เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปแล้วว่า "สมุนไพรกระชายขาว" และ "ฟ้าทะลายโจร" นั้น มีสรรพคุณในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิดได้ แต่ขณะนี้มีสมุนไพรอีกตัวหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่สนใจระดับโลก คือ โกฐจุฬาลัมพา (Artimesia annua) ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยเพื่อใช้รักษามะเร็งปอด ลำไส้ใหญ่ เต้านม และปากมดลูก
เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 ประธานาธิบดี อังเดร ราโจริน่า (Andry Rajoelina) แห่งมาดากาสการ์ ได้ชวนเชิญประชาชนและนักเรียนให้ดื่มน้ำสมุนไพรจากใบของต้นไม้ ชื่อ "อาร์ทีมิเซีย (Artemisia)" ซึ่งใช้ได้ผลในแอฟริกา ในการรักษาโรคมาลาเรียชนิดที่ดื้อยาคลอโรควิน มาใช้รักษาป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด แต่ได้รับการทักท้วงจากองค์การอนามัยโลก เพราะยังไม่มีผลการวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่ยืนยัน แต่รัฐบาลมาดากาสการ์ยืนยันจะใช้ต่อไปเพราะได้ใช้รักษาผู้ป่วยโควิดระยะต้นที่ไม่รุนแรงนักและไม่มีโรคอื่นแทรกซ้อน เช่น เบาหวานได้ผลดีมาแล้ว ดังนั้น จึงไม่รอการวิจัยแบบแผนปัจจุบัน
อาร์ทีมีเซีย (Artemisia Annua หรือ common wormwood หรือ Sweet annie) เป็นสมุนไพรต้นไม้ล้มลุกอายุ 1 ปี ที่เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชีย วงศ์ทานตะวัน ใบคล้ายผักชี สูง1-2 เมตร ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ใช้ลำต้นส่วนเหนือดินก่อนออกดอกมาทำเป็นยา ดอกสีเหลืองหรือแดง (พันธุ์ดอกสีเหลือง Artemisia princeps Pamp มีพิษ ถ้ากินเกินขนาดอาจตายได้) คนจีนเรียก “ชิงเฮา Qinghao” คนไทยเรียก “โกฐจุฬาลัมพา” ใช้ในยาจีนมากว่า 2,000 ปีแล้วในการรักษาโรคหลายชนิด เช่น มาลาเรีย และลดไข้ตัวร้อน โดยชงเป็นน้ำชาดื่มแล้วสามารถลดปริมาณเชื้อมาลาเรียในร่างกายลงได้
ส่วน Artemisia Afra (African wormwood) เป็นพืชพื้นเมืองของแอฟริกา ใช้ราก ใบ และก้าน รักษาโรคตับ โรคไต โรคเก้าท์ แก้ไอ แก้ไข้หวัด หวัดใหญ่ เบื่ออาหาร มาลาเรีย เบาหวาน สูดดม สูบแบบบุหรี่ ใช้เป็นสารไล่แมลงสาบ และแมลง มีการผลิตยาสมุนไพรในมาดากาสการ์ จากต้นอารทีมีเซียสองชนิดนี้ ในรูปของเครื่องดื่ม แคปซุล และยาฉีด โดยมีการทดสอบในห้องปฏิบัติการของเยอรมันและเดนมาร์ก และกำลังทดสอบในมนุษย์ที่จีน และมหาวิทยาลัยเคนทักกี้ ของสหรัฐ
ในตำราแพทย์แผนไทย มีการใช้สมุนไพรส่วน เหง้าและรากแห้งของ “โกฐทั้งห้า” ได้แก่ โกฐหัวบัว (Ligusticum sinense) โกฐสอ (แปะลี้ Angelica dahurica) โกฐเขมา (อ่านว่า ขะ-เหมา ซังตุ๊ก Atractylodes lancea) โกศเชียง (ตังกุย Angelica sinensis) และโกฐจุฬาลัมพา (ยอดแห้งของต้นชิงฮาว หรือ เหี่ยเฮี้ยะ หรือ อ้าย Artemisia annua) เป็นส่วนประสมในยาไทยหลายชนิด ใช้แก้ไอ แก้หืด ขับเหงื่อ เช่นยาแก้ไข้เจรียง (ไข้จับสั่นวันเว้นวัน) แก้ไข้ที่มีเม็ดผื่นขึ้นตามลำตัว เช่น หัด สุกใส ประดง แก้โรคผิวหนังผื่นคัน โดยใช้ต้นแห้ง 3 - 10 กรัมมาต้มน้ำกิน หรือทาผิวหนัง ใช้ทำ ยาหอมเทพจักร ยาหอมอินทจักร ยาหอมเนาวโกฐ ยาหอมทิพโอสถ มีสรรพคุณไล่ลม ขับลม จุกแน่น แก้ไข้ ลดเสมหะ แก้หืด แก้ไอ แก้โรคปอด โรคในปากคอ แก้ลมในกองธาตุ ชูกำลังบำรุงโลหิต เป็นพืชไม่มีพิษ
ตำรับยาจีน แก้ผื่นคันและมีอาการคันตามผิวหนัง จะใช้โกฐจุฬาลัมพา 35 กรัม, ตี้ฟูจื่อ 20 กรัม, แปะเสียงพ๊วย 20 กรัม และพริกหอมอีก 10 กรัม นำมาต้มกับน้ำ แล้วใช้ไอน้ำอบตัว
ตำรับยาจีนรักษาผู้มีอาการปวดมดลูก ตกเลือด จะใช้โกฐจุฬาลัมพา 6 กรัม นำมาเข้าตำรายากับหัวแห้วหมู 15 กรัม, แปะเจียก 15 กรัม, โกฐเชียง 10 กรัม และง่วนโอ๊ว 10 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน
ตำรับยาจีนรักษาอาการปวดเอ็น ปวดข้อ ปวดกระดูก จะใช้โกฐจุฬาลัมพาม้วนเป็นเส้นแล้วจุดไฟเผาแล้วนำไปลนที่หัวเข็มตอนฝังเข็ม จะทำให้ตัวยาซึมเข้าผิวหนัง
โกฐจุฬาลัมพา (ในหนังสืออ้างว่าเป็นชนิด Artemisia vulgaris L.) ในส่วนของใบนั้นจะใช้เป็นยาขับเหงื่อ ขับลมในลำไส้ แก้ท้องร่วง ถ่ายพยาธิ ขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงมดลูก ช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ระงับอาการปวดท้องและอาการเจ็บท้องคลอดลูก ถ่ายน้ำเหลืองเสีย แก้ไขข้ออักเสบ และช่วยระงับอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ด้วยการใช้ใบนำมาต้มเอาแต่น้ำดื่ม ส่วนการใช้ภายนอกจะใช้ใบสดนำมาตำให้ละเอียดแล้วนำไปพอกแก้โรคปวดศีรษะ รักษาบาดแผลเรื้อรัง แก้อาการเคล็ดบวม และใช้สูบควันแก้โรคหืด ในส่วนใบและช่อดอก จะนำมาต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาแก้ขับเสมหะ แก้หืด และอาหารไม่ย่อย
ประกาศของคณะกรรมการแห่งชาติด้านยาของประเทศไทย (ฉบับที่ 5) มีปรากฏการใช้สมุนไพรโกฐจุฬาลัมพาในหลายตำรับ ได้แก่ ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิตหรือยาแก้ลม ซึ่งมีปรากฏในตำรับ "ยาหอมเทพจิตร" และตำรับ "ยาหอมนวโกฐ" ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาอยู่ในพิกัดโกฐทั้งเก้าร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็นยาแก้ลมวิงเวียน แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน และแก้ลมจุกแน่นในท้อง และในยาแก้ไข้ก็มีปรากฏในตำรับ "ยาจันทน์ลีลา" และตำรับ "ยาแก้ไข้ห้าราก" ที่มีส่วนประกอบของโกฐจุฬาลัมพาร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ อีกในตำรับ โดยมีสรรพคุณเป็นยาบรรเทาอาการไข้ตัวร้อน ไข้เปลี่ยนฤดู
โกฐจุฬาลัมพาเป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ในตำรับยาแผนโบราณของไทยหลายตำรับ และได้มีการนำมาใช้ในเครื่องยาไทยที่เรียกว่า "พิกัดโกฐ" โดยโกฐจุฬาลัมพานั้นจัดอยู่ใน "โกฐทั้งห้า" (เบญจโกฐ), "โกฐทั้งเจ็ด" (สัตตโกฐ) และ "โกฐทั้งเก้า" (เนาวโกฐ) ซึ่งมีสรรพคุณโดยรวมคือเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้ร่วมกับมีเสมหะ แก้หืดไอ แก้หอบ แก้สะอึก แก้ลมในกองธาตุ ช่วยขับลม ใช้เป็นยาชูกำลัง บำรุงโลหิต และบำรุงกระดูก
โกฐจุฬาลัมพาเป็นเครื่องยาไทยที่มีรสสุขุม หอมร้อน มีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้เจลียง (ไข้จับวันเว้นวัน), ไข้เจรียง (ไข้ที่มีเม็ดผื่นขึ้นตามตัว เช่น เหือดหัด สุกใส ดำแดง รากสาด ประดง), แก้ไข้เพื่อเสมหะ, แก้ไข้จับ, แก้หืด, แก้ไอ, ใช้เป็นยาขับเหงื่อ, เป็นยาเจริญอาหาร, เป็นยาระบาย, เป็นยาเร่งประสาทส่วนกลางเหมือนการบูร, แก้ตกเลือด, ช่วยขับลม, ใช้ตำพอกแก้ลม แก้อาการช้ำใน แก้ปวดเมื่อยรูมาติก, แก้บิด, แก้อาการปวดท้องหลังคลอด และแก้ระดูที่มากเกินไปของสตรี ซึ่งโกฐจุฬาลัมพาชนิดนี้นั้นเป็นเครื่องยาที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในตำรับยาไทย เช่น ตามบัญชียาจากสมุนไพร พ.ศ.2544 กลุ่มยาแผนไทยหรือยาแผนโบราณ 50 รายการ มีโกฐจุฬาลัมพาเป็นส่วนประกอบอยู่มากถึง 13 ตำรับ
น้ำมันระเหยของโกฐจุฬาลัมพา (ในหนังสืออ้างว่าเป็นชนิด Artemisia vulgaris L.) สามารถกระตุ้นผิวหนังได้เล็กน้อย โดยทำให้ผิวหนังมีความรู้สึกร้อนหรือมีอาการแดง หากนำมารับประทาน 2-5 กรัม พบว่าสามารถช่วยย่อยอาหารและเจริญอาหารได้ แต่หากรับประทานมากเกินอัตราส่วน จะทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบอย่างเฉียบพลัน
นอกจากนี้ น้ำมันระเหยยังสามารถรักษาโรคหอบหืด อาการไอ ขับเสมหะ ใช้แก้หลอดลมอักเสบในหนูทดลองได้ด้วย อีกทั้งยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้หลายชนิด เช่น เชื้อของโรคคอตีบ เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดบิด เป็นต้น
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในชิงเฮาหรือโกฐจุฬาลัมพา (Artemisia annua L.) คือ สารอาร์เทมิซินิน (Artemisinin) หรือ ชิงเฮาซู (Quinghousu) สามารถออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อพลาสโมเดียมในระยะที่อยู่ในเม็ดเลือดได้ ซึ่งให้ผลดีในการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียทั้งชนิดฟัลซิปารัม (Plasmodium falciparum) และชนิดไวแวกซ์ (Plasomdium vivax) โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ดื้อยา ซึ่งในปัจจุบันสารชนิดนี้และอนุพันธุ์กึ่งเคมีสังเคราะห์ถูกนำมาใช้เป็นยาแก้ไข้จับสั่นในหลายประเทศรวมทั้งจีน และเป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลก (WHO) และเป็นเครื่องยาที่ได้รับการรับรองในการแพทย์แผนจีน
นอกจากนี้ ยังพบว่าเครื่องยาชนิดนี้ยังมีสารกลุ่มฟลาวานอยด์หลายชนิด ซึ่งช่วยเสริมฤทธิ์ต้านเชื้อไข้จับสั่นกับสารอาร์เทมิซินิน เช่น casticin, cirsilineol, chysoplenol-D, chrysoplenetin เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี