Altar
นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสเยือนเมืองใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นเมืองที่เคยมี Bishop มาพำนักอยู่ก็มักต้องหาโอกาสมาเยือนมหาวิหารประจำเมืองเพื่อชื่นชมความหรูหรา Valencia Cathedral จึงเป็น the must ที่อยู่ในแผนการเที่ยว Valencia Cathedral หรือที่มีชื่อเต็มว่า The Metropolitan Cathedral Basilica of the Assumption of Our Lady of Valencia หรือ Saint Mary’s Cathedral นี้ เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1238 โดยคำบัญชาของ Pere d’Albalat อาร์คบิชอบแห่ง Tarragona ซึ่งเป็น Bishop องค์แรกประจำเมือง Valencia และพระเจ้า James I the Conqueror เพื่ออุทิศให้กับพระนางมารีโดยสร้างขึ้นบน Visigothic Cathedral ภายใต้การออกแบบของ Arnau Vidal สถาปนิกผู้มีชื่อเสียงในสมัยนั้น
ในการก่อสร้างครั้งนั้น นักประวัติศาสตร์พบว่ามหาวิหารนี้ตั้งขึ้นบนมัสยิดเก่าเพราะมีการขุดพบซากของมัสยิดที่ตำแหน่งปีกของมหาวิหารโดยคาดว่าประตูนักบุญเป็นตำแหน่งทางเข้าของมัสยิดเช่นกัน การก่อสร้างในช่วงแรกใช้หินจากบริเวณใกล้เคียง แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่นำมาจาก Benidorm โดยบรรทุกเรือมาการที่วัสดุส่วนใหญ่มาจากบริเวณข้างเคียงเป็นเพราะคหบดีประจำเมืองทั้งหลายต้องการแสดงตำแหน่งแห่งที่ของคริสเตียนเหนือมุสลิม ระหว่างปี 1300-1350 มหาวิหารได้รับการขยับขยาย และมีการสร้างหอคอยเพิ่มขึ้นโดยใช้แนวทางศิลปะแบบบาโรค ส่วน Holy Grail Chapel นั้นถูกสร้างขึ้นในปี 1356หอระฆังที่แยกออกจากตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นในปี 1381 สำหรับส่วนปีกของโบสถ์ที่ถูกออกแบบโดย Francesco Baldomar สถาปนิกชื่อดังแห่งยุคปลายโกธิคและ Pere Compte สถาปนิกชาวสเปนชื่อดังชาว Aragon นั้นได้ทำการเชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ ของโบสถ์จนสมบูรณ์
Chapel
แม้ในช่วงระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15-16 อันเป็นยุครุ่งเรืองของเรอเนสซองส์นั้นจะไม่มีการทำการขยายหรือตกแต่งส่วนของโบสถ์มากนัก แต่กลับมีการเพิ่มเติมประดับประดางานจิตรกรรมและประติมากรรมส่วนของแท่นบูชาและหอสวดมนต์ให้วิจิตรบรรจง หลังจากนั้นในยุคบาโรค Konrad Rudolf สถาปนิกชาวเยอรมันได้ทำการออกแบบประตูหน้าที่ทำจากเหล็กซึ่งถือว่าทันสมัยมากในช่วงเวลานั้น แต่เนื่องจากเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นส่งผลให้เขาไม่สามารถทำงานจนสำเร็จ แล้วเลยต้องให้ Francisco Vergara และ IgnacioVergara ทำต่อ หลังจากนั้นมหาวิหารไม่ได้รับการดูแลมายาวนาน ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ศาสนจักรจึงมีแผนปรับปรุงมหาวิหารใหม่ให้มีลักษณะแบบ Neoclassic ที่แตกต่างอย่างชัดเจนกับ Gothic โดยเริ่มต้นก่อสร้างในปี 1774 ภายใต้การออกแบบของ Antoni Gilabert Fornes สถาปนิกชาวสเปน หลังจากนั้นมหาวิหารไม่ได้รับการบูรณะอีกเลยจนถึงปี 1931 ที่มหาวิหารได้รับการสถาปนาให้เป็นศาสนสถานสำคัญของรัฐจวบจนกระทั่งสงครามกลางเมืองสเปนซึ่งมหาวิหารโดนไฟไหม้จนทำให้ส่วนตกแต่งที่ทำลายลงอย่างราบคาบ รวมทั้งตัวออแกนด้วย
การบูรณะมหาวิหารครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้งในปี 1972 โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูให้มหาวิหารหวนกลับไปใช้แนวทางศิลปะแบบโกธิคแทนที่ Neoclassic อีกครั้งยกเว้นส่วนหอสวดมนต์และงานประติมากรรมที่ฐานของโดม หลังการบูรณะครั้งนั้นมหาวิหารก็ได้รับการสถาปนาเป็นสมบัติสำคัญของชาติอีกครั้งในปี 1999 นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสเยือนมหาวิหารจะได้สัมผัสกับความอลังการตั้งแต่ด้านหน้าประตู แท่นบูชา และหอคอยที่เป็นศิลปะผสมผสานระหว่างโกธิค เรอเนสซองส์ บาเลนเซียโกธิค บาโรค และนีโอคลาสสิกอย่างจุใจเลยทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี