได้ที่ YouTube แนวหน้าวาไรตี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี