วิกฤติโรคโควิดที่ระบาดเข้าไปในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2563 ทำให้มีผู้ติดเชื้อกว่า 31.9 ล้านคน เสียชีวิต 576,298 คน ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดในโลก (ข้อมูล 13 เม.ย.64) คนที่มีบทบาทสำคัญเสมือนหนึ่งแม่ทัพในสงครามโควิดของสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ คือ นายแพทย์แอนโทนี่ เฟาซี่ (Anthony Fauci) ผู้ได้รับรางวัลเจ้าฟ้ามหิดลของประเทศไทย ในพ.ศ.2556 ด้วยผลงานดีเด่นด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อมนุษยชาติ
หมอเฟาซี่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียน เกิดเมื่อ พ.ศ.2483 พ่อเป็นเจ้าของร้านขายยาที่นิวยอร์ก เรียนจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยคอร์แนลเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ และได้พัฒนาวิธีการรักษาโรคร้ายแรง เช่น โรคเอดส์และโรคข้อทำงานที่โรงพยาบาลในกรุงนิวยอร์ก แล้วได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติ (NIAID National - Institute of Allergy andInfectious Diseases) หมอเฟาซี่ เป็นผู้อยู่ในแนวหน้าในการผจญกับโรคติดต่อมาแล้วหลายโรค เช่น โรคเอดส์ ซาร์ส หวัดนก เมอร์ส อีโบล่า และโควิด-19 และได้เป็นคณะทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐ 7 คน ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีเรแกน เคยทำงานเกี่ยวกับการป้องกันโรคเอดส์ และการพัฒนายาวัคซีนป้องกันอาวุธชีวภาพ หลังเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด 9/11
พ.ศ.2563 ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้แต่งตั้งให้หมอเฟาซี่เป็นกรรมการเรื่องโควิดของทำเนียบขาว แต่หมอเฟาซี่เกิดความขัดแย้งกับประธานาธิบดีทรัมป์และสมาชิกพรรครีพับริกันหลายคนเกี่ยวกับการปิดเมืองล๊อคดาวน์ และการใส่หน้ากาก จนหมอเฟาซี่เกือบโดนไล่ออกจากคณะทำงานเรื่องโควิดต้องงดการปรากฏตัวต่อสื่อมวลชน และถูกข่มขู่เอาชีวิตจากพวกที่ไม่เห็นด้วย
ประธานาธิบดีทรัมป์และพวกพ้อง เรียกหมอเฟาซี่ ว่าเป็นพวก “กระต่ายตื่นตูม” “เจ้าแห่งการหลอกลวง” และ “ทำความผิดหลายอย่าง” เช่น การขอร้องไม่ให้ประชาชนแห่กันไปซื้อหน้ากากอนามัยชนิด N95 เพื่อสงวนไว้ใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ หรือการปิดร้านอาหาร เพราะจะทำให้ตลาดหุ้นราคาตก คนว่างงานพุ่งขึ้นสูง ประเทศชาติอยู่ในความหวาดกลัว
หมอเฟาซี เล่าว่า ตนเคยแสดงความกังวลต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ที่มักเชื่อความเห็นเกี่ยวกับโรคโควิด-19 จากบรรดาเพื่อนๆ ในแวดวงนักธุรกิจของตนเอง แต่ชาวอเมริกันจำนวนมากเชื่อหมอเฟาซี่ที่แนะนำให้เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยพยายามอยู่ที่บ้าน และยกย่องให้หมอเฟาซี่เป็นวีรบุรุษที่มากับความจริง หมอเฟาซี่เคยแถลงคัดค้านคำแนะนำของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ว่า ยาไฮดรอกซี่คลอโรควิน ที่รักษาโรคมาลาเรียนั้นสามารถรักษาโรคโควิดได้ คัดค้านการจัดงานฉลองผู้พิพากษาศาลสูงสุดในทำเนียบขาวหลังจากได้ตรวจพบว่าประธานาธิบดีทรัมป์ติดเชื้อโควิดเมื่อ 10 วันก่อน และคัดค้านคำแถลงของประธานาธิบดีที่ว่าเชื้อโควิดเกิดจากการสร้างในห้องปฏิบัติการของประเทศจีน ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์โกรธหมอเฟาซี่มาก
ต่อมา เมื่อมีการเปลี่ยนประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประธานาธิบดีไบเดน ได้เชิญหมอเฟาซี่มาเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาของประธานาธิบดีด้านการแพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอเฟาซี่ในการดำเนินการเกี่ยวกับโควิด โดยออกคำสั่ง บังคับการสวมหน้ากากอนามัยขณะใช้ระบบขนส่งสาธารณะ สนามบิน และอยู่ในสถานที่ราชการ กักกันผู้เดินทางเข้าสหรัฐ ขยายการผลิตและรณรงค์การฉีดวัคซีน ตลอดจนการกลับไปเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลก
หมอเฟาซี่แนะนำคนอเมริกันว่า วัคซีนโควิดที่ฉีดกันอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีอะไรที่มีประสิทธิภาพ 100% โดยจะป้องกันโควิดอยู่ราว 6 เดือนเท่านั้น เพราะจะมีไวรัสกลายพันธ์ใหม่ๆออกมา เช่น สายพันธ์อังกฤษ แอฟริกัน หรือบราซิล ดังนั้นคนที่ฉีดวัคซีนแล้วจะต้องกลับไปฉีดซ้ำอีกในเวลากำหนด พยายามหลีกเลี่ยงที่มีคนมาก เช่น ในร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และการเดินทางในยานสาธารณะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี