โรคมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็ก คือ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (acute leukemia) เกิดจากความผิดปกติของการสร้างและการเจริญเติบโตของ
เม็ดเลือดขาวในไขกระดูก ข้อมูลจาก รศ.นพ.ปิยะ รุจกิจยานนท์ หน่วยโลหิตวิทยากองกุมารเวชกรรม รพ.พระมงกุฎเกล้า เปิดเผยว่า ในประเทศไทยพบโรคมะเร็งชนิดนี้ประมาณ 38% ของมะเร็งทั้งหมดในเด็ก สามารถแบ่งโรคนี้ได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ได้แก่ Acute Lymphoblastic Leukemia (ALL) และ Acute Myeloid Leukemia (AML)
สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน ส่วนใหญ่ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ทั้งนี้ปัจจัยที่พบว่ามีความสัมพันธ์กับพยาธิสภาพการเกิดโรคได้แก่ การได้รับหรือสัมผัสกับรังสี, สารเคมีบางชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งสาร benzene (สัมพันธ์กับการเกิดโรค AML), ยาเคมีบำบัดบางชนิด ได้แก่ alkylating agents,epipodophyllotoxins และ anthracycline(สัมพันธ์กับการเกิดโรค secondary AML) และปัจจัยทางพันธุกรรม นอกจากนี้โรคทางพันธุกรรมบางชนิดพบว่ามีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ต่อการเกิดโรคเช่นกัน
ไขกระดูก (bone marrow) เป็นที่อยู่ของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (สเต็มเซลล์) และเป็นอวัยวะหลักที่ทำหน้าที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดชนิดต่างๆ ได้แก่ เม็ดเลือดแดง
เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด ในผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน เซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูกจะถูกแทนที่ด้วยเซลล์มะเร็ง ทำให้การสร้างเม็ดเลือดต่างๆ บกพร่องไป ดังนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมาพบแพทย์ด้วยอาการและอาการแสดงที่สัมพันธ์กับความบกพร่องของการสร้างเซลล์ เม็ดเลือดในไขกระดูก ได้แก่ อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ภาวะซีด จากการที่มีเม็ดเลือดแดงต่ำอาการไข้ หรือ การติดเชื้อ จากการที่มีเม็ดเลือดขาวชนิดปกติที่ต่ำ อาการเลือดออกง่ายเช่น จ้ำเลือด จุดเลือดออกตามตัว เลือดออกตามไรฟัน หรือ เลือดกำเดา จากการที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการปวดกระดูก ร่วมด้วยจากการที่มีเซลล์มะเร็งอัดแน่นอยู่ภายในไขกระดูก ในกรณีที่ผู้ป่วยมีก้อนมะเร็งในช่องอก ผู้ป่วยอาจจะมีอาการผิดปกติทางระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบเหนื่อย หายใจไม่อิ่ม หรือมีความผิดปกติทางระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หน้าและคอบวม จากการที่ก้อนไปกดทับทางเดินหายใจ หรือระบบไหลเวียนโลหิต ตามลำดับ
นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจจะมีอาการอื่นๆที่ไม่เฉพาะเจาะจงร่วมด้วย เช่น อาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด เมื่อทำการตรวจร่างกายผู้ป่วย นอกจากจะพบว่าผู้ป่วยมีภาวะซีด ไข้ หรือภาวะเลือดออกผิดปกติ ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันส่วนใหญ่พบว่ามี ตับม้ามโต และต่อมน้ำเหลืองโต สำหรับผู้ป่วยที่เซลล์มะเร็งลุกลามไปที่อัณฑะ จะพบว่ามีก้อนที่อัณฑะได้
ในผู้ป่วยที่เซลล์มะเร็งกระจายไปที่ระบบประสาท อาจจะพบว่ามีความผิดปกติของเส้นประสาทสมอง จากการตรวจร่างกาย อย่างไรก็ตามพบว่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่งอาจจะไม่มีความผิดปกติใดๆ เลย เว้นแต่มีเซลล์มะเร็งในน้ำไขสันหลัง นอกเหนือจากอาการและอาการแสดงดังกล่าวข้างต้น ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิด AML บางรายอาจพบว่ามีก้อนตามตัว มีเหงือกบวม หรืออาจพบก้อนกระจายที่ผิวหนัง
ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งชนิดนี้แล้ว ผู้ป่วยจะต้องได้รับการประเมินและตรวจหาการกระจายของโรคไปยังระบบประสาทส่วนกลาง ด้วยการเจาะน้ำไขสันหลังเพื่อทำการนับเซลล์ โดยการตรวจทางกล้องจุลทรรศน์ และการปั่น cytospin เพื่อส่งตรวจและย้อมพิเศษทางห้องปฏิบัติการ
การรักษาหลักของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ได้แก่ การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด โดยผู้ป่วยจะได้รับการรักษาตามระดับความเสี่ยงของโรค โดยอาศัยปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการพยากรณ์โรคของผู้ป่วย รวมถึงการตอบสนองต่อการรักษาในระหว่างที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด โดยทั่วไประยะเวลาในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิด ALL จะอยู่ที่ 2.5-3 ปี และระยะเวลาในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิด AML จะอยู่ที่ 6-8 เดือนสำหรับผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการพยากรณ์โรคที่ไม่ดี หรือผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดมาตรฐาน แพทย์ผู้รักษาอาจพิจารณาในการทำการปลูกถ่ายไขกระดูก หรือ การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด
ข้อมูลจาก ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีกรมหมื่นสุทธนารีนาถ เปิดเผยว่าการปลูกถ่ายไขกระดูกสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่มีโรคกลับเป็นซ้ำ หรือโรคที่ดื้อต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด มีค่าใช้จ่ายในการรักษารายละประมาณ 800,000-1,500,000 บาท โดยที่ผู้ป่วยจะต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อประมาณ 1-2 เดือน เพื่อรอให้เม็ดเลือดต่างๆ สร้างได้ตามปกติจึงจะออกมาจากห้องปลอดเชื้อได้
กระบวนการปลูกถ่ายไขกระดูก คือ กระบวนการที่ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดใหม่ วิธีการนี้ไม่ต้องผ่าตัดหากแต่เป็นการให้ยาเคมีบำบัดขนาดสูง ซึ่งอาจใช้ร่วมกับการฉายแสงเพื่อทำลายไขกระดูกเดิม จากนั้นนำเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (stem cell) จากไขกระดูกบริเวณกระดูกสะโพกด้านหลังของผู้บริจาคมาให้กับผู้ป่วยทางเส้นเลือดเพื่อที่เซลล์ดังกล่าวจะเข้าไปในไขกระดูก และสร้างเซลล์เม็ดเลือดตามปกติ ทั้งนี้การเก็บไขกระดูกไม่ได้เกี่ยวกับไขสันหลัง ดังนั้นวิธีการนี้จึงไม่เสี่ยงต่อการเกิดอัมพาต นอกจากนี้การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกยังสามารถใช้เพื่อการรักษาโรคที่เกิดจากความผิดปกติของไขกระดูกอื่นๆ เช่น โรคธาลัสซีเมีย และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องตั้งแต่กำเนิด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากผู้บริจาคจะต้องมีเนื้อเยื่อ HLA (Human Leukocyte Antigen) ที่เข้ากันได้กับผู้ป่วย โดยผู้ที่จะมีเนื้อเยื่อ HLA ตรงกันได้จะต้องเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่โอกาสที่พี่น้องจะมีเนื้อเยื่อ HLA ตรงกันมีเพียง 25% หรือ1 ใน 4 เท่านั้น ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าพี่น้องของผู้ป่วยจะมีโอกาสให้ไขกระดูกกับผู้ป่วยได้ทุกราย สำหรับโอกาสที่บุคคลอื่นนอกเหนือจากพี่น้องที่จะมีเนื้อเยื่อ HLAเข้ากันได้กับผู้ป่วยมีประมาณ 1 : 50,000เท่านั้น ดังนั้นแต่ละรายจะต้องทำการค้นหาในบุคคลทั่วไปเป็นจำนวนมาก ในไทยมีศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดเหมือนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามโอกาสที่ผู้บริจาคจะมีเนื้อเยื่อ HLA ตรงกันกับผู้ป่วยในประเทศไทยมีโอกาสประมาณร้อยละ 50 นอกจากนี้ในปัจจุบันแพทย์สามารถนำเอาเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดจากแม่ พ่อหรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกันมาใช้ในการปลูกถ่ายไขกระดูกได้สำเร็จ ซึ่งแต่เดิมใช้ไม่ได้เนื่องจากมีปฏิกิริยาต่อต้านเป็นอย่างมาก แต่การรักษาด้วยวิธีนี้มีค่าใช้จ่ายสูงอย่างน้อยรายละ 500,000 บาท
นับตั้งแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถทรงรับกองทุนโรคมะเร็งในเด็ก ไว้ในพระอุปถัมภ์ จวบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ทรงมีพระเมตตาช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเด็กที่ยากไร้ทั่วประเทศในรพ.กว่า 20 แห่ง รูปแบบในการให้ความช่วยเหลือคือ ช่วยค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษา รวมทั้งค่ายา ค่าเดินทางมาตรวจรักษา ค่าที่พัก เวชภัณฑ์ต่างๆ ด้วย สามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชี “กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ฯ” SCB สาขาอ่อนนุช เลขที่บัญชี 133-2-08742-3 โทร.02-7183800 ต่อ 123 ใบเสร็จนำไปลดหย่อนภาษีได้ รายละเอียดที่ http://www.thaichildrencancerfund.org/
13 กรกฎาคมนี้ ตรงกับวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนานและขอถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี