พบผลการวิจัยสมุนไพรไทยตำรับยา “ครอบไข้ตักศิลา” ที่มีชื่อการค้าว่า “ยาเคอร่า” มีผลต่อการยับยั้งการขยายตัวของไวรัส โควิด-19 โดยเมื่อเร็วๆ นี้นายแพทย์รังสรรค์ บุตรชา,นายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล, นายแพทย์พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา และ ดร.ภัทร์หนังสือ แพทย์แผนไทย ร่วมกันแถลงข่าวงานวิจัยสมุนไพรไทยตำรับยา “ครอบไข้ตักศิลา” ที่มีชื่อการค้าว่า “ยาเคอร่า” พบผลการวิจัยมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคโควิด-19 จากผู้ป่วยทั้งหมด 3,091 ราย
นายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล เปิดเผยผลการวิจัยในหลอดทดลองของตำรับยาสมุนไพรครอบไข้ตักศิลานี้ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก ITAP หน่วยงานภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) พบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายด้าน ซึ่งมีผลต่อการยับยั้งการขยายตัวของไวรัส ประกอบด้วย
1.พบฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์หลักในการขยายตัวของไวรัส main protease ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ความเข้มข้นเพียง 0.18 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ที่ถือเป็นระดับความเข้มข้นที่ต่ำมาก โดยที่มีฤทธิ์ยับยั้งสูงกว่ายาแผนปัจจุบัน คือ Lopinavir ถึง 1500 เท่า สูงกว่ายา Ritronavir ถึง 500 เท่า
2.พบฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ในการขยายตัวของไวรัสตัวที่ 2 คือ RNA-dependent RNA polymerase (RdRp) ได้มีประสิทธิภาพสูงกว่ายา Favipiravir ถึง 500%จึงถือเป็นยาต้านไวรัสชนิดเดียวในโลกที่มีกลไกการยับยั้งเอนไซม์ในการขยายตัวของโควิด-19 ได้พร้อมกันถึง2 กลไก
3.พบฤทธิ์ยับยั้งการขยายตัวของโคโรนาไวรัสในเซลล์ โดยพบว่าในจานเพาะเชื้อทดลองที่มีการทำให้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสนั้น จานทดลองที่หยดสารสกัดตำรับยาสมุนไพรครอบไข้ตักศิลานี้ลงไป ไวรัสมีการหยุดการขยายตัว โดยพบว่ามีไวรัสเพียง 600,000 ตัว ในขณะที่จานควบคุมที่ไม่มีสารสกัดพบว่าไวรัสเพิ่มจำนวนเป็น 9,000,000 ตัว
4.พบฤทธิ์การยับยั้งการอักเสบที่ดีกว่ายาDiclofenac และยา Prednisolone
5.พบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ที่มีค่า ORAC สูงถึง 81,260 หน่วย
6.มีแร่ธาตุเป็นส่วนประกอบหลายชนิด เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ซึ่งเมื่อละลายน้ำจะมีสภาพเป็นด่าง ช่วยลดภาวะ metabolic acidosisในผู้ป่วยโรคโควิด-19
7.การทดสอบความเป็นพิษกับเซลล์ตับ เซลล์ไต และเซลล์เม็ดเลือดขาว พบว่ามีค่าความเป็นพิษต่ำ โดยต้องรับประทานในปริมาณสูงมากเช่น 2,000 แคปซูล
ต่อมื้อ จึงอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อเซลล์ตับ หรือเซลล์ไตได้ จึงมีความปลอดภัยสูง
8.การทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันในหนูทดลอง พบว่ามีระดับค่าความเป็นพิษเฉียบพลันต่ำในระดับ category 5 โดยหนูทดลองจะต้องได้รับยาเกินกว่า 5,000 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม จึงจะพบความเป็นพิษ
9.รายงานการวิเคราะห์ตัวสมุนไพร พบว่าไม่มีสารสเตียรอยด์ เช่น Dexamethasone ส่วนค่าโลหะหนักอยู่ในระดับมาตรฐานที่ไม่เป็นอันตราย
10.เป็นสมุนไพรกลุ่มที่มีฤทธิ์ลดไข้
ด้าน ดร.ภัทร์ หนังสือ แพทย์แผนไทย เปิดเผยว่าได้พัฒนาตำรับยาสมุนไพร จากตำรับยาครอบไข้ตักศิลาโดยได้เลือกสมุนไพร 9 ชนิด ทำให้พบว่ารักษาโรคไข้หวัด เริม และงูสวัดได้ผลดี ต่อมาเมื่อสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด จึงได้นำยาตำรับนี้มาใช้กับผู้คนจำนวนมากพบว่าได้ผลดี จึงได้นำสมุนไพรตำรับนี้แจกจ่ายบริจาคให้กับชุมชนต่างๆ เรื่อยมา ซึ่งสมุนไพรตำรับนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการขยายตัวขอไวรัสในร่างกาย ช่วยลดไข้ ลดอาการไอ ขับเสมหะ โดยเฉพาะการขับเสมหะออกจากปอดของคนไข้ที่เริ่มมีอาการปอดอักเสบ ทำให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและหายจากอาการเจ็บป่วย
ส่วนรายงานผลทางคลินิกของการใช้ในผู้ป่วยโควิด-19 นายแพทย์รังสรรค์ บุตรชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ หัวหน้าแพทย์ทีมวิจัยเปิดเผยว่า จากการใช้ยาสมุนไพรกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3,091 ราย พบว่าสัมฤทธิผลในการรักษา เพราะไม่มีผู้ป่วยรายใดมีอาการลุกลามจนต้องเข้าไอซียูหรือต้องใช้ท่อช่วยหายใจหรือเสียชีวิตเลยแม้แต่รายเดียว โดยผู้ป่วยร้อยละ 75 หายป่วยภายในระยะเวลาเพียง 7 วัน
ซึ่งการค้นพบยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพ และได้เก็บผลการรักษา ทางคลินิกในกลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ภาครัฐควรให้การ
สนับสนุนและยกระดับของงานวิจัยให้มีกลุ่มตัวอย่างที่มากขึ้นและหลากหลายขึ้น นับเป็นความหวังของประเทศไทยในการหาทางออก ในการรักษาและยับยั้งการแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี