Mill Place Posri เป็นอาคารที่ได้รับ LEED 2009 ระดับ Silver ประเภท Retail New Construction พื้นที่อาคาร 3,468 ตร.ม. วัดค่าการประหยัดพลังงานได้ 206,173 kWh/year คิดเป็นเม็ดเงินที่ประหยัดการใช้พลังงานเฉลี่ย 855,617 บาทต่อปี
“ลุมพินี วิสดอม” ระบุแนวโน้มการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานมาแรง ช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลภาวะในระยะยาว หลังจากกระทรวงพลังงานคลอดเกณฑ์การออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2564
ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom หรือ LWS) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า หลังจากที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้ออกกฎกระทรวงเกณฑ์การออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน หรือ BuildingEnergy Code : BEC ด้วยการกำหนดมาตรฐานหลักเกณฑ์ และวิธีการออกแบบอาคาร เพื่อให้อาคารมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2564 เป็นต้นมาโดยในปี 2564 ได้นำมาใช้กับอาคารขนาด10,000 ตารางเมตรขึ้นไป ในขณะที่อาคารขนาด5,000 ตารางเมตรขึ้นไปจะมีผลในปี 2565และอาคารขนาด 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป มีผลในปี 2566 ตามลำดับ ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานในประเทศมากขึ้น
จากรายงานของกระทรวงพลังงานพบว่าตั้งแต่ปี 2552-2563 มีจำนวนอาคารที่ได้รับการประเมินเป็นอาคารประหยัดพลังงานตามเกณฑ์ของ BEC จำนวน 850 อาคาร มีการประหยัดพลังงานได้ 630 ล้านหน่วย โดยกระทรวงพลังงานมีเป้าหมายว่าภายใน 20 ปีนับจากปี 2561 ถึงปี 2581 การสร้างอาคารประหยัดพลังงานจะทำให้ประเทศไทยสามารถประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ไม่น้อยกว่า 13,700ล้านหน่วยต่อปี คิดเป็นเงินกว่า 47,000 ล้านบาทและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ไม่น้อยกว่า 7,282 ตันต่อปี
ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ
“การสร้างอาคารประหยัดพลังงานเป็นประโยชน์ในระยะยาวกับเจ้าของอาคารและผู้ใช้อาคาร ซึ่งนอกจากประเด็นเรื่องของการประหยัดการใช้พลังงานในระยะยาวแล้วการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานยังมีส่วนสำคัญในการสร้างสุขอนามัย (Wellbeing)ที่ดีในการอยู่อาศัย และการใช้ประโยชน์ภายในอาคาร จากการศึกษาของทีม “ลุมพินี วิสดอม” พบว่า การพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่า เกรด Bประหยัดพลังงานขนาด 10,000 ตารางเมตร จะสามารถประหยัดพลังงานได้เฉลี่ย 270,000 กิโลวัตต์ต่อปี คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 1.12 ล้านบาทต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไม่น้อยกว่า 151,470 กิโลกรัมคาร์บอนเทียบเท่าต่อปี ในขณะที่ต้นทุนการก่อสร้างอาคารประเภทนี้สูงกว่าการสร้างอาคารปกติ ประมาณ 0.6% เมื่อเทียบความสามารถในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานกับต้นทุนการก่อสร้างแล้ว แต่ละอาคารจะใช้เวลาในการคืนทุนจากต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นภายในระยะเวลา 4.5-5 ปี โดยเฉลี่ย โดยการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานจะให้ความสำคัญในการออกแบบ ครอบคลุมระบบเปลือกอาคาร ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ระบบผลิตน้ำร้อน และการใช้พลังงานหมุนเวียนภายในอาคาร เป็นหลัก อาคารประหยัดพลังงานไม่เพียงสามารถออกแบบและพัฒนาอาคารขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้ในการพัฒนาอาคารขนาดเล็ก ที่พักอาศัยทั้งอาคารชุดพักอาศัย บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ รวมถึงสามารถนำไปปรับปรุงอาคารเก่าให้เป็นอาคารประหยัดพลังงานได้ โดยการนำเกณฑ์ในการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานมาใช้ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อเจ้าของและผู้ใช้งานในอาคารได้ในระยะยาว ที่ผ่านมา “ลุมพินี วิสดอม” ในฐานะที่เป็นบริษัทด้านวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้มีการให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานแล้ว 15 โครงการ ช่วยประหยัดพลังงานได้ประมาณ 135 ล้านกิโลวัตต์ต่อปี ถือว่าเราเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานให้กับประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงาน เพื่อเป็นประโยชน์กับส่วนรวมและการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน ประพันธ์ศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี