ไม่ว่าคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายจะอยู่วัยไหนๆ 40…45…50 คงไม่มีใครอยากแก่แต่เมื่ออายุมากขึ้น เราคงปฏิเสธไม่ได้กับความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ รวมถึงอารมณ์ แม้จะเป็นไปตามธรรมชาติแต่ก็มักจะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกายภายนอก ทั้งรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ อวัยวะต่างๆ เสื่อมถอยลงไปเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่ออารมณ์และจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่หงุดหงิดง่าย การคิดเล็กคิดน้อย บางคนก็กลับเป็นคนซึมเศร้า หดหู่ รวมถึงก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆตามมา
ข้อมูลจาก ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ กรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพเปิดเผยว่า ถ้ารู้เท่าทันและรับมืออย่างถูกวิธี จะช่วยให้เราสตรองและสมาร์ทกว่าอายุจริง วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ชีวิตในวัยทองบนโลกใบนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงมีความสุข ก็คือ
หมั่นดูแลรักษาสุขภาพ เริ่มจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทุกหมู่ มีแคลเซียมสูง ย่อยง่าย ถ้าเป็นอาหารประเภทโปรตีนควรเป็นชนิดที่มีไขมันน้อย หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมันและหนังสัตว์ เน้นผักสดผลไม้ ที่อุดมด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ มีกากและเส้นใยในปริมาณมากขึ้น เช่น ฝรั่ง ลูกพรุน ส้ม เพื่อช่วยให้ระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายดีขึ้น ลดการดื่มชากาแฟ แอลกอฮอล์ ดื่มน้ำวันละประมาณ 8-10 แก้ว ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ และตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำทุกปี
ควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน เพราะนอกจากความอ้วนจะนำมา ซึ่งโรคร้ายต่างๆ แล้ว ยิ่งน้ำหนักตัวมากเท่าไร ข้อต่างๆ ในร่างกายก็ยิ่งต้องรับภาระมากขึ้นจึงอาจจะทำให้เสื่อมได้เร็วขึ้น ดังนั้น ควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด ขนมหวาน ฯลฯ ที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดียิ่งขึ้น และควรเป็นการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก เช่น การวิ่ง การเดิน เพื่อกระตุ้นการสร้างกระดูก และช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
สมองดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ถึงจะอายุมากแล้วก็ควรหมั่นฝึกสมอง Brain exercise อยู่เป็นประจำ การบริหารสมองด้วยการหากิจกรรมต่างๆ ที่ใช้ความคิด เช่น อ่านหนังสือ คิดเลขในใจ เล่นเกมครอสเวิร์ด ปริศนาอักษรไขว้ ก็ยิ่งเปิดโอกาสให้สมองได้ทำงานและพัฒนาอยู่เสมอ เพราะสมองก็เปรียบเสมือนร่างกาย หากได้บริหารและหมั่นใช้งานอยู่ตลอด ก็จะช่วยให้ความจำดีขึ้น ขณะเดียวกันควรรับประทานอาหารประเภทโปรตีน
ยอมรับความเป็นจริง เราต้องไม่ยึดติดนิสัยเดิมๆ หรือความเคยชินเก่าๆ อีกต่อไป เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงและสิ้นสุดได้เสมอ การยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าความเป็นหนุ่มสาว ความสวยความงาม หน้าที่การงาน ฯลฯ อันเป็นสิ่งไม่จีรังยั่งยืน ล้วนแต่นำมาซึ่งความทุกข์ อย่าเสียดายอดีต หวาดกลัวกับปัจจุบัน และวิตกกังวลต่ออนาคต เพราะคุณสามารถทำแต่ละวันให้ดีได้ด้วยตัวคุณเอง
อยู่อย่างมีชีวิตชีวา การแยกตัวไปอยู่ตามลำพังยิ่งจะนำมาซึ่งความรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว ลองเข้าร่วมวงสนทนา ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับรู้ความเป็นไปและความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในสังคม หรือหางานอดิเรกเล็กๆ น้อยๆ ทำบ้าง เช่น ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ทำงานฝีมือ ถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินใจและคลายความเหงาได้ไม่น้อย
สร้างความสงบให้จิตใจ การใช้ชีวิตอยู่แบบสงบสุข ไปวัดทำบุญ ปฏิบัติธรรม ฝึกทำสมาธิบ้าง ขณะเดียวกันก็ลดความโลภ โกรธ หลง ลงบ้าง พร้อมๆ กับการรู้จักมองโลกในแง่ดี ไม่จู้จี้จุกจิก รู้จักแสดงความยินดีกับผู้อื่น รวมทั้งช่วยสังคม และสาธารณกุศลเมื่อมีโอกาส ดีกว่าจะพกพาอารมณ์โกรธ หงุดหงิดติดตัว เพราะอารมณ์เหล่านี้จะมีผลต่อการทำงานของอวัยวะภายในต่างๆ เช่น ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง กระเพาะอาหารบีบรัดตัวมาก ซึ่งล้วนมีผลเสียต่อสุขภาพและพลอยทำให้ชีวิตในบั้นปลายขาดความสุขไปด้วย
มองหาตัวช่วย การใช้อาหารในการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบและไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลเรื่องอาหารการกิน การเสริมอาหารฟังก์ชั่นอาจเป็นทางเลือกหนึ่ง อาทิ โสม ประกอบด้วยสาร“จินเซนโนไซด์” ช่วยเสริมการทำงานของสารสื่อประสาท น้ำมันปลา ซึ่งประกอบด้วยโอเมก้า 3 ที่จะช่วยลดไขมันในเลือดและป้องกันโรคหัวใจ พรีไบโอติกและโพรไบโอติก ที่ช่วยรักษา สมดุลของระบบทางเดินอาหารที่จะส่งผลดีต่อสุขภาพและระบบต่างๆ ภายในร่างกาย เป็นต้น
จะเห็นว่าการต้านความชราและชะลอเสื่อมให้กับร่างกายนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่คุณรู้จักหลักปฏิบัติง่ายๆ เหล่านี้ เปรียบเสมือนกุญแจดอกสำคัญที่ไขไปสู่การมีสุขภาพที่ดีและช่วยคืนความอ่อนเยาว์สู่คุณ
สำหรับท่านที่ยังลังเลไม่ไปฉีดวัคซีนโควิด-19 ล่าสุด 14 พ.ค.นี้ ข้อมูลจาก ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผย ผลการศึกษาประสิทธิผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของวัคซีนโรคโควิด-19 ทั้งสองชนิดที่ฉีดในคนไทย ของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า “ทั้งวัคซีนของซิโนแวค และวัคซีนของแอสตราเซเนกาสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีมาก ผู้ได้รับวัคซีนเกือบทุกรายสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับสูง โดย 97.26% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มแรกแล้ว 4 สัปดาห์ และ 99.49% ของผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคสองเข็มแล้ว 4 สัปดาห์ สามารถสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้” ฉะนั้นอย่ารอช้ารีบพยายามลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นหรือไลน์ “หมอพร้อม” ให้ได้ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและคนรอบข้างที่คุณรัก
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี