บ่อยครั้งที่พบผู้ติดเชื้อโควิดทั่วประเทศไทย จะเห็นรถยนต์กระบะสีขาวคาดเหลือง มีป้ายติดว่า “รถพระราชทาน” เข้าไปที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโควิดทั้งที่แสดงและไม่แสดงอาการ เจ้าหน้าที่จะ ใช้สำลีแยงในโพรงจมูกเพื่อเก็บสารคัดหลั่ง โดยเจ้าหน้าที่นั้นนั่งอยู่ภายในรถยนต์ ไม่ต้องออกมาสัมผัสกับบุคคลกลุ่มเสี่ยงไม่ต้องใส่ชุดคลุมหัวคล้ายมนุษย์อวกาศที่มีราคาแพงซึ่งใช้ได้เพียงครั้งเดียวต้องทิ้ง รถพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดังกล่าว ออกแบบและผลิตในประเทศไทย โดยคนไทยทั้งหมด ภายใต้การนำของศาสตราจารย์ ดร.นพ.วิปร วิปรกษิต ร่วมกับกลุ่ม Thailand Covid19 Responxe Team TCRT
ดร.นพ.วิปร วิประกษิต เกิดเมื่อ พ.ศ. 2514 เป็นศาสตราจารย์ในคณะแพทย์ ศิริราชพยาบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเลือดจาง ธาลาลัสซีเมีย กุมารเวชศาสตร์ และอณูพันธุ์ศาสตร์ จบการศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เป็นบรรณาธิการวารสารการแพทย์ทางโลหิตวิทยา และประธานผู้ก่อตั้งบริษัท แอทยีนส์ ATGENES
เมื่อเดือนมีนาคม 2563 เริ่มเกิดเหตุโควิดระบาดในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อมาก จนต้องปิดประเทศในเดือนเมษายน ระหว่างนั้นหน่วยงานด้านสุขภาพ ได้ออกทำการตรวจหาผู้ติดเชื้อตามสถานที่ต่างๆ ดร.วิปร และคณะ Thailand Covid-19 Respose Team TCRT ร่วมกับห้องปฏิบัติการบริษัท แอท-ยีนส์ จำกัด ได้พิจารณาถึงความปลอดภัยของบุคลากรการแพทย์ที่เดินทางเข้าไปตรวจกลุ่มเสี่ยง ด้วยการป้ายจมูกหรือเจาะเลือดปลายนิ้ว ในกลุ่มแรงงานต่างชาติ ชุมชนแออัด หรือบริเวณชายแดนทุรกันดาร ซึ่งหากจะให้ผู้รับการตรวจมาที่โรงพยาบาล อาจแพร่เชื้อระหว่างเดินทางทำให้โรงพยาบาลที่ผู้ป่วยหลายโรคมาอยู่รวมกันเกิดความแออัดรวมทั้งยากลำบากในการทำความสะอาดบริเวณให้ปลอดเชื้อ ดังนั้น ดร.วิปร และคณะ จึงได้ออกแบบสร้าง “รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย Biosafety Mobile Unit ” โดยนำรถกระบะธรรมดา มาต่อเติม
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานเงิน ให้สร้างรถตรวจโควิดเพิ่มอีก 12 คัน เพื่อส่งเข้าไปตรวจคน 3 กลุ่มหลัก คือ คนที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ คนที่มีความเสี่ยงสัมผัสโรค และกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงการบริการรวมทั้งพื้นที่ที่ต้องการตรวจหาเชื้อเร่งด่วน โดยรถพระราชทาน ตรวจโรคติดเชื้อวิดนั้น สามารถเข้าถึงพื้นที่ทุรกันดารให้บริการตรวจได้มากกว่า1000 คนต่อวัน ทำให้สามารถตรวจประชาชนมาแล้วกว่าแสนคน โดยเก็บตัวอย่างจากคอหอย หรือจากคอ ตรวจหาเชื้อในทางเดินหายใจ (Real-time RT -PCR) จากการป้ายเนื้อเยื่อหลังโพรงจมูก) หรือเจาะเลือดจากปลายนิ้ว
ภายในรถมีระบบปรับและกรองอากาศด้วยไส้กรองเฮปป้า และมีระบบความดันบวก เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในรถไม่ให้ติดเชื้อโควิด โดยไม่ต้องใช้ชุดไอ้โม่ง PPE ที่ใช้เพียงครั้งเดียวก็ต้องทิ้ง มีระบบทำความสะอาดตัวเอง ทั้งด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และระบบโอโซน ควบคุมระบบปรับความดันและอุณหภูมิอากาศผ่านโทรศัพท์มือถือ เมื่อมีรถเข้าถึงพื้นที่ คนที่มารับการตรวจก็ไม่ต้องเดินทาง มีขั้นตอนการตรวจ และการรู้ผลที่รวดเร็วจึงสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทย และมีต่างประเทศสนใจติดต่อขอซื้อ
รถพระราชทาน ซึ่งเป็นผลงานของ ดร.วิปร และคณะ ได้อำนวยความสะดวกและปลอดภัย สามารถค้นพบผู้ติดเชื้อโควิด โดยไม่แสดงอาการจำนวนมาก เพื่อส่งไปกักตัวรอดูอาการ จนตรวจพบว่าไม่มีเชื้อเหลือแล้วจึงให้กลับบ้านได้ นับเป็นผลงานที่ควรแก่การยกย่อสรรเสริญ ที่ก่อประโยชน์ให้คนจำนวนมาก และเป็นตัวอย่างอันดีในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เหมาะแก่สภาพสิ่งแวดล้อมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี