กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ส่งตัวอย่างทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการตรวจฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (HemoglobinA1C ; HbA1C) ให้กับห้องปฏิบัติการสมาชิกทั้งภาครัฐและเอกชน 250 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเปรียบเทียบผลการทดสอบให้มีความถูกต้อง แม่นยำ ช่วยแพทย์ตัดสินใจให้การรักษาและปรับยาที่เหมาะสม กับผู้ป่วยเบาหวาน ส่งผลดีต่อการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานของประเทศไทย
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากข้อมูลของสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา คนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวานกว่า 4.8 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ในผู้ป่วยบางรายที่เป็นมานานหลายปีมักจะพบปัญหาของการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปัญหาด้านสายตา ไตวาย โรคหัวใจ อัมพาต ขาชา แผลเน่าโดยเฉพาะบริเวณเท้า หรืออาจสูญเสียอวัยวะและทำให้เสียชีวิต
การวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานหรือไม่จำเป็นต้องใช้ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ยืนยัน โดยเฉพาะการตรวจหาระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดตลอดช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีหรือไม่ ที่เรียกว่า การตรวจฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (Hemoglobin A1C ; HbA1C) ช่วยสนับสนุนให้แพทย์ประเมินผลการรักษา ติดตามอาการ รวมถึงป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคเบาหวานในระยะยาวได้
สำหรับประเทศไทยการตรวจ HbA1C ในปัจจุบันมีความหลากหลาย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยฝ่ายปฏิบัติการด้านเชื้อถ่ายทอดทางการ ให้เลือด สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข เห็นถึงความจำเป็นในการประกันคุณภาพห้องปฏิบัติการตรวจ HbA1C ดำเนินแผนทดสอบความชำนาญการตรวจ HbA1C ตั้งแต่ปี 2559 เพื่อประเมินผลการตรวจ HbA1C ของห้องปฏิบัติการที่สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก โดยเปรียบเทียบผลการทดสอบของห้องปฏิบัติการสมาชิกกับค่าที่กำหนด (Assigned value) จาก International Federation of Clinical Chemistry (IFCC) ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงระดับนานาชาติที่กำหนดค่ามาตรฐานของการทดสอบ HbA1cที่ได้รับมาตรฐานมีความน่าเชื่อถือ
นายแพทย์ศุภกิจกล่าวเพิ่มเติมว่า แผนทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการตรวจ HbA1C แห่งชาติในปีงบประมาณ 2564 นี้ กรมวิทย์จัดส่งตัวอย่างให้กับห้องปฏิบัติการที่สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก 250 แห่งทั่วประเทศ จำนวน 3 ครั้งต่อปี โดยตัวอย่างทดสอบที่ส่งให้สมาชิก คือ Human whole blood ซึ่งไม่มีความแตกต่างจากตัวอย่างคนไข้ในการปฏิบัติงานจริง โดยชุดตัวอย่างได้ถูกแบ่งบรรจุจัดเตรียมร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจาก National Glycohemoglobin Standardization Program (NGSP) ในระดับ level I laboratory ตัวอย่างที่ถูกแบ่งบรรจุแล้วตรวจสอบความเป็นเนื้อเดียวกัน (Homogeneity test) และความคงตัว (Stability test) โดยผ่านการวิเคราะห์ทางสถิติ ตามมาตรฐาน ISO13528 : 2015 ทำให้มั่นใจในความถูกต้องของชุดตัวอย่าง และหากพบว่าผลการทดสอบของห้องปฏิบัติการสมาชิกไม่ถูกต้อง ทางคณะผู้ดำเนินการจะร่วมปรับปรุงจนสามารถให้ผลการตรวจที่ถูกต้อง จากนั้นจะมอบประกาศนียบัตรให้กับห้องปฏิบัติการสมาชิกที่เข้าร่วมแผนทดสอบความชำนาญฯครบทั้ง 3 ครั้งและมีการรายงานผลตรงเวลา
“การเข้าร่วมแผนทดสอบความชำนาญจะทำให้ห้องปฏิบัติการสามารถนำข้อมูลไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ การตรวจวิเคราะห์ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ ทำให้ผู้รับบริการมั่นใจในผลการตรวจวิเคราะห์ สามารถตรวจติดตามสุขภาพและความเสี่ยงประชาชนทั่วไปและกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยให้แพทย์ตัดสินใจให้การรักษาและปรับขนาดยาที่เหมาะสมได้อย่างถูกต้องส่งผลดีต่อการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานของประเทศไทย” นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี