บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ สยามซีเมนต์กรุป (Siam Cement Group) ที่ใช้ชื่อย่อว่า เอสซีจี (SCG) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้ระดมกำลังหลายส่วน ใช้เงินจำนวนมาก เข้าช่วยสู้ศึกโควิดในประเทศไทยอย่างสุดกำลัง ทั้งผลิตวัคซีน ซ่อมเครื่องช่วยหายใจ ไปจนถึงการสร้างห้องน้ำแบบพิเศษให้โรงพยาบาลสนามแบบเร่งด่วน
มูลนิธิเอสซีจี มอบห้องน้ำสำเร็จรูป ที่ออกแบบพิเศษ สำหรับผู้ติดเชื้อโควิดโดยเฉพาะ มูลค่า 2 ล้านบาท ให้โรงพยาบาลสนาม ศูนย์ห่วงใยคนสาครที่ 4 เทศบาลตำบลนาดี อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดยใช้เวลาติดตั้งเพียง3 วัน ห้องน้ำดังกล่าวรองรับผู้ป่วย ได้ 350 คน มี 15 ห้อง แยกชายหญิงและผู้สูงอายุ มีทางลาดสำหรับผู้พิการที่ใช้รถล้อ แยกพื้นที่การใช้งานเป็น 3 บริเวณ กั้นทางเดินไม่ให้ปะปนกัน คือ ส่วนคัดกรองผู้ป่วย ส่วนผู้รอผลการตรวจ และส่วนของบุคลากรการแพทย์
โดยใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูป ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคทั้งห้อง เพื่อสะดวกในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคด้วยสารเคมี มีอ่างล้างมือและสุขภัณฑ์อยู่ภายในห้องเดียวกัน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรคระหว่างผู้ใช้งานแต่ละห้อง มีฝักบัวอาบน้ำ ก๊อกน้ำอัตโนมัติ และสุขภัณฑ์คอตโต้ชนิดใช้งานหนัก วางจุดต่อเชื่อมระบบน้ำดีและสุขาภิบาลให้อยู่ในผนังด้านเดียว สะดวกในการเคลื่อนย้าย หรือปรับเปลี่ยนจุดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วยหลังคาคลุมในลักษณะเต็นท์มีการระบายอากาศได้ดี ออกแบบและผลิตโดย บริษัท สยามซานิทารีแวร์ อินดัสทรี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอสซีจี ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในระยะเร่งด่วนให้ชาวไทยเเละแรงงานต่างชาติ ที่ติดเชื้อโควิด –19
สยามคูโบต้า ผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเอสซีจี และ กลุ่มโตโยต้า ได้ตั้งศูนย์ซ่อมเครื่องช่วยหายใจแบบเบิร์ด (Bird Ventilator) ที่ชำรุดจากโรงพยาบาลทั่วประเทศ กว่า 300 เครื่อง ทำการซ่อมบำรุงรักษา เปลี่ยนชิ้นส่วนที่หมดอายุหรือชำรุดให้ฟรีจนใช้การได้ดี ทำให้สามารถนำไปช่วยชีวิตผู้ป่วยโควิดที่ปอดอักเสบเป็นจำนวนมาก เครื่องช่วยหายใจแบบเบิร์ดดังกล่าว เป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิต คิดค้นขึ้นในสหรัฐอเมริกา ที่มีใช้อยู่แล้วในโรงพยาบาลต่างๆในประเทศไทย กว่า 1,400 เครื่อง ซึ่งถึงแม้จะเป็นเครื่องรุ่นคุณปู่ ที่เริ่มผลิตมากว่า 50 ปีมาแล้ว แต่ก็ยังใช้การได้สำหรับผู้ป่วยขั้นต้นที่ไม่มีอาการหนักมากนัก
โดยเฉพาะในโรงพยาบาลชนบทที่ขาดเครื่องช่วยหายใจรุ่นใหม่ราคาแพง หรือมีจำนวนเครื่องไม่เพียงพอกับผู้ป่วย ทำให้แพทย์ต้องเลือกอย่างยากลำบากว่าจะใช้เครื่องที่มีอยู่อย่างจำกัด รักษาชีวิตของผู้ป่วยคนใดไว้ เครื่องช่วยหายใจแบบเบิร์ด มีข้อดีที่เป็นอุปกรณ์ทางเครื่องกลที่ไม่มีระบบไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์มาเกี่ยวข้อง สามารถใช้ในรถพยาบาล ที่ทุรกันดารไม่มีไฟฟ้า หรือขณะไฟฟ้าดับได้ แพทย์พยาบาลไทยในโรงพยาบาลชนบทคุ้นเคยกับเครื่องชนิดนี้ สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ต้องฝึกอบรมนาน ไม่เหมือนกับเครื่องรุ่นใหม่ ที่ต้องใช้ผู้ชำนาญการเฉพาะรุ่น และเวลาเสียแล้วซ่อมลำบากมาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ห้องตรวจหาเชื้อ” เพื่อรับสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยทรงให้เอสซีจีดำเนินการก่อสร้างแล้วพระราชทานให้โรงพยาบาลต่าง ๆ 20 แห่งทั่วประเทศ
“ห้องแยกป้องกันเชื้อความดันลบแบบเคลื่อนที่ (Negative Pressure Isolation Room)” ของเอสซีจี มีลักษณะคล้ายเต็นท์ เหมาะสำหรับจัดวางในพื้นที่ที่ต้องการควบคุมการฟุ้งกระจายของเชื้อโรค เช่น ห้องฉุกเฉิน ห้องไอซียู และห้องพักผู้ป่วยทั่วไป ออกแบบให้ติดตั้งรื้อถอนได้ง่าย สามารถเปลี่ยนที่ติดตั้งได้ตามต้องการ เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อที่อาจเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ห้องคัดกรองและห้องตรวจเชื้อ” พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ CPAC Construction Solution
เอสซีจีได้พัฒนา แคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยความดันลบ (Patient Isolation Capsule)ที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อระหว่างการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
นอกจากนี้ เอสซีจี ยังได้พัฒนา อุปกรณ์ครอบศีรษะคนไข้ที่ต้องทำฟัน เพื่อลดการฟุ้งกระจายของเชื้อ สำหรับงานทันตกรรม (Dent Guard) อีกด้วย
กิจกรรม และนวัตกรรมของเอสซีจีและบริษัทในเครือในวิกฤตโควิดของประเทศไทย ซึ่งบางอย่างสามารถนำไปขยายผลในต่างประเทศนั้น ได้ก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาล สามารถช่วยชีวิตคนได้เป็นจำนวนมาก และเป็นตัวอย่างแก่หน่วยงานอื่นในการทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ควรแก่การยกย่องเชิดชูตลอดไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี