ในช่วงที่มีไวรัสระบาดนี้ นอกจากเราจะต้องระมัดระวังตัวไม่ให้ได้รับเชื้อแล้ว เรายังต้องฉลาดที่จะรู้จักดูแลระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย ข้อมูลจาก ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ กรรมการบริหาร มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ เปิดเผยว่าตามปกติ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอยู่ตลอดเวลามาเรียนรู้การช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบภูมิคุ้มกันของเรา ดังนี้
นอนพักผ่อนให้ถูกต้องและพอเพียง การนอนหลับสนิทในที่มืดโดยไม่มีการรบกวนจากแสง เสียง และคลื่นสื่อสารใดๆ นั้นจะทำให้ระบบการผลิตฮอร์โมนที่จะช่วยต่อต้านความแก่ชราได้รับการผลิตออกมาอย่างมากเพียงพอที่จะทำให้ร่างกายสดชื่น ลดอาการอ่อนล้า และที่สำคัญยังช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้นกันได้รับการฟื้นฟูจากการทำงานหนักตลอดวันอีกด้วย ควรเข้านอนเป็นประจำให้หลับสนิทก่อนเที่ยงคืน
ได้รับสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างและซ่อมแซมระบบภูมิคุ้มกันอย่างถูกต้องและพอเพียง การรับประทานพืชผักและผลไม้สดตามฤดูกาล โดยเฉพาะพืชผักผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูงจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น ได้แก่ พืชที่มีสีสันสดใส รวมทั้งเห็ดทุกชนิด ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวและมีปริมาณน้ำตาลน้อย สมุนไพรต่างๆ เช่น ขมิ้น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ฯลฯ สารอาหารที่ให้แร่ธาตุสังกะสีสูง เช่น หอยทะเล และผักสีเขียวเข้ม เช่น ผักโขม นอกจากสารอาหารแล้ว
การดื่มน้ำสะอาดเป็นระยะๆ อย่างพอเพียงก็จะช่วยเสริมการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายทำให้ภูมิคุ้มกันในรูปแบบต่างๆ สามารถที่จะไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้ดีขึ้น
การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอในที่มีอากาศบริสุทธิ์ นอกจากจะช่วยกระตุ้นการผลิตภูมิคุ้มกัน ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายให้ดีขึ้นอีกด้วย และช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนต่อต้านความแก่ชราจากสมองซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่แก่ชราและกระฉับกระเฉงไปด้วย
การได้รับวิตามินดีจากแสงแดดเป็นประจำ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าคนที่ทำงานในที่โล่งแจ้งและได้รับแสงแดดอย่างพอเพียงนั้นจะไม่ค่อยป่วยเป็นไข้หวัดเหมือนคนที่ทำงานในสำนักงานและไม่เคยโดนแสงแดดเลยหรือโดนน้อยมาก เคล็ดลับก็คือวิตามินดีนั้นมีส่วนช่วยในการผลิตฮอร์โมนและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของคนเรา คนที่ได้รับวิตามินดีเพียงพอจึงมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น แต่ต้องทราบด้วยว่าแสงแดดที่ส่องลงตั้งฉากกับผิวหนังจึงจะเกิดการสร้างวิตามินดีที่ผิวหนังได้ และต้องไม่ทายากันแดดที่จะยับยั้งการได้รับการกระตุ้นจากแสงแดด แต่สำหรับคนทำงานออฟฟิศหรือชีวิตต้องอยู่ในที่ร่มนั้นก็ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อได้รับการเสริมให้พอเพียง
เจริญศีลภาวนาและการทำสมาธิเป็นประจำ มีงานวิจัยทางการแพทย์ พบว่า การทำสมาธิและการเจริญศีลภาวนานั้นจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกายได้นอกจากนี้แล้วการดำเนินชีวิตตามวิถีทางของพุทธศาสนานั้นจะช่วยเพิ่มการมีอายุขัยที่ยืนยาวและมีสุขภาพดีด้วยตามงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicineลงวันที่ 26 ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมา การแผ่เมตตาก่อนนอน รวมทั้งการสวดมนต์เพื่อทำจิตใจให้สงบและนอนหลับสนิทนั้นเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของการมีสุขภาพดีทั้งร่างกาย จิตใจ และระบบภูมิคุ้มกัน
งดเว้นการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาวิจัยใดๆ ที่ออกมาเพื่อที่จะบอกว่าการดื่มสุราในปริมาณไม่มากอาจจะมีส่วนช่วยในการทำให้อายุยืนยาวได้นั้น ไม่ได้มีการพูดถึงผลร้ายของแอลกอฮอล์เลยที่จะไปทำลายระบบเซลล์สมองและเซลล์ประสาท และยังไปทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานบกพร่องอีกด้วย ในความเป็นจริงนั้นผู้ที่เว้นจากการดื่มสุราจะนอนหลับสนิทกว่า การผลิตฮอร์โมนกันแก่ชราผลิตออกมาได้ดีกว่า และผลที่ตามมาก็คือ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้นหลังจากเลิกดื่ม
งดเว้นการอยู่ในที่มีฝูงชนพลุกพล่านและอยู่ในที่แออัดที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก การอยู่ในกลุ่มคนนั้นอาจมีบางคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีโรคติดเชื้อบางชนิด
ที่สามารถถ่ายทอดได้ทางละอองที่ฟุ้งกระจายมาในอากาศรวมทั้งอาจได้รับการเปื้อนปนสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลายจากการไอจามโดยไม่ปิดปากของผู้อื่นนอกจากนี้ การอยู่ในห้องที่มีแอร์คอนดิชั่นแต่อากาศไม่ได้รับการกรองที่ถูกต้องเหมาะสมและไหลเวียนอยู่ในห้องตลอดเวลา ย่อมจะนำเอาสิ่งเปื้อนปนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะหรือเชื้อโรคที่ถ่ายทอดติดต่อกันได้ทางการหายใจและการสัมผัส เมื่อเป็นดังนี้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจึงต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเป็นผลทำให้เกิดการอ่อนล้าและอาจจะทำหน้าที่ในการปกป้องตนเองไม่ได้ดีดังเดิม
ลดปริมาณน้ำตาลในเลือดลง มีงานวิจัยพบว่าผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะมีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ต่ำทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย การลดระดับของน้ำตาลในเลือดให้เหลือน้อยเท่าที่ร่างกายจำเป็นจึงเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ระบบการทำงานได้เป็นปกติ สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การงดและละเว้นการบริโภคน้ำตาลในอาหารทุกชนิด รับประทานแป้งและอาหารที่มีแป้งเป็นส่วนประกอบให้น้อยลงโดยเฉพาะมื้อเย็น เดินประมาณ 10 นาทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จทุกครั้งหรือการทำการเว้นระยะการรับประทานอาหารและมีช่วงเวลาในการรับประทานให้น้อยลงที่เรียกว่า Intermittent Fastingก็ได้เช่นกัน
รับประทานอาหารที่มีแบคทีเรียที่เป็นมิตรต่อร่างกาย เรียกว่า โปรไบโอติค ซึ่งส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในลำไส้และทำหน้าที่เป็นหน้าด่านป้องกันเชื้อโรคร้ายจากภายนอกไม่ให้แพร่พันธุ์ และยังช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย อาหารที่มีโปรไบโอติค เช่น โยเกิร์ต ถั่วหมักและกิมจิที่เกิดจากการหมักตามธรรมชาติ ที่สำคัญคือ ไม่ควรจะรับประทานยาปฏิชีวนะเป็นประจำโดยไม่จำเป็นเพราะอาจไปทำลายแบคทีเรียที่เป็นมิตรของเราอีกด้วย
หาทางผ่อนคลายและลดความเครียด ความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจมีผลกระทบต่อทุกระบบของร่างกาย การเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายทั้งการผ่อนคลายร่างกายจากการไปทำสปาอาบน้ำแร่ นวดด้วยน้ำมันหอมระเหย ฯลฯ การออกกำลังกาย และการทำสมาธิบำบัดหรือการเดินทางเพื่อพักผ่อนในวันหยุดล้วนแล้วแต่มีผลทำให้ความเครียดลดลง และระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้นแทบทั้งสิ้น
ถ้าได้ปฏิบัติตนได้ทุกคำแนะนำที่กล่าวมาแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี