นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย
สภากาชาดไทย เป็นองค์กรการกุศลระดับชาติดำเนินการเพื่อมนุษยธรรม ตามหลักกาชาดสากลเป็นองค์กรที่มีลักษณะเป็น พลวัต และนวัตกรรมมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวไปข้างหน้าสู่ความเป็นเลิศและเป็นไปตามคติทัศน์ของสภากาชาดไทย คือ การบรรเทาทุกข์ บำรุงสุข บำบัดโรค กำจัดภัย เพื่อประโยชน์สุขและเป็นที่พึ่งของประชาชน
และในโอกาสที่สภากาชาดไทยมีประกาศแต่งตั้งให้ นายเตช บุนนาค ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภากาชาดไทย เมื่อวันที่1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 หนังสือพิมพ์แนวหน้า จึงขอนำบทสัมภาษณ์ จาก วารสารฬ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงประสบการณ์ทำงาน ตลอดจนวิสัยทัศน์ การทำงานของสภากาชาดไทยในอนาคตมาให้ได้อ่านกัน
นายเตช บุนนาค ในบทบาทข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ
ชีวิตการทำงานของนายเตช บุนนาค เริ่มต้นจากการเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลที่ได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษา ณ ประเทศสหราชอาณาจักร จวบจนในปีพ.ศ. 2512 นายเตชได้เข้ารับราชการในตำแหน่งเลขานุการโท กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ การทำงานด้วยความตั้งใจทำให้ได้รับความไว้วางใจให้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้ากองเอเชียตะวันออก กรมการเมือง ในเวลาเพียงไม่นาน ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการผู้ร่วมสร้างผลประโยชน์แก่ประเทศชาติครั้งสำคัญ
หนึ่งในภารกิจที่สำคัญในช่วงชีวิตการปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศของนายเตชคือการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 ซึ่งท่านเล่าถึงการทำงานเพื่อสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในสมัยนั้นว่าได้เริ่มศึกษาประวัติศาสตร์และข้อมูลมาตั้งแต่เป็นเลขานุการโท นับเป็นปฏิบัติการที่มีความท้าทายอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นช่วงเวลานั้นที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่งได้เข้าสหประชาชาติ ประเทศไทยจึงเริ่มเดินหน้าเจรจาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย นายเตชเล่าถึงความทรงจำในช่วงเวลานั้นว่า “นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งและเป็นความท้าทายที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ”
เส้นทางนักการทูตของนายเตช ยังมีโอกาสได้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่างๆ อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา รวมถึงดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสำนักงานสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ท่านกล่าวถึงเส้นทางการปฏิบัติหน้าที่ไว้ว่า “เราทำงานเป็นข้าราชการ เราโชคดีที่ได้ทำหน้าที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมือง”
ถวายงานรับใช้ในสำนักราชเลขาธิการน้อมนำคำสอนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
นายเตช เล่าถึงอีกหนึ่งช่วงชีวิตที่สำคัญของชีวิตข้าราชการคือการได้รับโอกาสถวายงาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปีพ.ศ.2547ท่านได้ย้ายสังกัดจากกระทรวงการต่างประเทศไปเป็นที่ปรึกษาสำนักราชเลขาธิการ การได้รับโอกาสในครั้งนั้นทำให้ท่านได้ศึกษาความรู้ใหม่ๆ ในการบริหารตลอดจนกลไกการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ท่านเล่าให้ฟังถึงการรับราชการในช่วงเวลานั้นว่า “เป็นประสบการณ์ที่ดีต่อผมมาก เพราะได้มีโอกาสรับใช้เบื้องพระยุคคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ผมได้เห็นพระองค์ทรงงานมากมายเพื่อบ้านเมืองในทุกระดับอย่างละเอียดถี่ถ้วน”
การถวายงานพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทำให้นายเตชได้เห็นความใส่พระราชหฤทัยในรายละเอียดที่ควรนำมาเป็นแบบอย่างในการทำงานอาทิ เรื่องของซองจดหมาย ท่านเล่าถึงความประทับใจเมื่อครั้งทำงานที่สำนักราชเลขาธิการพระองค์ท่านทรงเกษียน (เขียน)ข้อความว่าสำนักราชเลขาธิการใช้ซองเปลืองทำให้ข้าราชบริพารต่างตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า นอกจากนี้พระองค์มีพระราชดำริอันสะท้อนถึงพระเมตตาต่อทุกชีวิต เช่นโปรดเกล้าฯ ให้ฟาร์มม้าสถานเสาวภาเลี้ยงม้าทุกตัวต่อไปแม้จะปลดประจำการแล้วก็ตาม เพราะม้าทุกตัวล้วนเคยช่วยงานทำประโยชน์ให้กับสภากาชาดไทยมาแล้วทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแบบอย่างที่ดีที่สามารถนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและการทำงานตลอดมา
สภากาชาดไทย บทบาทการทำงานเพื่อองค์กรสาธารณกุศล
นายเตชเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการทำงานในสภากาชาดไทยว่าเมื่อครั้งที่ท่านยังปฏิบัติหน้าที่ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิสท่านได้มีโอกาสเฝ้าฯรับเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงมีรับสั่งว่าหลังจากเกษียณอายุราชการแล้วให้มาช่วยงานสภากาชาดไทย ดังนั้นหลังจากที่ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อปีพ.ศ. 2551 จึงมีโอกาสเข้ามาสนองพระราชประสงค์ของพระองค์ท่าน
นายเตชรับตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ สภากาชาดไทย ฝ่ายบริหารซึ่งมีขอบข่ายในการดูแลด้านบริหารจัดการแทบทุกด้านอาทิ ด้านกายภาพที่จะต้องบริหารจัดการพื้นที่ภายใต้ความดูแลของสภากาชาดไทยทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงด้านการจัดการจราจรและการก่อสร้างอาคารภายในพื้นที่ซึ่งมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องสภากาชาดไทยได้มีการจัดตั้งสำนักกายภาพขึ้น ซึ่งท่านได้มีส่วนร่วมในความรับผิดชอบและสนับสนุนงานดังกล่าวท่านมีความเห็นว่าการจัดการด้านกายภาพของสภากาชาดไทยในอนาคตจะต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงพร้อมทั้งจัดการกับปัญหาทางกายภาพที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นับตั้งแต่ชีวิตการรับราชการจวบจนถึงปัจจุบัน นายเตชยังคงทำงานภายใต้สังกัดสภากาชาดไทยอยู่ เพราะท่านเชื่อว่าการทำงานช่วยให้ร่างกายและจิตใจไม่ร่วงโรยไปตามวัย ท่านได้ยกตัวอย่างบุคคลหนึ่งซึ่งนับว่าเป็นต้นแบบในการทำงานเพื่อส่วนรวมนั่นคือ นายแผน วรรณเมธี ผู้อาวุโสที่ให้โอกาสและคำแนะนำแก่ท่านมาตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานในกระทรวงการต่างประเทศจนมาถึงการร่วมงานกัน ณ สภากาชาดไทย นายแผนยังเป็นแบบอย่างในการทำงานอย่างเต็มกำลังและยังคงทำงานอย่าง
ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้นายเตชยังให้ข้อคิดเกี่ยวกับการทำงานไว้อย่างน่าสนใจว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องทำให้ดีที่สุดให้กับองค์กรที่เราทำงานอยู่ ทำงานด้วยใจและตั้งใจทำให้งานนั้นออกมาดีที่สุด ถ้าจะเป็นแพทย์ก็ต้องตั้งใจว่าจะเป็นแพทย์ที่ดีที่สุด ถ้าจะประกอบอาชีพใดก็ต้องตั้งใจว่าจะทำสิ่งนั้นอย่างดีที่สุด”
สภากาชาดไทยกับภารกิจงานที่หลากหลายเพื่อการช่วยเหลือสังคม
กว่า 13 ปีที่นายเตชได้เข้ามาร่วมขับเคลื่อนงานของสภากาชาดไทย ทำให้ท่านได้เห็นถึงภารกิจงานสภากาชาดไทยที่มีอยู่อย่างหลากหลาย เป็นกลุ่มงานสำคัญจำนวน 3 กลุ่มได้แก่
1. กลุ่มงานบริการการแพทย์ เพื่อตอบสนองพันธกิจด้านการบริการทางการแพทย์และสุขอนามัย มุ่งเน้นบริการรักษาพยาบาลและป้องกันโรคเพื่อให้ประชาชนและผู้ด้อยโอกาสทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ โดยมีหน่วยงานภายใต้สังกัดได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู สภากาชาดไทย และศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย
2. กลุ่มงานบริจาคโลหิตและอวัยวะสภากาชาดไทยเป็นองค์กรที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการทำหน้าที่ดำเนินการรับบริจาคโลหิตและจัดสรรโลหิตไปยังสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศไทย ภายใต้หลักการความปลอดภัยและมีคุณภาพทั้งผู้ให้และผู้รับ ปัจจุบันสภากาชาดไทยมีศูนย์บริจาคโลหิตทั้งในกรุงเทพมหานครและตามภูมิภาคเพื่อให้มีโลหิตเพียงพอต่อการใช้งาน นอกจากนี้สภากาชาดไทยยังมีหน่วยงานที่ดูแลการรับบริจาคอวัยวะและเนื้อเยื่อเพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะ พร้อมทั้งมีหน่วยงานในการรับบริจาคดวงตาที่มีมาตรฐานและความปลอดภัย บริการเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งสนับสนุนและส่งเสริมบริการทางการแพทย์ให้ประชาชนทุกคนได้เข้าถึงโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
3. กลุ่มงานพันธกิจกาชาด เพื่อตอบสนองพันธกิจการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยและพันธกิจการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่งของสภากาชาดไทยในการบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยในเหตุการณ์ต่างๆ อย่างทันท่วงที พร้อมกันนี้ยังมีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเยาวชนและผู้สูงอายุ ผ่านอาสากาชาดที่มีอยู่ในทุกจังหวัดของประเทศไทย
นายเตชกล่าวด้วยว่านอกจากประวัติศาสตร์การก่อตั้งองค์กรที่มีมาอย่างยาวนานแล้ว ด้วยภารกิจงานรอบด้านของสภากาชาดไทยทำให้มีบทบาทหน้าที่งานอีกหลายด้านที่บุคคลทั่วไปอาจไม่ทราบว่าอยู่ภายใต้ความดูแลของสภากาชาดไทย และมีสภากาชาดเพียงไม่กี่แห่งที่ดำเนินการเช่น
-ศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมา สภากาชาดไทย คือหน่วยงานภายใต้ศูนย์บริจาคโลหิตที่มีวัตถุประสงค์ในการจัดทำผลิตภัณฑ์จากพลาสมาสำหรับการรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ โดยศูนย์ฯแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายเตชกล่าวถึงศักยภาพในการผลิตว่า “ปัจจุบันศูนย์ฯ สามารถผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมาได้เกือบร้อยละ 50 ของความต้องการใช้ทั้งประเทศ ซึ่งช่วยลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศเพื่อใช้ในการรักษา”
-สถานเสาวภา สภากาชาดไทย คือหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการผลิตวัคซีน เซรุ่มชนิดต่างๆ เพื่อใช้ในการรักษาโรคโดยมีสวนงูที่ให้บริการผลิตเซรุ่มจากงูและบริการให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับงูชนิดต่างๆ อีกทั้งยังมีสถานีเพาะเลี้ยงม้าและสัตว์ทดลองที่มุ่งดูแลสัตว์เลี้ยงทดลองให้มีสุขภาพดีเพื่อใช้ในการทดลองและเพาะเลี้ยงม้าเพื่อผลิตเซรุ่มจากเลือดม้าอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสภากาชาดเพียงแห่งเดียวในโลกที่มีฟาร์มม้าอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของตนเอง
นอกจากนี้ในด้านการส่งเสริมองค์ความรู้และมุ่งผลิตบุคลากรทางด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพนายเตชยังได้กล่าวถึง3 สถาบันที่สำคัญ ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยซึ่งใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมและสร้างสมความรู้ให้แก่นิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา สภากาชาดไทย ที่เป็นสถานที่ในการพัฒนาทักษะและประสบการณ์นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิราสภากาชาดไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งในการพัฒนาบุคลากรทางการพยาบาลทั้งในทางวิชาชีพและทางวิชาการ
ภารกิจงานที่หลากหลายและครอบคลุมดังกล่าวจึงเป็นสิ่งที่นายเตชมองว่า สภากาชาดไทยเป็นองค์กรสาธารณกุศลขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนพันธกิจงานอันหลากหลายโดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งเสริมด้านสุขภาพและสนับสนุนให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีให้สมดังที่ “มหาชนไว้วางใจสภากาชาดไทย เราทุกคนจึงต้องทำงานให้ดีที่สุด”
พัฒนาระบบ น้อมนำพระราชดำริยกระดับงานสภากาชาดไทยให้ที่ดียิ่งขึ้น
ในฐานะเลขาธิการสภากาชาดไทย นายเตช บุนนาค กล่าวถึงวิสัยทัศน์ในการบริหารงานสภากาชาดไทยท่านมองว่า “สิ่งที่สำคัญการส่งเสริมให้สภากาชาดไทยเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สูงยิ่งขึ้น เพราะนั่นแปลว่าเราสามารถที่จะเป็นองค์กรการกุศลที่สามารถรับใช้สังคมได้อย่างเป็นเลิศ” ดังนั้นนอกจากการส่งเสริมให้แต่ละกลุ่มงานของสภากาชาดไทยสามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพตามแต่ละหน่วยงานแล้ว การพัฒนาระบบระบบและพัฒนาบุคลากรเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่สภากาชาดไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในแนวทางที่สำคัญที่มีการดำเนินการให้การทำงานของสภากาชาดไทยมีศักยภาพดียิ่งขึ้นคือการพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลสมาชิกอาสากาชาด นายเตชอธิบายถึงระบบ VTRIS (Volunteer Thai Red Cross Society) ที่เป็นระบบในการรวบรวมข้อมูลของอาสากาชาดทั้งหมด เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้แสดงความประสงค์รวมเป็นอาสากาชาดจำนวนนับล้านคนทั่วประเทศ ท่านจึงมองว่าการพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลอาสากาชาดช่วยให้การประสานงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังเช่นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระบบของสภากาชาดไทยสามารถระดมความช่วยเหลือจากแพทย์และพยาบาลผู้เป็นอาสากาชาดเพื่อมาร่วมกันช่วยบรรเทาสถานการณ์ที่ยากลำบาก
นอกจากนี้ นายเตช ยังเห็นว่า บุคลากรสภากาชาดไทยทุกคนควรน้อมนำพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงส่งเสริมให้ทุกคนหมั่นพัฒนาตนเองและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อยกระดับการทำงานของตนเอง รวมถึงการเรียนรู้ที่จะนำเครื่องมือต่างๆ มาใช้ในการทำงานของตนเองให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย
สภากาชาดไทยกับภารกิจเพื่อสู้กับวิกฤติโรคโควิด-19
ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สภากาชาดไทยเป็นองค์กรหนึ่งที่ทำหน้าที่อย่างรอบด้านเพื่อบรรเทาความทุกข์ของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงให้การรักษาและพัฒนาการป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง นายเตช กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ว่า นับตั้งแต่มีข่าวการติดเชื้อโรคโควิด-19และเกิดการติดเชื้อในประเทศไทยเป็นรายแรกสภากาชาดไทยได้ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยหารือเพื่อเตรียมแนวทางแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับทั้งในด้านการรักษารวมถึงตรวจหาเชื้อ จนกล่าวได้ว่า “โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยไม่เคยประมาทและทำงานอย่างขยันขันแข็งมาโดยตลอด” รวมไปถึงอาสากาชาดที่ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดอย่างทันท่วงที
นอกจากการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือในแต่ละช่วงสถานการณ์แล้ว สภากาชาดไทยยังให้การสนับสนุนการคิดค้นและพัฒนาวัคซีน ChulaCov19 ที่บริหารการวิจัยโดย ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม และสภากาชาดไทยยังมีแผนการก่อสร้างโรงงานที่จะมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ในอนาคตอีกด้วย
ขณะที่ความร่วมมือกับต่างประเทศ นายเตช กล่าวถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสถานการณ์กับต่างประเทศอยู่เสมอ เนื่องจากสภากาชาดไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับภูมิภาค ระดับภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ไปจนถึงระดับโลก ทำให้ได้ทราบถึงสถานการณ์และวิธีการรับมือของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมาสภากาชาดไทยยังมีบทบาทในการสนับสนุนเงินช่วยเหลือให้กับสภากาชาดอินเดีย และสภากาชาดเมียนมา เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อีกด้วย
ส่งกำลังใจไปยังบุคลากรการแพทย์สภากาชาดไทยทุกคน
ในยามที่บุคลากรทางการแพทย์ทั้งภายใต้สังกัดสภากาชาดไทยต้องทำงานอย่างเต็มศักยภาพเพื่อช่วยเหลือประชาชนจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 นายเตช
ได้ฝากกำลังใจและคำชื่นชม ไปยังผู้ปฏิบัติงานทุกคนว่า “ผมประทับใจมากและชื่นชมด้วยใจจริงที่แพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย รวมถึงบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทุกท่านทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย เสียสละและอุทิศตนเองเพื่อช่วยเหลือทุกคน เพราะฉะนั้นหากมีสิ่งใดที่ช่วยได้สภากาชาดไทยยินดีที่จะช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเต็มที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี