นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์และได้มีโอกาสเดินทางมา Bilbao สถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่ควรไปให้ได้ก็คือ BasqueMuseum ที่นี่เป็นมิวเซียมที่พูดถึงประวัติของชาว Basque ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองย่านนี้ มิวเซียมที่บอกเล่าเรื่องราวของชาว Basque ที่เปิดสู่สาธารณชนตั้งแต่ปี 1921 นี้ จัดตั้งขึ้นในอาคารเก่าแก่สไตล์ Basque ณ ตำแหน่งเมืองเก่าของ Bilbao มิวเซียมที่มีประวัติยาวนานย้อนไปถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 นี้เคยเป็นโรงเรียนและโบสถ์มาก่อนโดยถูกสร้างขึ้นจากกลุ่ม Jesuit จากการที่นายกเทศมนตรีเมือง Toledo ท่าน Cardinal Domingo de Gorgolla ต้องการให้มีโรงเรียนและโบสถ์ในที่เดียวกัน สถานที่นี้ได้อบรมนักศึกษาหลากหลายสาขาเรื่อยมาจวบจนปี 1767 เมื่อพระเจ้าชาร์ลที่ 3 ได้ขับคณะ Jesuit ออกจากสเปนและยึดทรัพย์สินมาเป็นของพระองค์ พระองค์มีบัญชาให้คณะสงฆ์ St.John ย้ายมาอยู่ที่นี่แทน คณะสงฆ์ที่ครอบครองต่อมาอีกหลายร้อยปีได้ใช้สถานที่แห่งนี้ดูแลผู้เจ็บป่วยคนยากจนรวมทั้งอบรมอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการทำขนมปังปั่นด้าย ทอผ้า รวมทั้งการทำเครื่องกระเบื้องหลังปี 1879 รัฐบาลได้ก่อตั้งโรงเรียนสอนศิลปะขึ้นแทน และยังใช้สถานที่แห่งเดียวกันนี้เป็นที่ว่าการศาลจนถึงปี 1911 เทศบาลเมืองได้ย้ายอารามไปไว้กับ Archeological Museumof Bizkaia
หลังการควบรวมกันมิวเซียมจึงได้รับของสะสมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นของจัดแสดงเกี่ยวกับการเกษตรการประมง การเลี้ยงสัตว์ การทำฟาร์มเสื้อผ้า เครื่องกระเบื้อง ฯลฯ จนทำให้มิวเซียมแห่งนี้มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ ต่อมาผู้บริหาร Ethnographic Museum ได้พยายามระดมทุนและหาหนทางในการบริหารจัดการเพื่อควบรวมเข้ากับ ArchaeologicalMuseum จนสำเร็จในวันที่ 3 กรกฎาคม 1921 เมื่อสงครามปะทุขึ้นในปี 1936 ทั้งภัณฑรักษ์และนักวิจัยประจำมิวเซียมได้ถูกขับไล่ไปส่งผลให้การจัดแสดงมิวเซียมชะงักงันซ้ำร้ายของจัดแสดงบางส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมิวเซียมชาติพันธุ์ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปและกลับคืนมาอย่างเสียหาย หลังปี 1956ที่ Mario Grande Ramos ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการมิวเซียม เขาได้ส่งเสริมการขุดหาสมบัติใน Bizkaia อย่างมากจนตั้งเป็นส่วนวิจัยของมิวเซียมในเวลานั้น เขาถึงกับมีแนวคิดที่จะเปลี่ยนชื่อมิวเซียมเป็น Historic Museum of Bizkaia แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ
ในปี 1967 มิวเซียมมีของจัดแสดงเพิ่มขึ้นมากจนไม่พอเก็บรักษาจึงทำการขยายพื้นที่และปรับปรุงอาคารใหม่ให้ใหญ่ขึ้นรวมทั้งมีการปรับปรุงวิธีการจัดแสดงของใหม่ให้ดูน่าสนใจมากขึ้นและทำการเปิดตัวใหม่ในวันที่ 3 ตุลาคม 1970 หลังจากสเปนเปลี่ยนการปกครองเป็นประชาธิปไตย KarmeleGoni Auzmendi ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการ และได้ทำการจัดการกับวิธีการจัดแสดงใหม่โดยมีการจัดแสดงแบบ 2 ภาษาและเปลี่ยนชื่อมิวเซียมเป็น Basque ArcheologicalEthnography and Legend Museumเพื่อเป็นเกียรติแก่ดินแดนแถบนี้ที่ถูกเรียกว่า Basque Country อันเป็นดินแดนที่ได้รับการอนุญาตให้มีสถานะเป็นชาติภายในสเปนตามรัฐธรรมนูญของสเปนปี 1978 แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันได้ยกเลิกกฎหมายข้อนี้ไปแล้ว
นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสมาเยือน Basque Museum จะสนุกสนานกับของจัดแสดงที่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเขตแดน Vizcaya ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับทะเล การเดินเรือ การตกปลา อาวุธ การค้า การทอผ้าเครื่องใช้ไม้สอย เครื่องกระเบื้องของชาว Basqueกันอย่างเต็มอิ่มกันเลยทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี