ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดโควิด ซึ่งอาจเปรียบเสมือนพายุร้ายที่พัดกระหน่ำตลอดคืนข้างแรมอันมืดมิด ได้ปรากฏแสงดาวสุกใสดวงหนึ่งในหัวใจของคนไทย คือ การที่หน่วยงานของประเทศไทยสามารถผลิตชุดตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิดจากสารพันธุกรรม (RT-PCR) และกำลังจะผลิตวัคซีนป้องกันโควิดที่มีคุณภาพมาตรฐานโลกได้แล้ว โดยบริษัท “สยามไบโอไซเอนซ์ (SiambioSciences)”
เมื่อ พ.ศ.2563 นายกรัฐมนตรีไทยได้มอบชุดตรวจโควิด-19 แบบ Real-time RT-PCR (Reverse Transcription Polymerese Chain Reaction) ให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประสงค์จะขอรับ เช่น เมียนมา และสิงคโปร์ ประเทศละ 10,000 ชุด เพื่อใช้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จากสารพันธุกรรม โดยสามารถตรวจหาเชื้อได้ในระยะแรกของโรคด้วยการเก็บตัวอย่างจากการป้ายเยื่อบุในคอหรือเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูกส่งมาตรวจที่ห้องปฏิบัติการ แล้วสามารถทราบผลภายใน 3-5 ชั่วโมง โดยมีต้นทุนในการตรวจครั้งละประมาณ 3,000 บาท ชุดตรวจดังกล่าวสามารถผลิตขึ้นในประเทศไทยโดยผ่านการตรวจสอบแล้วว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากลและองค์การอนามัยโลก จากการร่วมมือการวิจัยและพัฒนาของ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์
บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นบริษัทผลิตยาชีววัตถุแห่งแรกของประเทศไทย ที่ตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2552 จากพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท มี พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เป็นประธานกรรมการ นายอภิพร ภาษวัธน์ เป็นประธานกรรมการบริหาร และ ดร.ทรงพล ดีจงกิจ เป็นกรรมการผู้จัดการ ทำงานโดยคนไทยทั้งหมด
มีโรงงานอยู่ที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ทำการวิจัย พัฒนา ผลิตยา เครื่องมือแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆครบวงจร ตั้งแต่ตัวยาสำคัญและสารออกฤทธิ์ จนถึง ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เช่น ชุดตรวจโควิดด้วยวิธี RT-PCR ยาชีววัตถุ (Biopharmaceuticals) ที่สกัดสารสำคัญจากเชื้อแบคทีเรียมาเป็นยาโดยเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง (Advanced Bioprocess Technology) ยาฆ่าเซลล์มะเร็งแบบเฉพาะเจาะจง (Target therapy) ซึ่งให้ผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีบำบัดที่จะฆ่าทั้งเซลล์ดีและเซลล์ร้ายในร่างกาย ยาแก้ปวดชนิดเฉียบพลันรุนแรง ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดงสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายระยะสุดท้าย (erythropoietin หรือ EPO) ยาเพิ่มเม็ดเลือดขาวให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ (filgrastim หรือ G-CSF) ยารักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งสมอง โรคแพ้ภูมิตนเอง โรคโลหิตจาง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน ยาเพิ่มเม็ดเลือดแดงสำหรับสัตว์ที่เป็นโรคไต และจะผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยโรงงานสยามไบโอไซแอนซ์จะมีความสามารถในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้ 200 ล้านโดสต่อปี ซึ่งจะใช้ในประเทศไทยเพียง 26 ล้านโดสสำหรับประชาชน 13 ล้านคน ส่วนที่เหลือจะส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีประชากรกว่า 650 ล้านคน โดยจะส่งมอบวัคซีนชุดแรกได้ ในเดือนพฤษภาคม 2564
เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2563 กระทรวงสาธารณสุข สยามไบโอไซเอนซ์ เอสซีจี และแอสตร้าเซนเนก้า ได้ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ในการผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 AZD1222 โดย แอสตร้าเซนเนก้าจะถ่ายทอดเทคโนโลยีและร่วมมือกับสยามไบโอไซเอนซ์ ในการติดตั้งกระบวนการผลิตโดยมีเป้าหมายเริ่มจัดสรรวัคซีนสำหรับประชาชนชาวไทยได้ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564
วัคซีนป้องกันโควิด ของบริษัทแอสตราเซเนกาและมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ทำมาจากไวรัสไข้หวัดทั่วไป (หรือที่รู้จักกันในชื่อ อะดีโนไวรัส - adenovirus) โดยได้นำเชื้อมาจาก “ลิงชิมแปนซี” แล้วไปดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อที่เชื้อไวรัสนี้จะได้ไม่สามารถขยายตัวในมนุษย์ จากนั้น จะนำยีนที่ได้จากปุ่มโปรตีนของเชื้อไวรัสโคโรนา ไปใส่ในไวรัสไข้หวัดที่อ่อนแอและไม่เป็นอันตราย วัคซีนที่ได้จะถูกนำไปฉีดให้กับมนุษย์แล้วเซลล์ในร่างกายมนุษย์จะสร้างปุ่มโปรตีนขึ้น เป็นการกระตุ้นให้ร่างกาย สร้างแอนติบอดี หรือภูมิคุ้มกัน และกระตุ้นให้ ที-เซลล์ ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อ
ในขณะเดียวกัน หน่วยงานอื่นๆ ในประเทศไทยก็ได้พยายามพัฒนาวัคซีนป้องกัน และยารักษาโควิด สูตรต่างๆอย่างเร่งรีบ เช่น บริษัทใบยา โฟโต้ฟาร์ม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลศิริราชไบโอเนทเอเชีย องค์การเภสัชกรรมและบริษัทในเครือซีพี เจริญโภคภัณฑ์
ผลงานของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์และหน่วยงานของไทยอื่นๆ ในการผลิตวัคซีนยารักษา และชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 นี้ เป็นคุณูปการอันใหญ่หลวงต่อประเทศไทย เพื่อป้องกันรักษา ช่วยชีวิตคนไทยจากไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้คนทั่วโลกติดเชื้อไปแล้วกว่า 80 ล้านคน และสร้างชื่อเสียงของประเทศไทยให้ก้าวไปสู่หนึ่งในผู้นำทางเภสัชกรรมและการแพทย์ระดับโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี