ชายหนุ่มผู้สร้างธุรกิจด้วยสองมือของตัวเอง เขาคือผู้มองการณ์ไกลในการสร้างพลังงานสะอาดให้กับมนุษยชาติด้วยแสงอาทิตย์ ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เจ้าแรกของไทย และกำลังขยายอาณาจักรไปยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และทั่วโลก กับความฝันสร้างเม็ดเงินมหาศาลผสานหัวใจรักษ์โลก ดร.ทิศพล นครศรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางกอกโซลาร์ พาวเวอร์ จำกัด หรือ บีเอสพี

นักธุรกิจหนุ่มวัย 39 ปี ดร.ทิศพล นครศรี เห็นศักยภาพของเมืองไทยว่ามีพื้นที่รับแสงแดดได้มาก จึงตัดสินใจสร้าง Solar Farm การติดตั้งแผงโซลาร์บนพื้นที่ราบที่ลพบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ รวมกว่า 15 แห่ง โดยเริ่มก่อร่างสร้างธุรกิจพลังงานสะอาดนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และปัจจุบันเขาเร่งขยายตลาด Solar Roof ที่เยอรมนีถึง 8 แห่ง ญี่ปุ่น 2 แห่งและสหรัฐอเมริกาอีก 2 แห่ง และกำลังทำการศึกษาความเป็นไปได้ในตลาดยุโรปและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่พร้อมรับนโยบายผลิตพลังงานต้านโลกร้อน

ย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นทำธุรกิจนี้ ดร.ทิศพล เล่าว่า เขาสั่งสมประสบการณ์จากธุรกิจครอบครัว คือ “บางกอกเคเบิล” ผู้ผลิตสายไฟรายใหญ่ของไทย และมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับศักยภาพการทำการตลาดอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าของตนเอง รวมทั้งแนวโน้มการใช้พลังงานในทิศทางที่สูงขึ้นว่าคนไทยใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก เทียบกับช่วงปี 2505-2550 เราใช้ไฟไปทั้งหมด 2,000 ล้านเมกะวัตต์เท่านั้น แต่คาดการณ์กันว่าปี 2550-2560 เราจะใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเป็นเท่าตัว (4,000 ล้านเมกะวัตต์) เลยทีเดียว

ในขณะที่แหล่งพลังงานที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ไม่เพียงพอต่อความต้องการในอนาคตแน่ๆ อาทิ น้ำมันดิบ แม้จะยังพอมีอยู่ แต่ก็จะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ และถึงจะนำพลังงานจากก๊าซธรรมชาติเข้ามาเป็นตัวเลือกใหม่ ก็ต้องต่อสู้กับการลงทุนสร้างโรงงานด้วยเม็ดเงินมหาศาล แต่การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นั้นมีจุดแข็งทั้งราคาถูกลงและดีต่อโลก

“เราต้องมองไปข้างหน้า ตลาดที่ผมมองไม่ได้อยู่แค่ในเมืองไทย แม้จะต้องใช้เงินลงทุนสูงในช่วงแรก แต่เราเชื่อว่าพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงเรื่อยๆ ถูกกว่าการใช้น้ำมันดีเซลมาปั่นไฟเสียอีก มันเป็นพลังงานสะอาดไม่ส่งผลกระทบเชิงนิเวศน์เหมือนกับแหล่งพลังงานอื่นๆ เพราะพลังงานสะอาดไม่มีวันหมดไปจากโลก คนต้องใช้แสงอาทิตย์เป็นพลังงานหลักในอนาคตอย่างแน่นอน”

แม้รู้ว่าจะต้องลงทุนสูงมากถึง 160 ล้านบาท ในช่วงเวลาที่ยังไม่ “ฟีเว่อร์” ในกลุ่มผู้บริโภคคนไทย แถมยังมีอัตราการผลิตต่ำมากอยู่ที่ 1.2 เมกะวัตต์ เรียกได้ว่าน้อยกว่าพลังงานจากแหล่งอื่นๆ เช่น น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ หรือแม้แต่พลังงานน้ำ ลม ชีวมวล ขยะ แต่เพราะความเชื่อมั่นว่าการลงทุนในแผงโซลาร์จะสร้างเม็ดเงินได้ถึง 20 ปี แล้วจะคุ้มทุนที่ 6-8 ปีเท่านั้น คำนวณกำไรแล้วได้พอสมควร และรู้ราคาซื้อ-ขายพลังงานไฟฟ้าในวงการพลังงานเป็นอย่างดี ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจากอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ ก็สามารถสร้างชื่อให้กับบางกอกโซลาร์ พาวเวอร์ หรือ พีเอสบี ได้ในเวลาอันรวดเร็ว

“แม้ว่าอนาคตของพลังงานแสงอาทิตย์จะสดใสในประเทศไทยก็จริง แต่อาจไม่ใช่ช่วงเวลาใกล้ๆ นี้ครับ เพราะถึงแม้การลงทุนจะน้อยกว่าในอดีตแล้วก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่มาก รวมทั้งจุดคุ้มทุนก็ยังช้ากว่าแหล่งพลังงานอื่นๆ อยู่ดี ผมเลยขอเบนเข็มไปทุ่มเทให้กับตลาดค้าพลังงานในเยอรมนี ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้คนที่นั่นเขาตื่นตัวมากในเรื่องนี้

การติดตั้งไฟฟ้าที่ผลิตจากเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านของตัวเอง (Solar Roof) เป็นหนึ่งในช่องทางสร้างรายได้ของเจ้าบ้านที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับรัฐ ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสของพีเอสบี ในการจำหน่ายอุปกรณ์ติดตั้ง หรือแผงโซลาร์เซลล์ไปติดบนหลังคาครัวเรือน หรืออาคารพาณิชย์ของพวกเขา แล้วรับซื้อกระแสไฟฟ้าคืน เพื่อขายต่อให้กับการไฟฟ้าของประเทศนั้นๆ”

นอกจากพื้นฐานการทำธุรกิจที่เติบโตและยั่งยืนแล้ว ดร.ทิศพล ยังมองถึงวิถีการสร้างจิตสำนึกรักษ์โลกให้แทรกซึมทุกอณูความคิดของผู้ใช้พลังงาน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้าน CSR เพิ่มปริมาณออกซิเจนให้กับโลกด้วยการปลูกต้นไม้รอบๆ พื้นที่โซลาร์ฟาร์ม เพื่อสร้างระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ รวมทั้งบริจาคแผงโซลาร์เซลล์ให้กับวัดหรือโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร

เมื่อถามถึงหลักในการบริหารงาน ดร.ทิศพล เผยให้ฟังว่า เกิดจากการมุ่งมั่นอ่านหนังสือ สั่งสมแนวคิดมาตั้งแต่เด็กว่าถ้าไม่ถึงเป้าหมาย แต่จงลองทำดูให้ดีที่สุดก่อนถ้าได้ตามสิ่งที่คาดหวังก็พอใจ แต่ถ้ามันไม่สำเร็จก็ถือเสียว่าได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

“คนที่ตั้งเป้าหมายไว้ แม้แฟชั่นจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ยังมั่นคง แต่คนที่ไม่มีเป้าหมายที่เป็นต้นแบบ ก็ไม่มีแม้แต่ฝันที่จะได้เห็นจริงๆ หากไปถึงเป้าหมายช้า อย่างน้อยเป้าหมายเดิมของเราก็ยังอยู่ ค่อยๆ ทำมันให้สำเร็จ ตั้งเป้าแล้วพยายามเดินต่อจินตนาการไปให้ถึง ทำความรู้สึกให้เห็นอย่างที่ฝัน เหมือนที่ผมเริ่มทำธุรกิจในไทยก่อน จากนั้นก็ตั้งเป้าหมายใหม่แล้วค่อยไปเยอรมนี ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ ไปเรื่อยๆ”

และนั่นก็เป็นคติประจำใจให้เขายึดมั่นว่าถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ให้พอใจตามเป้าหมายนั้น ในขณะเดียวกันก็ต้องคืนกลับให้สังคม เพราะจะไม่สามารถไปถึงอนาคตได้ถ้าไม่มีลูกค้าและคู่ค้า และไม่ว่าจะทำการงานใดต้องไม่ผิดศีล 5

หากถามถึงความใฝ่ฝันของนักธุรกิจด้านพลังงานสะอาด ดร.ทิศพล ทิ้งท้ายว่า ขอทำในสิ่งที่พอทำได้อย่างเต็มกำลัง ควบคู่กับการช่วยเหลือสังคม การนำนวัตกรรมมาใช้และกระตุ้นให้นักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพที่ตนสอนอยู่ ได้มองเห็นเทรนด์ธุรกิจพลังงานในต่างประเทศ และช่างสังเกตเพื่อจะได้ประยุกต์ใช้กับการค้าในประเทศของเราได้ พร้อมๆ ไปกับการทำโครงการที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น

นี่คือความในใจของนักธุรกิจไฟแรงที่พร้อมจะผลิต “ไฟ” จากแหล่งพลังงานสะอาดให้คนไทยและทั้งโลกได้ใช้ อีกทั้ง ยังส่งสาร “กำลังใจและกำลังความคิด” ไว้พิชิตฝันสำหรับทุกคนด้วย

บ้านในต่างประเทศ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาครัวเรือน สร้างรายได้จากการขายพลังงานไฟฟ้าคืนกลับไปให้รัฐ