ประเทศสิงคโปร์ มีประชากร 5.9 ล้านคน พบเชื้อโควิด 61,121 คน เสียชีวิต 30 คน อัตราผู้เสียชีวิต 5 คน ต่อประชากรล้านคน (ข้อมูล 29 เม.ย.64)
สิงคโปร์ พบเชื้อโควิดครั้งแรกจากนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองอู่ฮั่น เมื่อ 23 มกราคม 2562 แล้วแพร่ไปในกลุ่มจัดประชุม งานเลี้ยงตรุษจีน และพิธีกรรมในโบสถ์คริสต์ เดือนมีนาคม 2563 คนสิงคโปร์ที่ทำงานในต่างประเทศทยอยกันเดินทางกลับสิงคโปร์ตามคำชวนของรัฐบาลโดยนำเอาเชื้อโควิดสายพันธุ์ต่างประเทศกลับมาด้วย
มีการปิดเมืองล้อคดาวน์ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โคโรน่าแวคและโมเดิร์นน่า อัตราผู้เสียชีวิตเพราะโควิดของสิงคโปร์ต่ำที่สุดในโลก คือ 0.05% ขณะที่อัตราเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 4.34 % มีการติดตามและกักตัวผู้ติดเชื้อและผู้ใกล้ชิดอย่างเข้มงวด ผู้ติดเชื้อร้อยละ 90 เป็นคนงานต่างชาติรายได้น้อยกว่า 50,000 คน จากอินเดีย บังคลาเทศ พม่า ไทยฟิลิปปินส์ ที่มีจำนวนทั้งหมดราว 1.6 ล้านคน ซึ่งมาทำงานก่อสร้างและโรงงาน อยู่กันในหอพักอย่างแออัดใช้ห้องสุขาร่วมกันจนไม่สามารถเว้นระยะห่างทางสังคมได้
สิงคโปร์ได้ตรวจคัดแยกคนงานต่างชาติที่ติดเชื้อโควิดราว 10,000 คน เข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลสนาม หรือกักตัวไว้ในห้องพักไม่ให้ออกไปไหน โดยมีการส่งอาหารไปให้เพื่อป้องกันมิให้แพร่เชื้อโควิดไปยังบุคคลอื่นจนกว่าจะตรวจไม่พบเชื้อ นอกจากนี้ ยังได้ควบคุมการพักอาศัยในหอพักคนละ 6 ตารางเมตร ลดผู้พักในแต่ละห้องไม่ให้เกิน 10 คน และเพิ่มจำนวนห้องน้ำ โดยดัดแปลงโรงงาน โกดัง โรงแรม และเรือสำราญมาเป็นหอพักเฉพาะกิจ และสร้างหอพักคนงานต่างชาติเพิ่มเติมบริเวณนอกเมือง เพื่อไม่ให้อยู่กันอย่างแออัดจนเกินไป และปรับปรุงระบบสุขอนามัยที่ย่ำแย่จนสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ในเดือนธันวาคม 2563 ประเทศไทยได้อาศัยบทเรียนจากประสบการณ์จากสิงคโปร์ในการตรวจโรคเชิงรุก จำกัดวงพื้นที่อยู่อาศัยและการเคลื่อนย้ายแรงงานไม่ให้เชื้อแพร่สู่ชุมชนภายนอกมาใช้ในการควบคุมการระบาดของโควิดในกลุ่มแรงงานชาวพม่าที่จังหวัดสมุทรสาคร ตอนต้นปี 2564
สำนักข่าวบลูมเบิร์กที่ทรงอิทธิพล ได้จัดอันดับให้ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศดีที่สุดในโลกที่จะไปอยู่ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด เพราะมีมาตรการรับมือกับโควิดที่เข้มแข็งได้ผลดีเยี่ยม ตามด้วยนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อิสราเอล ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับอิมิเรตส์ ฟินแลนด์ ฮ่องกง เวียดนาม ไทย จีน เดนมาร์ก และนอรเวย์ โดยพิจารณาจาก ความแข็งแกร่งของมาตรการควบคุมโควิด ประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุข การฉีดวัคซีน อิสรภาพในการเคลื่อนไหว และขีดความสามารถของโรงพยาบาล ส่วนประเทศที่ย่ำแย่ที่สุดในโลกในเรื่องการสู้ภัยโควิด ได้แก่ บราซิล โปแลนด์ อาร์เจนติน่า โคลัมเบีย อิหร่าน เมกซิโก เปรู ตุรกี และฟิลิปปินส์
สิงคโปร์ได้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เคยแพร่ระบาดจนเกือบเป็นศูนย์ ด้วยการเข้มงวดในการผ่านแดน และการกักตัวที่เคร่งครัด จนกระทั่งชาวสิงคโปร์สามารถไปร่วมงานคอนเสิร์ตและท่องเที่ยวในเรือสำราญได้ สิงคโปร์ได้จัดให้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ถึง 1 ใน 5 จำนวนผู่เสียชีวิตเพราะโควิดมีต่ำมาก ประชาชนมีอิสรภาพในการเดินทางและทำกิจกรรม และแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ไม่เลวร้ายมากนัก
สิงค์โปร์เป็นประเทศแรกในเอเชียที่ได้รับวัคซีนจากไฟเซอร์ นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เป็นผู้นำคนแรกในอาเซียนที่ฉีดวัคซีนต้านโควิดและยังเตรียมเปิดประเทศปลายปี 2564 นี้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกด้วย
เดือนเมษายน 2564 มีรายงานว่า โควิดสายพันธุ์อินเดียแพร่ระบาดเข้าไปในสิงคโปร์และกัมพูชา มีการตรวจพบพยาบาลฟิลิปปินส์ที่ฉีดวัคซีนแล้วและพนักงานอีก 13 คน ติดเชื้อโควิดที่โรงพยาบาล ตัน ต็อกเส็ง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินชางงี และหญิงทำความสะอาดชาวเวียดนามซึ่งฉีดวัคซีนครบแล้วที่มหาวิทยาลัยสิงคโปร์ มีการกักตัวแรงงานต่างชาติราว 1,200 คน เพื่อสกัดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี