ในสังคมประกอบไปด้วยบุคคลหลากหลายประเภท พ่อแม่ ผู้ปกครองหรือผู้ใกล้ชิดที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นหรือการเรียนรู้ ต้องเรียนรู้ปัญหาและวิธีการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเด็ก ตลอดจนจัดสภาพแวดล้อมทางการศึกษาเรียนรู้ให้เด็กดังกล่าว ซึ่งนับเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เด็กเรียนรู้ได้จริงและใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้เหล่านี้มักจะถูกละเลยหรือทอดทิ้ง
ข้อมูลจาก ศ.ศรียา นิยมธรรม ประธานกรรมการ มูลนิธิเพื่อการศึกษาพิเศษในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดเผยว่า เด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น หมายถึง เด็กที่มองไม่เห็น หรือพอมองเห็นแสง หรือพอมองเห็นเลือนรางจากตาทั้งสองข้างกล่าวได้ว่ามองเห็นประมาณหนึ่งใน 10 ของคนปกติ หลังจากที่ได้รับการแก้ไขทางการแพทย์ มีลานสายตาไม่เกิน 30 องศา เด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นมีสองประเภทคือ เด็กตาบอด และเด็กสายตาเลือนราง ลักษณะของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็น
ในช่วงต้นของชีวิตเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นจะมีปัญหาในการพัฒนาด้านสติปัญญา เนื่องจากขาดข้อมูลกระตุ้นให้เขาสำรวจโลกรอบตัว แล้วยังขาดการเสริมแรงจากสิ่งแวดล้อมที่เด็กจะได้รับเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ขาดทักษะการเรียนแบบ เด็กจะมีปัญหาในเรื่องพัฒนาการของความคิดรวบยอด การสนทนา การจัดหมวดโมงและมารยาททางสังคมจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือในระยะแรกเริ่ม การเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติมีความจำเป็นสำหรับเด็กทุกคน เพื่อให้เด็กมีความคิดรวบยอดเบื้องต้นที่สามารถนำไปประยุกต์ในการเรียนรู้สิ่งที่คล้ายถึงกัน แตกต่างกันได้ การเรียนรู้ของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นเหมือนกับเด็กประถมวัยที่ต้องเรียนรู้ความคิดรวบยอดเบื้องต้น เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดจะใช้ประสาทสัมผัสทางการฟังและการสัมผัสเป็นประสาทนำในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ เนื่องจากประสาทสัมผัสด้านการเห็นไม่อาจทำหน้าที่เป็นประสาทนำได้
การดำเนินชีวิตอิสระของเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นอาศัยพื้นฐานการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มเป็นสำคัญ นอกจากนี้จะมีเทคโนโลยีต่างๆที่นำมาประยุกต์ดัดแปลงเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้เองโดยพึ่งพาผู้อื่นน้อยที่สุด
เทคโนโลยีและอุปกรณ์เพื่อช่วยการดำรงชีวิตและการเรียนรู้ของผู้มีความบกพร่องทางการเห็นได้แก่ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเดินทาง เช่น ไม้เท้าขาวแถบผ้าสะท้อนแสงที่ทำเป็นสายคาดตัวหรือเข็มขัด เพื่อให้ผู้อื่นสังเกตเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์หรือเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวัน ได้แก่ เครื่องใช้ในครัวที่อำนวยความสะดวกในการประกอบอาหาร ได้แก่ เครื่องช่วยวัดระดับน้ำที่แยกไข่ขาวและไข่แดง เครื่องชั่งน้ำหนักพูดได้ เครื่องชั่งส่วนผสมอาหารที่มีอักษรเบรลล์กำกับ ที่วัดแสงซึ่งจะส่งเสียงเตือนเมื่อภายในบ้านไม่ได้ปิดไฟ เป็นต้น
สำหรับเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ของเด็กตาบอดเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ทักษะประสาทสัมผัสที่ทดแทนกันเซ็นคือการสัมผัสและการได้ยิน เด็กตาบอดจึงต้องเรียนรู้ภาษาด้วยอักษรเบรลล์และใช้การฟังเพื่อการรับรู้ เป็นหลัก อักษรเบรลล์ ไม่ใช่เทคโนโลยีแต่เป็นเครื่องมือทางภาษาสำหรับเด็กตาบอดคือใช้ในการเรียนรู้ข่าวด้านวิชาการ ตัวอักษรเบรลล์ เป็นจุดนูนให้เด็กได้สัมผัสเด็กจะเรียนรู้ว่าลำดับกลุ่มที่เท่าไรเป็นสัญลักษณ์แทนอักษรตัวใด อักษรเบรลล์ มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ เด็กจะต้องเรียนรู้วิธีการเขียนอักษรเบรลล์โดยมีแผ่นรองและดินสอปลายเหล็ก (stylus) เมื่อเด็กโตขึ้นเด็กจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับการผลิตอักษรเบรลล์ โดยใช้เครื่องพิมพ์ดิเบรลล์
สำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางการเห็นในกลุ่มสายตาเลือนรางนั้นจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ขยายตัวอักษร เช่น แว่นตา อุปกรณ์ขยายตัวอักษรชนิดพิเศษทีวีวงจรปิดที่ขยายตัวอักษรสิ่งพิมพ์ให้ใหญ่ขึ้นหรือให้เด่นขึ้น
การดำรงชีวิตอิสระของผู้มีความบกพร่องทางการเห็นนั้น นอกจากต้องอาศัยการเรียนรู้ฝึกฝนเพื่อพัฒนาทักษะต่างๆ ของตนแล้ว สิ่งแวดล้อมชุมชนก็สามารถช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้กับคนกลุ่มนี้ได้ เช่น การอำนวยความสะดวกในการเดินทาง โดยมีปุ่มนูนที่เสา ถนน ให้เป็นที่สังเกตเมื่อเขาเดินทางโดยใช้ไม้เท้าขาว การอำนวยความสะดวกในการใช้ลิฟต์ด้วยกันบอกว่าประตูกำลังจะปิดหรือประตูกำลังจะปิดและลิฟต์ขึ้นหรือลงอยู่ที่ชั้นใดแล้ว เป็นต้น
สังคมที่เอื้ออาทรต่อกันจะทำให้ผู้มีความบกพร่องทางการเห็นสามารถดำรงชีวิตอิสระได้อย่างมีความสุขและมีคุณค่าและสังคมก็จะเรียนรู้ว่าคนกลุ่มนี้ก็เป็นคนที่มีคุณภาพเหมือนคนทั่วไป หากได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมโดยเฉพาะในช่วงต้นของชีวิต สำหรับผู้ที่สูญเสียการเห็นในช่วงที่โตขึ้นแล้ว ก็สามารถปรับตัวเรียนรู้ได้หากได้รับการสนับสนุนเป็นกำลังใจ และให้โอกาสในสังคมอย่างเหมาะสมไม่เป็นภาระในสังคม
ปัจจุบันมี โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่ พัทยา ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีนักเรียนผู้มีความบกพร่องทางการเห็นอยู่ในความดูแลทั้งหมดจำนวน 102 คนโดยนักเรียนทั้งหมดเป็นนักเรียนอยู่ประจำในหอพักของโรงเรียน และมีการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของเด็กตาบอดและเด็กตาบอดพิการซ้อนด้วยกระบวนการต่างๆ ในการเตรียมความพร้อมทางด้านความมั่นคงทางอารมณ์ สังคม สติปัญญา ทักษะการดำรงชีวิตอิสระสำหรับคนตาบอด เช่น การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล การปฏิบัติกิจวัตรในชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวและการเดินทาง การอ่าน การเขียนอักษรเบรลล์ นันทนาการ ตลอดจนการส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ในสังคมเพื่อสร้างความภาคภูมิใจและความรู้สึกเป็นสมาชิกของสังคม นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริม การสร้างความเป็นเลิศด้านการกีฬา ดนตรี งานนวดและงานฝีมือ เพื่อเป็นการสร้างความก้าวหน้าในอนาคต โดยนักเรียนไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากนี้โรงเรียนยังได้ขยายโอกาสทางการศึกษาโดยการจัดการศึกษานอกระบบ และมีโครงการเรียนรวมในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ข้อมูลจาก อ.ชิด สุขหนู ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนคนตาบอดฯ เผยว่าที่ผ่านมาโรงเรียนฯได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ 20% อีก 80% เป็นการรับบริจาคภาคเอกชนทั้งหมดซึ่งรายจ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 8 แสน ถึง 1 ล้านบาท พอมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อโรงเรียนอย่างมากโดยเฉพาะยอดบริจาคที่ลดน้อยลงอย่างมาก ทางโรงเรียนก็พยายามจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อหารายได้เป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ อาทิ ขายอาหารแห้งของดีภาคตะวันออก เปิดจำหน่ายงานฝีมือของนักเรียน จัดคอนเสิร์ตออนไลน์ทุกสัปดาห์ เป็นต้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคช่วยเด็กนักเรียนตาบอดให้ได้รับการศึกษา ฟื้นฟูสมรรถภาพ และฝึกอาชีพ บริจาคได้ที่ SCB เลขที่669-2-10787-4 สาขาพัทยาสาย 2ชื่อ บ/ช ทุนบรมราชกุมารีเพื่อคนตาบอด(2536) โทรศัพท์ 038-225479 และ081-359-0788 หรือ auapattayablind@gmail.com ใบเสร็จนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.prsb.ac.th
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี