นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสเยือนบูดาเปสต์ และได้เดินเล่นริมแม่น้ำดานูบแล้ว นอกจากจะต้องถ่ายภาพสวยๆ กับรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลกแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ต้องไปให้ได้ก็คือ สะพานโซ่ หรือ Chain Bridge สะพานที่เชื่อมระหว่างฝั่งบูดาและฝั่งเปสต์ สะพานที่ถูกออกแบบโดย William Tierner Clark วิศวกรชาวอังกฤษ และถูกสร้างโดย Adam Clark วิศวกรชาวสก็อตนี้ เป็นสะพานแห่งแรกที่เชื่อมระหว่างสองข้างของแม่น้ำดานูบ สะพานที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1849 นี้เชื่อมระหว่างจัตุรัส Roosevelt ฝั่งเปสต์ข้าง Gresham Palace และ Hungarian Academyof Science และจัตุรัส Adam Clark ใกล้หลักกิโลเมตรศูนย์ของฝั่งบูดา ทางด้านล่างของรถรางที่เชื่อมขึ้นส่วน Buda Castle นี้ ให้ชื่อตามIstvan Szechenyi ผู้สนับสนุนหลักในการก่อสร้าง สะพานที่ได้ชื่อว่าเป็นงานวิศวกรรมที่ทันสมัยที่สุดในช่วงเวลาก่อสร้างนี้ได้ยกระดับให้เมืองมีความทันสมัยเฉกเช่นเดียวกันกับยุโรปตะวันตกและนิวยอร์ก
สะพานที่เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าของฮังการีนี้เป็นส่วนขยายขนาดของ Marlow Bridge ที่ข้ามแม่น้ำเทมส์ในเมือง Marlow ประเทศอังกฤษ สะพานได้รับการออกแบบและสร้างเป็นชิ้นส่วนในสหราชอาณาจักร และนำมาประกอบในบูดาเปสต์โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินโดย GeorgiosSinas พ่อค้าชาวกรีก สะพานที่เปิดตัวหลังการปฏิวัติฮังการี ในปี 1848 นี้ เป็นสะพานแรกของเมืองและเป็นสะพานที่ยาวที่สุดของโลกในวันเปิดตัวโดยมีความยาวมากถึง 202 เมตร ส่วนตกแต่งที่เป็นงานประติมากรรมรูปสิงโตผลงานของ Janos Marschalko นักประติมากรรมชาวฮังการีนี้เลียนแบบสิงโตทองแดงผลงานที่ติดตั้งที่จัตุรัส Trafalgar ในลอนดอน นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสข้ามสะพานนี้ จะเห็นว่าเสากลางสะพานอลังการมาก และยิ่งสวยงามในยามกลางคืน จนเป็นจุดถ่ายรูปที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองรองจากรัฐสภาเลยทีเดียว
นอกจากสะพานแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่สำคัญซึ่งอยู่ตรงข้ามรัฐสภาก็คือ ป้อมชาวประมง (Fisherman Bastion) ป้อมชาวประมงที่เป็นหนึ่งในอนุสรณ์ที่สำคัญของบูดาเปสต์นี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของเมือง ส่วนของหน้าบรรณที่ยาว 140 เมตร ขนานกับแม่น้ำดานูบนี้ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Romanesque หอคอยหินทั้งเจ็ดสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้กับผู้ก่อตั้งเมืองทั้ง 7 คน ในปี 895 ส่วนกำแพงที่ถูกสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1700 ใช้เป็นกำแพงของBuda Castle ด้วย ในยุคกลางผู้ดูแลเมืองส่วนหนึ่งเป็นชาวประมงที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ส่วนโครงสร้างปัจจุบันที่สร้างขึ้นระหว่างปี1895-1902 นั้นออกแบบโดย Frigyes Schulekสถาปนิกผู้ดูแลการปรับปรุงโบสถ์ Matthiasตามแนวทางสถาปัตยกรรมแบบ NeoRomanesque อันเป็นผลมาจากส่วนต่อของBuda Castle ในช่วงแรกของการก่อสร้างสถานที่แห่งนี้ใช้สำหรับค้าขายปลาด้วย
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ป้อมชาวประมงเสียหายหนัก แต่เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญของเมืองจึงได้รับการบูรณะอย่างรวดเร็วหลังสงคราม ในวันที่ 30 พฤษภาคม 1995 เทศบาลได้กำหนดอัตราการเข้าชมป้อม แต่ในเดือนพฤศจิกายน 2003 เทศบาลได้คืนป้อมนี้ให้กับสาธารณะและขึ้นทะเบียนป้อมให้เป็นมรดกโลก นักท่องเที่ยวที่ได้มีโอกาสเยือนป้อมชาวประมงควรเผื่อเวลาสัก 1-2 ชั่วโมงและมาในตอนบ่ายเพื่อให้มีเวลาที่จะเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพสวยๆ หลากหลายมุมที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนพลบค่ำก็จะได้ถ่ายภาพกับรัฐสภาในอีกฟากของแม่น้ำโดยไม่ต้องล่องเรือให้เสียเงินอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี