“กักขัง” คือสถานการณ์ที่มุนษย์เราถูกบังคับให้เก็บตัวไว้ในสถานที่อันจำกัด จนไร้อิสรภาพ แต่ในบางครั้งสิ่งที่กักขังเราไว้อาจไม่ใช่เพียงสถานที่ แต่คือสิ่งที่อยู่ในจิตใจของมนุษย์เราเอง
Unlock คือนิทรรศการที่ไม่ได้พูดถึงความเป็นช่างภาพหรือความเป็นศิลปิน แต่พูดถึงสิ่งที่เป็นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน แต่กลับไม่ใช่ทุกคนที่ได้พบกับสิ่งที่เรียกว่า “ศิลปะ” นิทรรศการชุดนี้จะพาเข้าไปสู่การเดินทางและการต่อสู้ภายใน
จิตใจของ “พิชัย แก้ววิชิต” หรือ “เอก” ช่างภาพสไตล์มินิมอล ผู้ที่ซุกซ่อนตัวตนที่รักศิลปะอยู่ภายในส่วนลึกของจิตใจมานานกว่า 20 ปี ก่อนจะค้นพบหนทาง “ปลดล๊อค” ตัวตนนั้นผ่านทางกล้องถ่ายรูป ภาพถ่ายทั้ง 27 ภาพในนิทรรศการจะนำ
ไปรู้จัก 4 ช่วงชีวิตแห่งการ “ปลดล๊อค” พลังความคิดสร้างสรรค์ผ่านทางภาพถ่าย ซึ่งจะจุดประกายให้คุณได้ “ปลดล๊อค” ตัวเอง เปิดรับมุมมองใหม่ๆ และค้นพบศิลปะภายในตัวคุณเอง
ภายในนิทรรศการ Unlock แบ่งเป็น 4 โซน ดังนี้
ปลดล๊อคความกลัว
โลกในวัยเด็กของศิลปินเติบโตมากับห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มันคือโลกที่อึดอัด คับแคบ และไม่น่าอภิรมย์ ท่ามกลางสถานการณ์อันมืดมิด ไร้แสงสว่าง สิ่งที่ทำให้ศิลปินยืนหยัดอยู่ได้คือสิ่งที่เรียกว่า “จินตนาการ” ศิลปินใช้จินตนาการและ
ศิลปะเป็นเครื่อมือหลีกหนีจากความทุกข์ ศิลปินรู้ว่าตนเองนั้นชื่นชอบการทำงานศิลปะ แต่เสียงแห่งความกลัวในจิตใจได้กระซิบบอกกับศิลปินว่างานศิลปะนั้นเติมเต็มได้เพียงจิตวิญญาน ไม่สามารถทำให้อิ่มท้องได้ ศิลปินได้หลีกหนีตัวตนที่รัก
ศิลปะไปทำงานบนท้องถนนเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวกว่า 20 ปี แต่ยิ่งนับวันศิลปินยิ่งกลับรู้สึกถึงภาวะไร้แสงสว่างไม่ต่างจากตอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆในวัยเด็ก ศิลปินพยายามหาทางที่จะหลีกหนีจากโลกอันทนทุกข์ที่กักขังศิลปินไว้ แต่กลับไม่พบทางออก จนกระทั่งวันหนึ่ง ศิลปินเริ่มหยุดฟังเสียงแห่งความกลัว และเริ่มฟังอีกเสียงของตัวตนศิลปะที่หลบซ่อนอยู่ภายใน โลกของศิลปินจึงค่อยๆสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง
ปลดล็อคตัวตน
เมื่อได้พบกับตัวตนที่ซุกซ่อนไว้ ศิลปินรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย เหมือนได้พบกับบ้านที่แท้จริง ศิลปินมีความสุขกับการปล่อยให้ตัวตนแห่งความคิดสร้างสรรค์ได้โลดแล่นมีชีวิตผ่านทางภาพถ่าย เมื่อมีกล้องถ่ายรูปในมือ โลกของศิลปินไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตรอกซอกซอยเดิม ตึกเดิมๆ ที่ศิลปินเคยขับรถผ่าน กลับงดงามกว่าที่เคยด้วยแสง รูปร่าง รูปทรง แสงเงา จังหวะ สีสันซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของศิลปะ และเมื่อได้ก้าวผ่านความกลัวในครั้งแรกไปได้ ศิลปินจึงได้เริ่มเห็นโอกาสใหม่ๆมากกว่าข้อกำจัด นั่นคือการสร้างอินสตาแกรมซึ่งเปรียบเสมือนแกลอรี่ส่วนตัวเพื่อถ่ายทอดมุมมองของตนเอง ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นกุญแจที่นำศิลปินเข้าไปสู่โลกใบใหม่ เพื่อนใหม่ ผู้คนใหม่ และ ชีวิตใหม่
ปลดล๊อคมุมมอง
ด้วยจำนวนผู้ติดตามบนอินสตาแกรมกว่า 80,000 คน ศิลปินเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะนักถ่ายภาพที่บันทึกภาพกรุง
เทพมหานครในแนวทาง “มินิมอล” บางครั้งศิลปินกลับรู้สึกว่าแม้แนวทางมินิมอลจะทำให้ศิลปินเป็นที่รู้จัก แต่ในอีกทางหนึ่งกลับกลายเป็นเหมือนกรงขัง ศิลปินเริ่มตั้งคำถามกับตนเองว่าสามารถสร้างงานอื่นที่ไม่ใช่มินิมอลได้หรือไม่ เพื่อท้าทายตนเอง ศิลปินจึงเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ และสร้างงานที่ “ไม่มินิมอล” ผลลัพธ์ที่ได้กลับสร้างความประหลาดใจให้กับตัวศิลปินเอง เพราะสุดท้ายผลงานกลับออกมา “มินิมอล”อยู่ดี ศิลปินได้เรียนรู้ว่าแท้จริงแล้ว “มินิมอล” อยู่ทุกหนแห่ง เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับทิวทัศน์ที่ตามองเห็น หากแต่เกิดจากมุมมอง ความสงบ เรียบง่าย ซึ่งอยู่ภายในจิตใจของศิลปินนั่นเอง
ปลดล๊อคอนาคต
ศิลปินมองอนาคตของตนเองในฐานะศิลปินผู้ทำงานศิลปะเต็มเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงตัวตนของศิลปินมากที่สุด
นอกจากนี้ ศิลปินยังปรารถนาที่จะพัฒนาศิลปะในรูปแบบอื่นๆ เช่นภาพเคลื่อนไหว เหนือสิ่งอื่นใดศิลปินปรารถที่จะให้แรงบันดาลใจผู้คนได้ค้นพบกับแสงสว่าง ซึ่งก็คือการได้ค้บพบกับศิลปะที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ดังเช่นประสบการณ์ของศิลปินเอง โดยนิทรรศการโซนที่ 4 "ปลดล็อคอนาคต" เป็นการนำเสนอผลงานในรูปแบบวิดิโอ
นิทรรศการเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่วันนี้จนถึง 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ RCB Photographer’s Gallery 2 ชั้น 2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี