‘หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท’น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ  พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

‘หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท’น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

วันเสาร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้เขียนหนังสือ หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท ไว้เมื่อปีพ.ศ.2549 ซึ่งถ่ายทอดพระจริยวัตรอันงดงามของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมไปถึงหลัก 10 ประการตามรอยพระยุคลบาท

เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และวันพ่อแห่งชาติ แนวหน้าวาไรตี้ ได้คัดลอกมาเพียงบางส่วนเพื่อให้พสกนิกรชาวไทยมีหลักยึดในการดำเนินชีวิต


ในคำนำของหนังสือ หลักธรรม หลักทำ ตามรอยพระยุคลบาท ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า“...พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกด้าน โดยเฉพาะทรงมีความเป็นไทยอย่างที่สุด ดูได้จากพระราชจริยวัตรของพระองค์ทั้งเรียบง่ายพอดี และมีความอ่อนน้อมถ่อมตน นี่คือลักษณะของคนตะวันออกที่หาได้ยากแล้วในปัจจุบัน

ถึงเวลาที่คนไทยจะต้องหันมาตามรอยพระยุคลบาท โดยยึดเอาหลักธรรมทั้งหลายที่ทรงแสดงให้เห็น มาใช้เป็นหลักปฏิบัติ หรือเป็นหลักทำ ทั้งนี้ เพื่อความดีงามอันจะบังเกิดขึ้นในชีวิตที่เหลืออยู่นี้...”

หลัก 10 ประการ ตามรอยพระยุคลบาท

ข้อแรก คือ ทำงานอย่างผู้รู้จริง และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์

ท่านจำคำๆ หนึ่งได้ไหมครับที่เคยรับสั่งเอาไว้ รู้รักสามัคคี คำแรกคืออะไรที่ทรงสอนเอาไว้ “รู้” เพราะฉะนั้นการดำรงชีวิต ไม่ว่าท่านจะเป็นข้าราชการหรือใครก็ตามจะทำอะไรขอให้เริ่มที่ความรู้เสียก่อน

บ้านเมืองทะเลาะกันอยู่ทุกวันนี้อย่างน่าเศร้าใจที่สุดนั้นก็เพราะเอาคำว่า “น่า” ใส่เข้าไป...

ปัญญาคืออะไร ปัญญาคือความรู้ ฉะนั้นสิ่งแรกที่เราสรุปมา ณ ที่นี้ก็คือว่า ต้องเป็นผู้รู้จริงในการทำงาน พระองค์ท่านมีเอกสาร ศึกษาวิธีทำแต่ละเรื่อง ที่จะทำแต่ละเรื่อง ทรงศึกษาอย่างละเอียด ก่อนจะตัดสินพระทัยลงไปช่วยพัฒนาประชาชนนั้นศึกษาก่อนเลย เตรียมก่อน พระองค์ท่านรับสั่งศึกษาแผนที่ ศึกษาช่องทางน้ำ ศึกษาเรื่องกระบวนการพัฒนาจะเป็นอย่างไร และเมื่อพร้อมแล้วพระองค์ถึงจะลงไปทำ

ข้อที่ 2 คือความอดทน มุ่งมั่น ยึดธรรมะ และความถูกต้อง

พระเจ้าอยู่หัว 59 ปีนี่ทุกข์ยากมากๆ ทรงงานมาจนกระทั่งวันนี้ ผลพวงก็ออกมาตอนพระชนมายุ 72 พรรษา เสด็จฯ มาประทับที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน ก็เพื่อรักษาอาการปวดพระปฤษฎางค์ให้เข้าที่ ต้องใช้เวลาตั้ง 3-4 เดือน เท่าที่รับทราบมา ทรงใช้จนพระวรกายสึกหรอ ภาษาชาวบ้านอย่างนั้นดีกว่า แล้วเราจะนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ความอดทนของเราที่จำเป็นต้องมีเพื่อจะเผชิญกับเหตุการณ์นั้นน้อยกว่าพระองค์ท่านเยอะ เพราะเราเผชิญแค่ปัญหาในสำนักงานของเรา พระองค์ท่านปัญหาทั้งชาติ

ธรรมะ ความถูกต้อง ทรงถือยิ่งกว่าสิ่งใด ท่านรู้หรือไม่ว่าคนถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล ซึ่งส่วนมากเราก็พูดกันทั่วๆ ไป ท่านเชื่อหรือไม่ว่ากองนี้ใครแตะไม่ได้นะครับ ทำบุญอย่างเดียว เพราะเจ้าของเงินเขาระบุไว้ โดยเสด็จพระราชกุศล ซึ่งคนถวายนั้นถวายโดยเสด็จพระราชกุศล และมักจะคิดว่า จะทรงทำอะไรก็ทำเถอะ กองไหนตามพระราชอัธยาศัย กองนี้ก็ถึงไปใช้อะไรก็ได้ แต่พระองค์ก็ไม่เคยใช้ส่วนพระองค์เลย กำชับเรากำชับนักหนาเรื่องความถูกต้องในการดำเนินการ ต้องทุกกระเบียดนิ้ว ทุกกระบวนการต้องยึดความถูกต้องไว้...

ข้อที่ 3 ความอ่อนน้อมถ่อมตน เรียบง่าย และประหยัด

เห็นเวลาเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรไหมครับ ทรงโน้มพระวรกายหาประชาชน ในขณะที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของเราเดินก๋า เหมือนภาพที่เห็น คนใหญ่คนโตระดับเจ้ากระทรวงเดินผูกผ้าขาวม้า เดินตรวจราชการลอยไปลอยมา เฉียดหัวชาวบ้าน

พระองค์ทรงน้อมพระวรกายไปหาประชาชน คุกเข่าหน้าประชาชน ถามทุกข์สุข ปรึกษาหารือกับเขาเป็นชั่วโมงๆ บางทีประทับพับเพียบ ประชาชนนั่งพับเพียบ พระองค์ท่านก็ทรุดพระวรกายนั่งพับเพียบเสมอบนพื้นเดียวกัน...

เรียบง่าย เวลาทรงงานต่างๆ นั้น ทรงประทับกับพื้นประทับพับเพียบ วิถีชีวิตไทยที่สอนเรื่องความเรียบง่าย พระองค์ท่านประสูติกาลต่างประเทศนะครับ โตต่างประเทศ ศึกษาต่างประเทศ แต่เหตุไฉนเสด็จกลับมาพระองค์ท่านเป็นไทยที่สุด วิถีชีวิตของไทยที่มีค่าที่เราละทิ้งและดูถูกด้วยซ้ำไป...

ข้อที่ 4 มุ่งประโยชน์คนส่วนใหญ่เป็นหลัก

จะทำอะไรนี่ขจัดความเห็นแก่ตัวออกไปได้ไหมมุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง พอมุ่งประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง นั่นคือประโยชน์ของแผ่นดิน ถามว่าเราไม่ได้รับประโยชน์หรือ เราก็อยู่ในแผ่นดินนี้ ถ้าเราถนอมแผ่นดินนี้ให้คงอยู่อย่างเจริญงอกงาม ให้อยู่อย่างยั่งยืนแล้ว เราก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย เราต้องเห็นแก่ตัวในลักษณะที่ถูกต้อง...

เพราะฉะนั้นประโยชน์ส่วนรวมต้องทำ พระองค์ท่านได้ดำเนินการตลอดชีวิตของพระองค์ 59 ปีของการทรงงานอยู่นั้น ทรงยึดถือประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งโดยตลอดไม่เคยนึกถึงพระวรกายแม้แต่น้อย ไม่เคยนึกถึงประโยชน์ของพระองค์แม้แต่น้อย...

ข้อที่ 5 รับฟังความเห็นของผู้อื่น เคารพความคิดที่แตกต่าง

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา (พ.ศ.2546) ทรงเตือนอีกนะครับ นั่งปรึกษาหารือกัน ฟังเขาแสดงเหตุผลออกมาแล้วเราแสดงเหตุผลออกไป แล้วดูซิ เหตุผลอันไหนจะยอมรับได้ถูกต้องมากกว่า และเมื่อตกลงกันแล้วก็เลิกเถียงกันต่อลงมือปฏิบัติเลย ทรงรับสั่งเอาไว้อย่างเรียบง่าย เพราะถ้าไม่ยอมกันแล้ว ต่างเอาชนะคะคานกัน แล้วเริ่มต้นก็ด้วยวาจา ผลสุดท้ายก็ร่างกาย และผลสุดท้ายก็ตีกัน แล้วเสร็จแล้วเกิดอะไรขึ้น บ้านพัง จะเป็นพฤษภาทมิฬ จะเป็น 14 ตุลา อะไรก็แล้วแต่ บ้านพัง บ้านของทุกคนด้วย ไม่ใช่บ้านของคนใดคนหนึ่ง

ข้อที่ 6 มีความตั้งใจจริงและขยันหมั่นเพียร

พระเจ้าอยู่หัวเวลาทำอะไรทรงมุ่งมั่นมาก เรื่องความขยันไม่ต้องพูด ทรงงานไม่มีวันเสาร์วันอาทิตย์ ไม่มีเวลากลางวันกลางคืน...

พระองค์ไม่รับสั่งอย่างที่เจ้าขุนมูลนายของเราชอบสั่งกัน ชอบพูดกัน น้ำมาแล้วพวกเราไปทำ ไม่ พระองค์อธิบายนี่น้ำท่วมมันมาวินาทีละเท่านั้น ระหว่างทางมันเติมเท่านั้น เพราะฉะนั้นระหว่างทางมันเติมมากี่ลูกบาศก์เมตร เคลื่อนย้ายด้วยความเร็วเท่านั้น เพราะฉะนั้นนับวันเวลาที่เท่านั้นจะถึงกรุงเทพฯ พอดี รับพระราชกระแสมา พรุ่งนี้เช้าเราจะเริ่มดำเนินการ ไม่ใช่พรุ่งนี้เช้า ต้องเดี๋ยวนี้ๆ เพราะน้ำไม่มีหยุด ไม่ใช่หยุดก่อนแล้วโอเค รอพรุ่งนี้เช้าถึงจะทำได้แล้วค่อยมา เผอิญน้ำเขาไม่ได้หยุดอย่างนั้น เขามาของเขาตลอด เราต้องรีบทำกันคืนนี้เลย

เรื่องความขยัน เรื่องความตั้งใจอะไรต่างๆ นั้นจะเห็นได้ชัดเจน ความตั้งใจจริงนี่เห็นไหมครับ ทรงเป็นเลิศหมดทุกอย่าง

ข้อที่ 7 มีความสุจริต และความกตัญญู

ความสุจริตเป็นเรื่องที่จะทรงแสดงให้เห็น ไม่ใช่เฉพาะความกตัญญู เห็นได้ชัดกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงแสดงให้เห็นเลย ความกตัญญูความกตัญญูต่อแผ่นดิน ความกตัญญูต่อสิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ ถ้าเป็นเรื่องของส่วนรวมนั้น พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงแสดงให้เราดู และทรงเตือนพวกเราด้วยให้ยึดสิ่งนี้ไว้เพราะเป็นเรื่องจำเป็น เป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เป็นเรื่องที่มีคุณค่า

ข้อที่ 8 พึ่งตนเอง ส่งเสริมคนดีและคนเก่ง

พึ่งตนเองก็คือ เศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพียงนี้พระเจ้าอยู่หัวบอกว่า คำที่สำคัญที่สุดในเรื่องราวที่อธิบายมานี้ คือคำว่า “พอ” ทุกคนต้องกำหนดเส้นความพอให้กับตนเองให้ได้ และยึดเส้นนั้นไว้เป็นมาตรฐานของตนเองคำว่าพอนั้นก็ต้องดูตัวเอง ดูรายได้ของตัวเอง ดูขีดความสามารถของตัวเอง และขีดเส้นนั้นให้เหมาะสม ไม่ใช่เห็นเพื่อนเขามีอย่างนี้ ฉันอยากมีบ้าง เห็นเขาขี่รถเราอยากมีบ้างไม่มีเงินก็ไปกู้หนี้ยืมสิน ไปกู้สหกรณ์อะไรต่ออะไร สองรอบสามรอบขึ้นมา แล้วผลสุดท้ายอย่างไร ทุกข์ๆๆ เพราะฉะนั้นอย่าเอา ให้กลับอยู่ที่ความพอดี

ข้อที่ 9 รักประชาชน

ตอนหนึ่งที่พระองค์ท่านรับสั่งให้ผมไปจดมูลนิธิชัยพัฒนา ผมไปที่ กทม. (ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร) เองเราไม่อยากใช้อภิสิทธิ์อะไรทั้งสิ้น เพราะยิ่งอยู่ใกล้เจ้านายยิ่งต้องทำตัวให้ธรรมดาตามรอยเบื้องพระยุคลบาท ก็ไปแจ้งเหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป ก็มีเจ้าหน้าที่ของ กทม. เขามาสอบสวน ถามบอกทำไมนายกฯไม่มาเอง ผมก็บอกนายกฯ งานเยอะมาไม่ได้เลยมอบฉันทะมา บ้านอยู่อำเภออะไรบอกอยู่อำเภอดุสิต บ้านเลขที่เท่าไร ไม่รู้ เขาก็ เอ อะไรบ้านไม่มีหลักแหล่งแล้วมาตั้งมูลนิธิได้อย่างไร สอบสวนไล่ผมต่อ ไล่ไปเรื่อย ทำอาชีพอะไรบอกไม่รู้จริงๆ ว่าอาชีพอะไร แต่เห็นทำหลายอย่าง ก็ตอบไปอย่างนั้น เจ้าหน้าที่เขาก็บอก อะไรบ้านก็ไม่มีเป็นหลักแหล่ง อาชีพก็ไม่มี แล้วตาก็เหลือบไปเรื่อยจนกระทั่งไปเห็นชื่อผู้ยื่นจริงๆ และผมเป็นแค่ตัวแทน
เท่านั้นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมอบอำนาจมาอุ๊ย อย่าให้ท่านมานะ มายุ่งตายเลย ขออย่ามาเลย จัดการให้เสร็จ ค่าจดทะเบียนสามสิบบาท ขอบริจาคเป็นคนแรกได้ไหม แล้วตกลงวันนั้นฟรี สามสิบบาทแกควักออกมาด้วยความตกอกตกใจมากเลย ก็กลับมากราบบังคมทูล นี่พอเขาถามว่าอาชีพอะไร ข้าพระพุทธเจ้าตอบไม่ได้

พระองค์ท่านตอบว่า คราวหลังถ้าเขาถามว่าฉันทำอาชีพอะไร ให้ตอบว่า “ทำราชการ” ผมเล่าตรงนี้เพื่อมาสู่พวกเราขณะที่พระองค์ท่านทำราชการ พวกเรานี่ทำอะไร “รับราชการ” ใช่หรือเปล่า รับจากพระองค์มาเพื่อทำต่อ

พระองค์ท่านทรงรักประชาชน ทำงานเพื่อประชาชน คนที่รับราชการ ถือว่ารับงานของราชะมาทำต่อ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือต้องรักประชาชน ทำงานเพื่อประชาชน…

ข้อที่ 10 การเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน

พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่ารู้ไหมบ้านเมืองอยู่รอดมาได้ทุกวันนี้เพราะอะไร เพราะคนไทยเรายังให้กันอยู่ คำสั้นๆ คำเดียว“เรายังให้กันอยู่” คนในครอบครัวยังช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่ คนในชุมชนยังเอื้อกันอยู่ ข้าราชการยังให้บริการแก่ประชาชน เวลาเกิดทุกข์ยากที่ไหน ทุกคนยังรวมตัวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่ อันนี้เป็นสังคมที่หาไม่ได้ในโลก

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top