ในประเทศจีนนั้น ประชาชนถูกจำกัดสิทธิในการพูดในที่สาธารณะ สื่อมวลชนและสื่อออนไลน์ ถูกควบคุมการเสนอข่าวโดยรัฐบาล
สื่อมวลชนจีน ได้ยกย่อง ดร. หลี่ เหวินเหลียง(Li Wen) จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลอู่ฮั่น อายุ 34 ปี ที่เสียชีวิตหลังจากรักษาโรคตาให้ผู้ป่วยโควิด ที่เคยทำงานอยู่ที่ตลาดอาหารทะเลหัวหนาน เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2563 ดร.หลี่ ได้ประกาศเตือนเพื่อนแพทย์ ถึงความร้ายกาจของโรคที่คล้ายซาร์ส แต่เป็นไวรัสอีกตัวหนึ่งที่อาจทำอันตรายถึงชีวิต โดยแนะนำให้ใส่หน้ากากและเสื้อผ้าชุดป้องกันการติดเชื้อ
อีก 4 วันต่อมา ดร.หลี่ได้รับคำสั่งจากตำรวจให้ "หยุดแสดงความคิดเห็นที่เป็นเท็จ" และถูกสอบสวนในข้อหา "แพร่ข่าวลือ" แต่ต่อมาตำรวจได้มาขอโทษ
ดร.หลี่ได้ใช้สื่อออนไลน์ ของเหวยโบ ของจีน ซึ่งคล้ายกับทวิตเตอร์ ในการรายงานเรื่องความรุนแรงของโรคประหลาดซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อว่าโควิด
ในตอนนั้น มีความเชื่อกันว่าโรคร้ายชนิดใหม่นั้นติดต่อกันโดยการสัมผัสสัตว์ป่าที่ติดเชื้อ โดยไม่มีการเตือนหรือหาทางป้องกันพวกแพทย์เกี่ยวกับการแพร่โรคทางน้ำลาย ไอ จาม
สัปดาห์ต่อมา ดร.หลี่ได้ทำการรักษาโรคตาให้แก่หญิงคนหนึ่งโดยไม่รู้มาก่อนว่าหญิงคนนั้นติดไวรัสโควิด ทำให้ ดร.หลี่ติดโควิดจากหญิงคนนั้น เขาเริ่มมีอาการไอ มีไข้สูง แล้วเสียชีวิตอีกไม่กี่วันต่อมา โดยพ่อและแม่ของ ดร.หลี่ก็ติดโควิดด้วย
การเสียชีวิตของดร. หลี่ทำให้เกิดความเศร้าโศกและความโกรธของประชาชนเกี่ยวกับการจัดการการระบาดของไวรัสโคโรนาของรัฐบาลจีนรัฐบาลถูกกล่าวหาว่ามองข้ามความรุนแรงของไวรัสและปกปิดขอบเขตของการแพร่กระจายเมื่อความโกรธของประชาชนถึงขั้นวิกฤต ดร. ลี่จึงได้รับได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของรัฐบาลจีน
ตั้งแต่นั้นมากจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 มีผู้ติดเชื้อโควิด -19 มากกว่า 105 ล้านคนและเสียชีวิตด้วยโควิด -19 กว่า 2.3 ล้านคนทั่วโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี