‘นิทานเสียง’สร้างสรรค์จินตนาการสู่งานปั้น  จากพี่อาสายูโอบี สู่น้องผู้พิการทางสายตา

‘นิทานเสียง’สร้างสรรค์จินตนาการสู่งานปั้น จากพี่อาสายูโอบี สู่น้องผู้พิการทางสายตา

วันศุกร์ ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
Tag :

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ชวนพนักงานในองค์กรผู้มีจิตอาสาเข้าร่วม “โครงการหนังสือนิทานเสียง UOB Voice of Love” โดยส่งเสียงอ่านเรื่องราว เสริมด้วยเสียงประกอบและดนตรีในเนื้อเรื่อง เพื่อสร้างความน่าสนใจ เรียงร้อยเป็นนิทานเสียงจำนวน 100 เรื่องเพื่อส่งต่อเป็นของขวัญให้น้องผู้พิการทางสายตาช่วงอนุบาลและประถมวัยทั่วประเทศรวม 12 โรงเรียน และได้บรรจุเข้าห้องสมุดคนตาบอดและผู้พิการทางสื่อสิ่งพิมพ์แห่งชาติ (Daisy Thailand Project) เพื่อให้น้องๆ ผู้พิการทางสายตามีโอกาสได้รับฟังนิทานเสียงอย่างทั่วถึงและจากนิทานเสียงก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปศิลปะงานปั้นตามจินตนาการของเด็กๆ

เพื่อให้นิทานเสียงสามารถกระตุ้นและเสริมสร้างจินตนาการของเด็กๆ ให้ดีที่สุด โครงการหนังสือนิทานเสียง UOB Voice of Love ได้จัดเวิร์กช็อปให้พี่อาสาของยูโอบีก่อนลงมืออ่านและอัดนิทานเสียงสำหรับน้อง ทั้งในเรื่องเทคนิควิธีการใช้เสียง การเล่าเรื่อง การเตรียมความพร้อมและสิ่งที่ควรรู้ โดยได้สามผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการใช้เสียงเพื่อการแสดงและการเล่านิทานสำหรับเด็กมาร่วมโครงการครั้งนี้ โดยมี ศิรเมศร์ อัครภากุลเศรษฐ์ นักพากย์, Voice Trainer และอาจารย์สอนการแสดง ทัพอนันต์ ธนาตุลยวัฒน์ นักแสดงและVoice Trainer และ ณิชารอดอนันต์ นักแสดง นักเล่านิทาน และผู้ก่อตั้งคณะละครปู๊นปู๊น ร่วมแบ่งปัน 5 เทคนิคที่เป็นประโยชน์ต่อพี่อาสาและผู้ที่สนใจเล่านิทานเสียงในหัวข้อ “ศาสตร์และศิลป์ในการอ่านนิทานเสียงที่สุขใจทั้งผู้เล่าและผู้ฟัง”


5 เทคนิคดังกล่าว ประกอบด้วย1.การเลือกนิทาน ควรคัดสรรเนื้อหาของนิทานให้เหมาะกับวัยของผู้ฟัง ซึ่งนิทานสำหรับเด็กเล็กควรมีเนื้อหาที่ส่งเสริมจินตนาการ ความรู้ และคุณธรรม จากนั้นให้เลือก “เรื่องที่อยากจะเล่า” เพราะจะทำให้พี่อาสาเพลิดเพลินไปกับการอ่านนิทานเสียง

2.การเตรียมเล่าเรื่อง เริ่มต้นจากการอ่านนิทานทั้งเรื่องเสียก่อน เพื่อทำความเข้าใจตัวละครแต่ละตัวในนิทาน หาภาพรวมหรือ key word สำคัญของเรื่องว่ามีโทนแบบใด อาทิ หวาดกลัว รัก หงุดหงิด หรือกล้าหาญ จะช่วยให้พี่อาสาสามารถกำหนดอารมณ์และน้ำเสียงของเรื่องได้ชัดเจนมากขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมสร้างคาแร็กเตอร์ พร้อมกับการกำหนดจังหวะการพูดของตัวละครแต่ละตัวให้แตกต่างกัน เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะอัดเสียง

3.การเตรียมความพร้อมผู้เล่าควรทำการวอร์มร่างกาย ฝึก “การหายใจและวอร์มลิ้น” เพื่อให้มีการหายใจที่เป็นธรรมชาติ ไม่กลั้นหายใจนานจนเกินไป รวมถึงลิ้นจะได้ไม่แข็งในขณะที่อ่านนิทาน ด้วยการฝึกกระดกลิ้น อ้าปากกว้างๆ แล้วออกเสียง a i e o u พร้อมขยับกล้ามเนื้อใบหน้าให้มากกว่าปกตินอกเหนือจากด้านร่างกาย ด้านอุปกรณ์ก็ควรเตรียมให้พร้อม พี่อาสาจะต้องทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์อัดเสียงของตัวเองว่ามีโปรแกรมใด ใช้งานอย่างไร แก้ไขได้หรือไม่ ตั้งชื่อ บันทึกและส่งต่ออย่างไร เราควรถือหรือวางอุปกรณ์อัดเสียงให้ห่างจากปากของเราเท่าใด ซึ่งแต่ละคนมีเสียงที่เบา ดัง หนา หรือบางไม่เท่ากันจึงควรหาระยะที่เหมาะสมของตนเอง และแนะนำให้อัดเสียงคาแร็กเตอร์แต่ละตัวไว้ฟัง เพื่อจะได้แยกแยะตัวละครได้ง่ายขึ้น

5.การอัดเสียง ควรอัดเสียงในพื้นที่เงียบ เสียงไม่ก้อง “ออกเสียงให้ชัดถ้อยชัดคำ” อ่านไปอย่างที่ซ้อมใช้จังหวะการพูดที่แตกต่างกัน ช้า เร็วใช้โทนเสียงสูงและต่ำตามคาแร็กเตอร์ของตัวละครที่ได้กำหนดไว้ และอ่านโดยแบ่งวรรคตอนตามธรรมชาติจนจบเรื่อง หัวใจสำคัญคือ จงสนุกไปกับนิทาน คนฟังก็จะสนุกไปด้วย

การเพิ่มความโปร อย่ากลัวว่าจะทำได้ไม่ดี อย่ากดดันตนเองจนไม่สนุกไปกับการอ่านนิทานเสียง คนไทยล้วนมีพื้นฐานการเล่านิทาน และเสียงของภาษาไทยมีเสียงวรรณยุกต์สูงต่ำทำให้น่าฟังโดยธรรมชาติอยู่แล้ว นอกจากนี้ “การขยับร่างกายไปตามเรื่องราวในนิทาน” ช่วยเพิ่มความสนุกในการเล่า และทำให้ออกเสียงได้ดียิ่งขึ้น

เพราะการได้ยินเป็นหนึ่งในประสาทสัมผัสที่ผู้พิการทางสายตาใช้ทดแทนการมองเห็น ดังนั้น “เสียง” จึงมีความสำคัญต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ ที่ไม่สามารถมองเห็น โครงการหนังสือนิทานเสียง UOB Voice of Loveจึงเป็นการแบ่งปันความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการจากพี่อาสาสู่น้องๆ ผู้พิการทางสายตาผ่านนิทานเสียงแห่งความรักจำนวน 100 เรื่อง เพื่อเพิ่มจำนวนนิทานเสียงที่หาได้ยากในห้องสมุดเสียงทั่วไปให้เข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับน้องๆ

ศิริทร บุญนำ, Relation Manager, PFS, UOB Thailand เป็นหนึ่งในพี่อาสาที่มีความตั้งใจจะเล่านิทานเสียงให้แก่ผู้พิการทางสายตา จนมีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ โดยได้เลือกนิทานเรื่อง “พญาลิงผู้ยิ่งใหญ่” ให้น้องๆ ซึ่งเหตุผลที่เลือกนิทานเล่มนี้ก็เพราะ หนังสือนิทานเล่มนี้มีเนื้อหามาจากนิทานชาดก และมีความน่ารักเป็นพิเศษตรงที่ผู้แต่งใช้คำคล้องจอง การอ่านคำคล้องจอง ภาษาจะคล้ายเสียงดนตรี ซึ่งส่วนตัวคิดว่าน่าจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองของเด็กวัยเรียนไปด้วย

จิราพร พนมสวย ครูสอนศิลปะ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ กล่าวถึงความประทับใจที่เกิดขึ้นในห้องเรียนศิลปะหลังการฟังนิทานเสียงว่า นิทานเสียงที่ได้รับจากโครงการ UOB Voice of Love เป็นของขวัญที่ตอบโจทย์ความต้องการของเด็กๆ ที่นี่ จริงๆ เด็กๆ สามารถเสียบแฟลชไดร์ฟเข้ากับอุปกรณ์ส่วนตัวแล้วเลือกเปิดฟังเองได้ ในขณะที่ครูก็สามารถใช้เป็นสื่อการสอนในหลากหลายวิชา รวมถึงวิชาศิลปะ นอกจากนิทานเสียงแล้ว โครงการนี้ยังมอบดินเบามาให้ด้วย ในชั่วโมงศิลปะหลังจากที่ได้ฟังนิทานเสียง เด็กๆ ต่างชื่นชอบสัตว์ที่ได้ยินในนิทาน “หนูชอบยีราฟ มันมีจุดๆ”“หนูชอบหนู” แล้วก็ได้ใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในการปั้นรูปสัตว์ที่ตนเองชอบจากการฟังนิทานรวมถึงได้อธิบายถึงความคิด แบ่งปันความรู้สึกให้เพื่อนๆ ได้ฟัง ทำให้เด็กๆ เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ รู้สึกเป็นที่ยอมรับมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top