วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หัวหน้าทีม ผู้คิดค้นวัคซีนป้องกันโคโรนาไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูงของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ของอังกฤษ และบริษัท เอสตร้า เซนเนก้า ของสวีเดน ที่กำลังจะนำมาผลิตในเมืองไทยโดยบริษัทสยามไบโอไซแอนซ์ คือ ศาสตราจารย์ซาราห์ กิลเบิร์ด (Prof Sarah Gilbert)ผู้ซึ่งเคยประสบความสำเร็จในการทำวัคซีนป้องกันโรคเมอรส์มาแล้ว
ดร.ซาราห์ กิลเบิร์ด (Sarah Catherine Gilbert) เป็นศาสตราจารย์ด้านวัคซีนวิทยาที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทVaccitechดร.กิลเบิร์ดเชี่ยวชาญในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และเชื้อก่อโรคไวรัสที่เกิดขึ้นใหม่
ดร.กิลเบิร์ด เกิดที่ เมือง นอร์ทแฮมตัน ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2505 พ่อของเธอทำงานในธุรกิจรองเท้าส่วนแม่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้รับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพจากมหาวิทยาลัยฮัลล์ โดยทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องเชื้อรายีสต์ เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว เธอได้ทำงานในมูลนิธิวิจัยอุตสาหกรรมเบียร์โดยมีหน้าที่ดูแลยีสต์ในการหมักเบียร์ ต่อมาได้เข้าทำงานที่บริษัทผลิตยา เดลต้า ไบโอฟามาซูติคัลช่วง พ.ศ. 2533 เธอย้ายไปทำงานที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เกี่ยวกับโรคมาลาเรีย
พ.ศ. 2547ดร. กิลเบิร์ดก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งศาสตราจารย์ในสถาบันเจนเนอร์ที่มีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ออกซฟอร์ด เธอจัดตั้งกลุ่มวิจัยเพื่อสร้างวัคซีนที่สามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์ที่ไม่เหมือนกับวัคซีนที่เคยผลิตมาก่อน เพราะไม่ได้สร้างภูมิคุ้มกันแบบแอนตี้บอดี้ แต่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างทีเซลล์ (T Cell) ที่ ใช้โปรตีนหลัก (nucleoprotein and matrix protein) ไม่ใช่โปรตีนภายนอกที่อยู่บริเวณเปลือกนอก
พ.ศ.2557 ดร.กิลเบิร์ด เป็นผู้นำการทดลองวัคซีนอีโบลาครั้งแรก และเมื่อเกิดไวรัสเมอร์ส –หรือโรคทางเดินหายใจในตะวันออกกลางเธอก็ได้เดินทางไปซาอุดีอารเบียเพื่อพัฒนาวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสโรคเมอร์ส
เมื่อต้นปี 2563 ขณะที่การทดลองวัคซีนโรคเมอร์สของเธอเพิ่งเริ่มต้นที่ประเทศจีนก็เกิดโรคโควิด-19 ขึ้น ทำให้มีคนตายกว่าพันคน แล้วระบาดไปยังประเทศต่างๆทั่วโลกอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ดร.กิลเบิร์ด จึงคิดว่าอาจใช้แนวทางเดียวกันกับการป้องกันรักษาโรคเมอร์สได้ เธอเริ่มทดลองวัคซีนป้องกันโควิด ของเธอในสัตว์ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 และทดลองในมนุษย์ในเดือนเมษายน 2020 โดยสามารถเริ่มผลิตวัคซีนต้นแบบที่ห้องทดลองของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดได้ในเดือน กันยายน 2020 แล้วส่งไปผลิตต่อที่อิตาลีโดยบริษัทแอดเวนท์ Advent ต่อจากนั้นก็ได้ร่วมมือกับบริษัท แอสตร้าเซเนก้า AstraZeneca จากสวีเดน ทำการผลิตวัคซีนจำนวนมาก เธอได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากมูลนิธิบิลและเมลินด้า เกตส์ รัฐบาลนอร์เวย์ อินเดีย และรัฐบาลอังกฤษ ทำให้งานของเธอดำเนินไปได้
เทคโนโลยีเบื้องหลังการผลิตวัคซีนโควิดของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เป็นสิ่งที่น่าสนใจยิ่ง มันถูกสร้างขึ้นจากไวรัสดัดแปลงที่เป็นสาเหตุของโรคไข้หวัดในลิงชิมแปนซี โดยมีการกำจัดสารพันธุกรรมออกไปเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์ แล้วแทรกส่วนของรหัสพันธุกรรมสำหรับ โคโรน่าไวรัสลงไปในช่องว่างรูปแบบของวัคซีนชนิดนี้ ซึ่งมีศัพท์ทางเทคนิคคือวัคซีนเวกเตอร์ไวรัส (viral vector vaccine)
วัคซีนเวกเตอร์ดังกล่าวเจริญเติบโตในเซลล์ของมนุษย์ โดยมีการเพิ่มยีนเพื่อให้อนุภาคของไวรัสเพิ่มจำนวนขึ้น จำนวนหลายพันล้านพันล้านอนุภาค โดยโดยเจริญเติบโตขึ้นในเครื่องปฏิกรณ์ชีวภาพแล้วถูกทำให้บริสุทธิ์ คล้ายกับการผลิตน้ำอัดลมโคคาโคล่าตามสูตรลับ เมื่อคุณรู้ความลับและทำตามก็จะผลิตวัคซีนได้ทุกที่เหมือนกับพ่อครัวที่ทำอาหารตามสูตรของร้าน
ดร.กิลเบิร์ดใช้เพียงไม่กี่สัปดาห์ในการสร้างต้นแบบวัคซีนป้องกันโรคโควิดในห้องปฏิบัติการ จากนั้นวัคซีนชุดแรกก็เข้าสู่สายการผลิตภายในต้นเดือนเมษายน
วัคซีนโควิดที่ออกซฟอร์ด และ แอสตร้าเซนเนก้าพัฒนาขึ้นนั้น สามารถเก็บรักษาและขนส่งในอุณหภูมิตู้เย็นปกติ ไม่เหมือนกับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ที่ต้องเก็บในความเย็นยิ่งยวด ถึง -70 องศาเซลเซียส
นิตยสารไทมส์ได้นำเรื่องราวเกี่ยวกันพัฒนาวัคซีนของดร.กิลเบิร์ดไปเผยแพร่ในเดือนพฤษภาคม 2020 และเธอได้รับยกย่องจากสถานีโทรทัศน์ บีบีซี ให้เป็นหนึ่งในร้อยสตรีที่ทรงอิทธิพลระดับโลก ประจำปี 2020
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2563กระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ บริษัทเอสซีจี และบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ได้ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง ในการผลิตและจัดสรรวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 AZD1222 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดโดยจะทำงานร่วมกันเสริมศักยภาพด้านการผลิตของ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ให้สามารถรองรับการผลิตวัคซีนจำนวนมากเพื่อให้ประเทศไทยและประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียมและทันเวลา
บริษัทสยามไบโอไซแอนซ์ เป็นบริษัทที่มีอุปกรณ์ที่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงสำหรับผลิตยารักษาโรคมะเร็งและโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเองอยู่แล้ว อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถประยุกต์ใช้ผลิตวัคซีนAZD1222 เพื่อป้องกันโควิด-19 จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและแอสตร้าเซนเนก้าได้ โดยหลังจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีรวมทั้งขั้นตอนการขออนุญาตจากสำนักงานอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขไทย คาดว่าวัคซีนที่ผลิตชุดแรกจะพร้อมใช้ในกลางปีพ.ศ. 2564 ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนดังกล่าวได้สำเร็จเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ มูลนิธิเอสซีจี ได้ร่วมสมทบทุนวิจัยวัคซีนในประเทศไทยเป็นเงิน 100 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี