การที่โควิดระบาดหนักที่อเมริกาหรือยุโรปเพราะคนผิวขาวไม่ชอบใส่หน้ากาก ผู้นำอ่อนแอ และ สิทธิมนุษยชนในระบอบประชาธิปไตย นั้นเป็นเหตุผลที่พอฟังได้ แต่การที่คนญี่ปุ่นที่นิยมใส่หน้ากาก มีผู้นำที่ดี ประชาชนมีระเบียบวินัยสูง มีระบบรักษาพยาบาลที่ทันสมัย แต่กลับเกิดโควิดระบาดหนักขึ้นได้ต่อเนื่องนั้น เป็นสิ่งแปลกประหลาดที่จะต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด และต้องเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในเมืองไทยของเรา
ประเทศญี่ปุ่นมีประชากร 126.2 ล้านคน ติดเชื้อโควิด 468,614 คน เสียชีวิต 9,061 คน คือ เสียชีวิต 72 คนต่อประชากรล้านคน พบผู้ติดเชื้อคนแรกที่เมืองคานากาว่า เป็นคนญี่ปุ่นที่กลับจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อ 16 มกราคม 2563 และต่อมาพบจากผู้ที่เดินทางจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป เช่น อังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี มีผู้ติดเชื้อเกินแสนคนเมื่อเดือนตุลาคม 2563 และผู้ติดเชื้อเกินสี่แสนคนเมื่อ เดือนกุมภาพันธ์2564 (ข้อมูลเมื่อ 29 มี.ค.64)
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโสะ อาเบะ ตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อบริหารงานโควิดโดยเฉพาะ ปิดสถานศึกษา สนามกีฬา โรงภาพยนตร์ เลื่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อเดือนเมษายน 2563 จัดเครื่องบินเช่าเหมา 5 ลำไปรับคนญี่ปุ่นกลับจากเมืองอู่ฮั่น กักตัวคนที่เคยไปมณฑลหูเป่ยและซินเกียง 14 วัน ห้ามจัดงานที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมาก จำกัดคนเข้าโรงพยาบาลเฉพาะผู้ที่มีอาการหนัก ส่วนผู้ป่วยเล็กน้อยให้รักษาตัวอยู่ที่บ้าน แนะนำไม่ให้ผู้สูงอายุไปโรงพยาบาล ส่งเสริมการทำงานที่บ้าน รัฐบาลจัดเงินชดเชยให้คนงานที่ต้องหยุดงานเพราะป่วยด้วยโควิด จำกัดเวลาเปิดร้านอาหารและการขายสุรา และห้ามคนจาก 146 ประเทศเข้าญี่ปุ่น
เดือนกุมภาพันธ์ 2563 เกิดเหตุโควิดระบาด บนเรือสำราญ ไดมอนด์ปรินเซสของอังกฤษ ซึ่งถูกกักอยู่ที่ท่าเรือโยโกฮาม่า ต้องกักตัวผู้โดยสารและลูกเรือ 3,600 คนอยู่บนเรือเป็นเวลานาน แต่คนในเรือใช้ห้องอาหารเดียวกัน และบนเรือไม่มีผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ ทำให้มีการแพร่เชื้อในเรือจนมีผู้ป่วยบนเรือมากกว่า 400 คน
อัตราผู้เสียชีวิตของคนญี่ปุ่นต่อประชากรล้านคนอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าประเทศอื่น เช่น สหรัฐอเมริกาหรืออังกฤษอย่างมาก เพราะความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขการแพทย์ ความมีระเบียบวินัย การทักทายแบบโค้งคำนับไม่สัมผัสตัว การใส่หน้ากากอนามัยมากว่าร้อยปีตั้งแต่การระบาดของไข้หวัดสเปนใน พ.ศ. 2462 การล้างมือ ล้างเท้า ถอดรองเท้า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางไกลระหว่างการต่อสถานีรถไฟใต้ดิน ไม่มีจักรยานยนต์รับจ้างเหมือนในเมืองไทย ทำให้มีภูมิต้านทานของร่างกายสูง อายุยืน เส้นเลือดหัวใจและปอดแข็งแรง มีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจและเบาหวานในอัตราต่ำ
การวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิดในญี่ปุ่นมากกว่า 400,000 คน ได้แก่
1.กฎหมายรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นแต่เดิม ไม่ให้อำนาจรัฐบาลในการสั่งปิดเมืองล้อคดาวน์ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นไม่สามารถบังคับการเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่สามารถควบคุมกักตัวคนที่ติดเชื้อโควิด ไม่สามารถสั่งปิดร้านอาหาร หรือลงโทษผู้ติดเชื้อที่หนีออกจากสถานพยาบาล ได้แต่ขอร้องแนะนำขอความร่วมมือตามความสมัครใจ
แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 หลังจากมีผู้ติดเชื้อโควิดในญี่ปุ่นหลายแสนคนแล้ว นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ สึกะ แถลงว่า รัฐสภาญี่ปุ่นเพิ่งออกกฎหมายใหม่ ให้ลงโทษปรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามการควบคุมโควิดของรัฐบาล เช่น การไม่ยอมตรวจหาเชื้อ ตรวจพบเชื้อแล้วไม่ยอมไปโรงพยาบาล ไม่ยอมกักตัวที่บ้าน 14 วัน หรือไม่ยอมปิดร้านหรือกิจการในเวลาที่ห้าม
2.วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่ยึดมั่นในประเพณี และสิ่งที่เคยทำมาก่อนการจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรนั้นทำได้ยาก เช่น การดื่มสุราอย่างเมามายในคืนวันศุกร์ การเยี่ยมญาติ การไปเที่ยวในวันหยุดยาว หรือการร้องเพลงคาราโอเกะเป็นหมู่ ทำให้โควิดระบาดได้รวดเร็ว
3.การทำงานตามแบบญี่ปุ่นที่ค่อยๆปรับปรุงทีละเล็กละน้อย (ไคเซ็น Kaizen) ทำให้มาตรการป้องกันโควิดชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ทำได้ช้า และบางอย่างก็ทำไม่ได้
4.อาหารญี่ปุ่น พวกปลาดิบแช่เย็น โซบะเย็น น้ำแข็งใส ผักดองเปรี้ยว และน้ำซอสโชยุ ที่ไม่ผ่านความร้อน ทำให้เชื้อโควิดสามารถแฝงตัวอยู่ในอาหารได้เป็นเวลานาน
5.การอาบน้ำรวม คนญี่ปุ่นชอบการเปลือยกายนอนแช่อาบน้ำแร่รวมหลายๆคน ซึ่งอาจเป็นการแพร่เชื้อโควิดได้ทางหนึ่ง
6.การตะโกนต้อนรับในร้านอาหาร พนักงานทุกคนในร้านจะตะโกนต้อนรับลูกค้าที่มาใหม่ว่า “อิริชัย มาเสะ” แปลว่ายินดีต้อนรับ การตะโกนดังกล่าวอาจทำให้ละอองน้ำลายจากผู้มีเชื้อโควิด ตกลงไปในอาหารหรือฟุ้งกระจายอยู่ในร้านได้
7.ประเทศญี่ปุ่นอยู่ใกล้ประเทศจีน มีนักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวญี่ปุ่นปีละเกือบ 10 ล้านคน ดังนั้น จึงอาจมีคนติดเชื้อโควิดที่ตรวจคัดกรองที่สนามบินไม่พบ หลุดรอดเข้าไปแพร่เชื้อในญี่ปุ่นโดยง่าย
8.คนญี่ปุ่นอายุยืน ทำให้มีผู้สูงอายุจำนวนมาก ที่สามารถติดเชื้อได้ง่าย
9.คนญี่ปุ่นอยู่กันอย่างแออัดในเมืองใหญ่ เช่น โตเกียว โอซาก้า เกียวโต ฟูกูโอกะ ชิบะ ไซตามะ คานางาวะ ลิฟต์ขึ้นตึกสูง และสถานีรถไฟใต้ดิน อาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด
10.อากาศที่หนาวเย็นทำให้เชื้อโควิดสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานกว่าเมืองร้อน
11.คนญี่ปุ่นไปทำงานอยู่ทั่วโลก เช่น อิตาลี อังกฤษ อเมริกา บราซิล เม็กซิโกและมีโรงงานผลิตรถยนต์ ฮอนด้า อยู่ที่เมืองอู่ฮั่น ทำให้คนดังกล่าว อาจติดเชื้อโควิดโดยไม่แสดงอาการ เมื่อกลับมาเยี่ยมบ้านที่ญี่ปุ่น ก็นำเชื้อมาแพร่ให้คนในครอบครัว กว่าจะรู้ตัวโดยไปตรวจพบโควิดภายหลัง ก็ได้แพร่เชื้อไปให้คนจำนวนมากแล้ว
12.ตำรวจญี่ปุ่นไม่สามารถจับกุมลงโทษคนที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัยตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากตำรวจอินเดียที่ใช้หวายเฆี่ยนคนที่ไม่ใส่หน้ากากออกไปเดินหรือขี่จักรยานยนต์ไปตามถนน
13.ระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟบนดินและใต้ดินของญี่ปุ่นที่แน่นขนัด เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่พักอยู่นอกเมืองแล้วขึ้นรถไฟเข้ามาทำงานในเมืองอย่างยัดเยียด จนต้องมีเจ้าหน้าที่คอยผลักอัดคนเข้าไปในรถใต้ดินในเวลาเร่งด่วน ไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้ ทำให้เชื้อโควิดจากผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ แพร่กระจายไปได้อย่างกว้างขวาง
14.การตรวจคัดกรองด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกล ไม่สามารถตรวจแยกผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่แสดงอาการได้ ทำให้มีผู้ติดเชื้อปะปนอยู่ในกลุ่มคนที่สถานีรถไฟ สนามบิน และห้างสรรพสินค้า ต่างๆ แพร่เชื้อให้คนจำนวนมาก
15.การสูบบุหรี่ กินเหล้า ปัจจุบันนี้ยังมีคนญี่ปุ่นสูบบุหรี่ และนิยมดื่มเหล้าสาเก จำนวนมาก ทำให้ติดเชื้อโควิดง่าย
16.คนป่วยล้นโรงพยาบาลบุคลากรและอุปกรณ์การแพทย์ที่มีจำกัด จนต้องส่งผู้ป่วยทั่วไปที่มีอาการไม่หนักกลับไปอยู่ที่บ้านหรือโรงแรม เพื่อจะได้มีเตียงในโรงพยาบาลไว้รองรับผู้ป่วยโควิดอาการหนัก ทำให้เชื้อโควิดติดตัวผู้ป่วยไปแพร่กระจายจนหาต้นตอไม่พบ การพบหมอในโรงพยาบาลญี่ปุ่นทำได้ยากและต้องนัดล่วงหน้า หมอเฉพาะทางส่วนหนึ่งทำงานอยู่ในคลินิกเล็กๆ นอกโรงพยาบาล การซื้อยาส่วนใหญ่ต้องมีใบสั่งแพทย์
17.การยกเลิกภาวะฉุกเฉินและมาตรการป้องกันโควิดเร็วเกินไป ทำให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนรอบตัวในวงกว้าง
18.ในระยะต้น การตรวจหาเชื้อในญี่ปุ่นยังไม่มาก และไม่ค่อยได้ตรวจผู้ไม่แสดงอาการทำให้มีผู้ติดเชื้อหลุดรอดเข้าไปอยู่ในสังคม และไม่สามารถค้นหาต้นตอของการติดเชื้อได้ ต่อมาเมื่อทำการตรวจคัดกรองมากขึ้น จึงพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากจนรักษาไม่ทัน
19.ปัญหาเศรษฐกิจและการว่างงาน ทำให้รัฐบาลจ่ายเงินอุดหนุนให้ประชาชนไปเที่ยวภายในประเทศ และกินอาหารนอกบ้าน ช่วยกระจายการระบาดของโควิดที่มีอยู่มากแล้ว ออกไปทั่วประเทศ
20.คนญี่ปุ่นจำนวนมากยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด เพราะเกรงอันตรายจากผลข้างเคียงในการฉีดวัคซีน และข่าวที่สับสนในประสิทธิภาพของวัคซีนยี่ห้อต่างๆ ซึ่งเป็นของที่คิดค้นขึ้นใหม่ ว่าจะป้องกันโควิดกลายพันธ์ เช่นสายพันธ์แอฟริกา อังกฤษหรือบราซิลที่รุนแรงกว่าสายพันธุ์จีนได้หรือไม่ คนญี่ปุ่นจำนวนมาก จึงยังไม่ตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่
21.เชื้อโควิดกลายพันธุ์ มีการพบเชื้อโควิดสายพันธุ์บราซิล และอังกฤษระบาดในญี่ปุ่น ทำให้ยาที่เคยใช้ได้ผลในการรักษาโควิดสายพันธุ์จีนมีประสิทธิภาพลดลง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี