แม้สถานการณ์ของโรคโควิด-19 จะเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่โรงเรียนในบางพื้นที่จึงต้องปรับนโยบายการเรียนการสอนใหม่ ให้เด็กๆ ต้องเรียนออนไลน์กัน แน่นอนว่าบรรยากาศการเรียนผ่านหน้าจอนอกจากจะทำให้เด็กๆ รู้สึกไม่สนุก เบื่อที่ไม่มีเพื่อนๆ และครูเหมือนในห้องเรียนปกติแล้ว พ่อแม่เองก็มักจะเครียดและกังวลในการจัดการดูแลลูกในขณะเรียนอยู่ไม่น้อย เพราะไหนจะต้องคอยนั่งประกบ หรือกระตุ้นให้ลูกสนใจสิ่งที่คุณครูสอนโดยไม่เสียสมาธิไปกับสิ่งต่างๆ ภายในบ้านแถมยังต้องคอยช่วยจัดตารางเวลาทั้งการเรียนและตารางชีวิตในแต่ละวัน รวมไปถึงการจัดเตรียมอุปกรณ์การเรียนออนไลน์และสถานที่เด็กๆ จะได้เรียนกันอย่างเต็มที่ เมื่อเทรนด์การศึกษามาทางนี้แล้ว มาดูกันว่า รศ.พญ.ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก จะแนะนำพ่อแม่ช่วยส่งเสริมให้ลูกเรียนออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกันอย่างไร
การพูดคุยสื่อสารให้ลูกเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
การสื่อสารอธิบายให้ลูกเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและความจำเป็นที่ต้องเรียนออนไลน์ที่บ้านไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ เตรียมพร้อมปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สร้างบรรยากาศผ่อนคลายในการเรียนรู้เทคโนโลยี การเข้าถึงสื่อออนไลน์รูปแบบต่างๆ การแก้ไขปัญหา การสื่อสารกับเพื่อนและคุณครูผ่านสื่อโซเชียลโดยจะมีพ่อแม่คอยช่วยเหลือดูแลสนับสนุนให้ลูกเกิดการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ อย่างน่าสนใจ ที่จะได้เรียนรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่นี้ไปด้วยกัน
สร้างสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้
เมื่อบ้านกลายเป็นห้องเรียนสำหรับลูกๆที่ต้องเรียนออนไลน์กัน คุณควรจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งในบ้านให้เป็นห้องเรียนที่เหมาะสมกับการเรียนของลูก โดยพยายามอย่าให้มีสิ่งเร้าอื่นๆ ที่จะทำให้เด็กเสียสมาธิ เช่น ไม่มีโทรทัศน์ ของเล่นหรือสิ่งที่จะสร้างเสียงรบกวนและดึงความสนใจของลูกๆ ไปจากการเรียน รวมถึงต้องมีแสงสว่างที่เพียงพอ อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป เป็นต้น
เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
การเรียนออนไลน์ อุปกรณ์ต้องพร้อม ทั้งคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด หูฟัง ไมค์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต โปรแกรมต่างๆ สำหรับการเรียนในชั้นเรียนและการส่งงาน รวมถึงโต๊ะและเก้าอี้ ควรมีความสูงที่พอดีเนื่องจากการนั่งเรียนนานๆ ในท่าที่ก้มหรือเงยมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณคอหรือหลัง จอควรอยู่ในระดับสายตา โต๊ะควรมีความสูงระดับข้อศอก เก้าอี้ควรจัดพนักพิงให้ตรง เท้าเด็กควรแตะพื้นพอดีในท่างอเข่า 90 องศานอกจากนี้ควรปรับเสียงให้ไม่ดังเกินไปแสงของหน้าจอไม่ให้สว่างมากเกินไป และภายในห้องไม่มืดจนเกินไป มิเช่นนั้นอาจจะส่งผลเสียต่อสายตาได้
การจัดตารางเวลา
การให้ลูกมีส่วนร่วมในการกำหนดตารางเวลากิจกรรมการเรียนและกิจวัตรที่ชัดเจนที่ต้องทำประจำในแต่ละวัน จะฝึกให้ลูกมีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบมากขึ้น และสามารถคาดการณ์กำหนดเป้าหมายในแต่ละช่วงเวลาใกล้ๆ ให้ตนเองได้เช่น ต้องตื่นแต่เช้าเพื่ออาบน้ำกินข้าว พร้อมที่จะเข้าเรียนออนไลน์ตรงเวลาพร้อมเพื่อนๆ หลังจากเรียนวิชานี้เสร็จจะมีช่วงเวลาพักเล่นและรับประทานอาหาร ทำให้ลูกมีพลังและมีกำลังใจไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป
การจัดเวลาพักผ่อน
แม้ว่าลูกต้องเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน โดยในช่วงระหว่างพักจากการเรียน ต้องมีเวลาให้ลูกพักสายตา มองต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไปนอกห้อง เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นหรือพักผ่อนตามอัธยาศัยด้วยเช่นกัน การขยับร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้เด็กมีความตื่นตัวในการเรียนช่วงต่อไปและเพื่อยืดคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการเมื่อยล้า ส่วนในเด็กเล็กอาจจะพาลูกเล่นเกมต่างๆ เช่น การโยนรับบอลการวิ่ง การกระโดด เพื่อให้เด็กได้เล่นผ่อนคลายความเครียดจากการเรียน นอกจากนี้หลังจากเรียนออนไลน์เสร็จแล้ว คุณควรทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ต้องใช้หน้าจอ เช่น เล่านิทาน ทำอาหาร ทำงานบ้านเล่นเกม ต่อเลโก้ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก รวมถึงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น วิ่ง ขี่จักรยาน ออกกำลังกายชดเชยจากที่เขาไม่ได้วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน
มีส่วนร่วมในการเรียนของลูก
เมื่อการเรียนออนไลน์มีทั้งแบบเรียนพร้อมเพื่อนๆ ที่คุณครูสอนบรรยายสด เด็กๆ ต้องเข้าห้องเรียนตรงเวลาพร้อมเปิดหน้าจอ หรือมีให้ดูคลิปวีดีโอเมื่อลูกพร้อมที่จะเรียน ล้วนแล้วแต่เป็นการสอนแบบสื่อสารแบบทางเดียว หากเด็กมีปัญหาหรือข้อสงสัยตรงไหน เขาจะไม่สามารถซักถามได้ทันที ผู้ปกครองควรช่วยสอน หรือตอบคำถาม หรืออธิบายในบางเรื่องที่เด็กไม่เข้าใจเพิ่มเติมรวมถึงให้ลูกๆ ทบทวนความรู้ว่าวันนี้เรียนอะไรมาบ้าง ลองอธิบาย ทำงานและการบ้านตามที่คุณครูมอบหมายให้ เป็นต้น บางโรงเรียนให้ใบงานที่เป็นกิจกรรมที่ต้องอัดคลิป เช่น การทำอาหาร การปลูกต้นไม้ ฯลฯ พ่อแม่ก็จะต้องศึกษาวิธีและมีทักษะการอัดตัดต่อคลิปวีดีโอเพื่อส่งงานให้คุณครูด้วยเช่นกัน
เติมพลังบวกให้ลูกเสมอเมื่อเขาเรียนเสร็จ
หลังจากลูกเรียนเสร็จในแต่ละวัน พ่อแม่ควรให้กำลังใจและเติมพลังบวก เช่น ชมเชยว่าวันนี้ลูกตั้งใจเรียน หรือทำสมุดสะสมสติกเกอร์สำหรับเก็บคะแนนเมื่อลูกมีสมาธิ หรือตอบคำถามคุณครูได้หรือให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อลูกทำการบ้านเสร็จ เพื่อกระตุ้นให้ลูกมีแรงผลักดันที่จะเรียนต่อไปในวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตามพ่อแม่ไม่ควรคาดหวังกับการเรียนออนไลน์ของลูกมากเกินไป ก็จะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและเรียนสนุกมากขึ้น แต่ไม่ควรปล่อยให้ลูกเรียนออนไลน์โดยลำพัง เพราะแพลตฟอร์มดิจิทัลเปิดโอกาสให้เด็กๆ สามารถทำอย่างอื่นนอกจากการเรียนได้ เช่น แชทคุยกับเพื่อน เล่นเกม หรือดูคลิปต่างๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้ไม่ได้เรียนตามที่ตั้งใจ ยังมีความเสี่ยงที่จะเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมอีกด้วย
สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เด็กๆ ต้องได้รับอาหารครบมื้อครบหมู่ตามความต้องการของร่างกาย และการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อสุขภาพกายที่แข็งแรง การเจริญเติบโตและพัฒนาการที่สมวัย รวมถึงการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ความห่วงใย เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ลูกรักเป็นเด็กที่ฉลาดและก้าวทันโลกกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอฝากข่าวว่า ยามนี้เด็กพิเศษที่บกพร่องทางด้านสติปัญญา กว่า 170 คน “โรงเรียนเด็กพิเศษคุณพ่อเรย์” ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด 19 ทำให้การเรียนชะงัก น้องๆ เหล่านี้ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดและมีเด็กพิเศษมีหลายประเภท เช่นหูหนวก ตาบอด ปัญญาอ่อน ร่างกาย พิการ สมาธิสั้น มีปัญหาทางการเรียนรู้ มีปัญหาด้านการสื่อสาร เด็กออทิสติกหรือพิการซ้ำซ้อน จึงขอความเมตตาช่วยสร้างรายได้ เสริมกำลังใจให้เหล่าเด็กพิเศษได้พ้นวิกฤติสู่การพึ่งพาตนเองต่อไป ขอเชิญร่วมบริจาคเงินสนับสนุนได้ที่ธ.กรุงไทย 591-6-00135-5 ชื่อบัญชี ร.ร.เด็กพิเศษคุณพ่อเรย์ โดยใบเสร็จนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สอบถามที่โทรศัพท์ 092-7390990
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี