ได้ชื่อว่าเป็นเวิร์คกิ้งวูแมนที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านธุรกิจ สุขภาพดี ดูดีอยู่เสมอ  และยังใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขจนน่าอิจฉา ในบทบาทของคุณแม่ลูกสองที่ดูแลครอบครัวได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เอ๋-นนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง คู่ชีวิตของ เคนเน็ท อึง (Kenneth Ng) ซีอีโอ บริษัท เอ็นที แอสเสท ปัจจุบันเธอนั่งแท่นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค เอ็น เค เอ็น รีเทล จำกัด นำเข้าชุดเครื่องนอนแบรนด์ดังจากออสเตรเลีย “ออสซิโน่” (Aussino) ที่วางจำหน่ายทั่วโลก เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรสนิยมและสไตล์เป็นของตัวเอง และยังเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท เค เอ็น เค เอ็น จำกัด ดูแลสถาบันเสริมพัฒนาการเด็กเล็กจิมโบรี สาขาพระราม 3 และชิดลม

เอ๋-นนทกานต์ เล่าให้ฟังว่า เธอมีพี่น้องสองคน มีพี่สาวคนโต คุณพ่อเป็นนายทหาร ส่วนคุณแม่เป็นพนักงานบริษัทการบินไทย (ปัจจุบันเกษียณแล้วทั้งสองท่าน)  เธอเรียนชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมต้นที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย หลังจากนั้นจึงเดินทางไปศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมปลายที่ประเทศอังกฤษ จนกระทั่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทที่ Somerville College, Oxford University

“หลังเรียนจบก็กลับมาทำงานที่บริษัท เชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ในสายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดหลายตำแหน่งทำงานที่นี่ประมาณ 13 ปี ตำแหน่งสุดท้ายที่ได้รับคือ Regional Brand Managers หลังแต่งงานได้ประมาณ 2 ปี ก็มีลูกชายคนโตชื่อน้องอาร์ม-ด.ช. คริษฐ์ ทัพพะรังสี อึง ตอนนี้อายุ 13 ปี และลูกสาวคนเล็กน้องเอมี่-ด.ญ ณัฐนิชา ทัพพะรังสี อึง อายุ 12 ปี  ช่วงที่มีลูกนี้เองเป็นจุดที่เริ่มมองหาธุรกิจเป็นของตัวเอง เพื่อจะได้มีเวลาให้กับครอบครัวได้มากขึ้น จึงเริ่มต้นจากการซื้อแฟรนไชส์จิมโบรี สาขาพระราม 3 ทำให้ช่วงนั้นได้คลุกคลีกับเด็กๆและรู้จักครอบครัวที่มีลูกเล็กมากขึ้น ซึ่งเป็นการจุดประกายให้มาสนใจเรื่องของการตกแต่งห้องนอนลูก สุดท้ายได้มีโอกาสรู้จักและก้าวเข้าสู่การทำธุรกิจนำเข้าชุดเครื่องนอนแบรนด์ออสซิโน่ ในวันนี้”

ธุรกิจจิมโบรี ทำให้ คุณแม่นักธุรกิจ มองเห็นว่าช่วงวัยเด็กเป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการเรียนรู้ ซึ่งเด็กแต่ละคนมีความสนใจ บุคลิกลักษณะ จินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างกัน และเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่ควรใช้เวลาทุกนาทีที่อยู่กับลูกให้มีคุณภาพมากที่สุด จุดนี้เองที่ทำให้ได้ย้อนคิดว่าช่วงเวลาที่ครอบครัวได้ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพร่วมกันมากที่สุด คือช่วงเวลาที่อยู่ในห้องนอน เพราะได้ทำหลากหลายกิจกรรมต่างๆ ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน อ่านหนังสือ ฟังนิทานหรือเล่นกับพ่อแม่ ซึ่งห้องนอนก็มีส่วนสำคัญในการสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ เธอจึงเริ่มต้นจัดห้องนอนให้กับลูกๆ เพื่อให้เขามีมุมส่วนตัวและมีความสุขอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง จากนั้นก็เริ่มมองหาชุดเครื่องนอนที่ช่วยสร้างจินตนาการให้ลูกๆ ได้  และในที่สุดก็ได้มาเจอชุดเครื่องนอนออสซิโนคิดส์ ตอนไปเยี่ยมครอบครัวสามีที่มาเลเซีย ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของเด็กได้ทุกอย่าง

“การตกแต่งห้องนอน เด็กจะชอบมาก เพราะได้จัดห้องจัดเตียงเองและมีมุมโปรดส่วนตัว น้องอาร์มจะชอบผ้าปูที่นอนออกแนวซูปเปอร์ฮีโร่ การผจญภัยไดโนเสาร์ ซาฟารี ส่วนน้องเอมี่จะชอบแนวแบบผู้หญิง เช่น การแต่งตัว เสริมสวยขนมเค้ก ซึ่งออสซิโน่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้ด้วยผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย ครั้งแรกเราจะเป็นคนเลือกลายให้ลูก แต่ระยะหลังจะเอาแคตตาล็อกมาให้ดูเลย เพื่อให้เด็กเลือกว่าชอบแบบไหน ซึ่งเขาก็สนุกกับการตกแต่งห้องมาก

นอกจากนี้ ออสซิโน่ ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการทุกกลุ่ม ทุกห้องนอนของทุกคนในครอบครัวตั้งแต่เด็กอ่อนไปจนถึงผู้ใหญ่ จึงทำให้เธอตัดสินใจนำคอเลกชั่นชุดเครื่องนอนออสซิโน่แบบเต็มรูปแบบเข้ามาเปิดตัวให้คนไทยได้รู้จัก ที่สำคัญ ออสซิโน่ เข้าใจดีถึงความเป็นแฟชั่นและเข้าใจในความแตกต่างของกลุ่มผู้บริโภคโดยเฉพาะเรื่องรสนิยม”

แม้จะต้องดูแลธุรกิจทั้งสองบริษัทด้วยตัวเอง แต่บทบาทการเป็นคุณแม่ก็ทำได้สมบรูณ์ไม่แพ้กัน  นั่นเพราะเธอสามารถจัดสรรเวลาทั้งหมดได้อย่างลงตัว  โดยยึดหลัก“ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้” ตลอดจนการมีทีมงานที่มีประสิทธิภาพจึงทำให้งานราบรื่น เวลาที่เหลือส่วนใหญ่จึงทุ่มเทให้กับการดูแลน้องอาร์มและน้องเอมี่อย่างใกล้ชิด เรียกว่าประสบความสำเร็จทั้งในบ้านและนอกบ้าน

“หลักการเลี้ยงดูลูกคือ จะให้ความใกล้ชิดและความเอาใจใส่อย่างเต็มที่ เมื่อต้องทำงานและแบ่งเวลาให้กิจกรรมในครอบครัว เนื่องจากเป็นธุรกิจของตัวเอง เราจึงยืดหยุ่นเรื่องเวลาตรงนี้ได้เต็มที่และลงตัวดีมาก เช่น ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือช่วงปิดเทอมก็พาครอบครัวไปเที่ยวได้ ทำกิจกรรมครอบครัวร่วมกันได้ ถ้าบางวันต้องไปร่วมกิจกรรมของลูกในช่วงเช้าหรือเลิกเรียนก็ได้อีก นอกจากนี้ ยังมีเวลาได้ทำสิ่งที่ชอบ เช่น ออกกำลังกาย เล่นพิลาทิส ดูหนังประเภทที่ดูได้ทั้งครอบครัวและอ่านหนังสือ โดยส่วนตัวจะชอบหนังสือประเภทเกร็ดความรู้มากเป็นพิเศษ”

และอีกหนึ่งความสนใจซึ่งอยู่ในพื้นที่ความสุขเล็กๆ ของเธอก็คือ การสะสมแสตมป์และเหรียญโบราณ ที่เธอเริ่มต้นสะสมมาตั้งแต่เด็ก เพราะได้แรงบันดาลใจจากคุณปู่ (อรุณ ทัพพะรังสี) ซึ่งนิยมสะสมเหรียญและจะนำมามอบให้ในวันเกิดเธอเสมอ ล่าสุดกำลังสนใจศึกษาและเริ่มสะสมแผนที่โบราณ เพราะมองว่าอะไรที่ถูกบันทึกด้วยลายมือหรือบันทึกบนกระดาษ นับวันจะยิ่งเพิ่มคุณค่า เพราะอนาคตอาจจะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว

คุณแม่คนเก่ง เอ๋-นนทกานต์ ในวัย 45 ปี ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “ความสุขในชีวิตทุกวันนี้คือ การทุ่มเทเต็มที่กับทุกสิ่งที่ทำ และมีความสุขเมื่อได้เห็นผลงาน(Happiness in seeing result - result oriented) โดยผลจากการทำธุรกิจทั้งจากจิมโบรี และออสซิโน่ เราสามารถช่วยเติมเต็มความอบอุ่นและความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว และสนับสนุนให้ได้ใช้เวลาอย่างมีคุณภาพร่วมกันทั้งในบ้านและนอกบ้าน ซึ่งเวลาแห่งคุณภาพนี้เองจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสถาบันที่สำคัญที่สุดของสังคมอย่างสถาบันครอบครัวให้มีความมั่นคงแข็งแรง”