สิงห์ เอสเตท ตอกย้ำความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนเดินหน้าโครงการอนุรักษ์ปลาฉลามกบหรือ SOS (Save Our Shark) อย่างยั่งยืน ที่ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล(Marine Discovery Center) ในพื้นที่โรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ จังหวัดกระบี่ เพื่อช่วยรักษาความสมดุลของระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่ทะเลเกาะพีพี
โดยล่าสุดได้รับความไว้วางใจจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ให้เป็นเอกชนรายแรกๆ ดำเนินโครงการอนุรักษ์ปลาฉลามกบอย่างยั่งยืน ตั้งแต่การฟักไข่ อนุบาลลูกฉลามวัยอ่อนไปจนถึงการปล่อยคืนกลับสู่ธรรมชาติในพื้นที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของศูนย์วิจัยฯ เพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์สายพันธุ์ของปลาฉลามกบให้มีความสมบูรณ์และยั่งยืนต่อระบบนิเวศทางทะเลของประเทศไทย
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบนให้ดำเนินโครงการอนุรักษ์ปลาฉลามกบอย่างยั่งยืนในครั้งนี้ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญในการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs14 : Life Below Water)
“การอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากอย่างฉลามกบเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งเพราะปลาฉลามเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเลอย่างมากที่สำคัญในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จำนวนปลาฉลามยังมีปริมาณลดลงมากกว่า 20 เท่า”
ดร.ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน กล่าวว่า ศูนย์วิจัยฯ มั่นใจในศักยภาพและความเชี่ยวชาญของสิงห์ เอสเตท ในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งมีชีวิตทางทะเล โดยดูจากประสบการณ์และโครงการต่างๆที่ได้ทำมา นอกจากนี้ บริษัทยังมีนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลและบุคลากรที่มีความสามารถในการช่วยดูแลอนุบาลฉลามกบอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ สิงห์ เอสเตท มีความพร้อมอย่างยิ่งในเรื่องของสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับการดำเนินงานในโครงการอนุรักษ์ปลาฉลามกบ โดยมีศูนย์เรียนรู้ทางทะเล ที่ก่อตั้งในปี 2561 ตั้งอยู่ภายในบริเวณโรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์วิลเลจ บนเกาะพีพี โดยเป็นหนึ่งในโครงการที่สะท้อนแนวคิดการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจโรงแรมอย่างยั่งยืนผ่านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเชิงรุก เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่เกาะพีพี นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา มาโดยตลอด อาทิ พีพีกำลังจะเปลี่ยนไป เป็นโครงการฯ ที่นำพีพีโมเดล มาใช้ในการแก้ไขปัญหาปะการังฟอกขาว ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และนักวิชาการ
โตไวไว เป็นโครงการฯต่อเนื่องจากโครงการพีพีกำลังจะเปลี่ยนไปด้วยการปล่อยปลาการ์ตูน และปลูกปะการังด้วยวิธี Coral Propagationร่วมกับอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี และ โครงการติดตามและฟื้นฟูปะการังในพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี โดยใช้ภาพถ่ายทางอากาศจากโดรน ร่วมกับคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ล่าสุด เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ทางทะเลของศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลโรงแรมทราย พีพีไอส์แลนด์ วิลเลจ ได้ช่วยชีวิต “ฉลามกบ”(Bamboo shark) ที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นฉลามขนาดเล็ก ที่อยู่ในภาวะใกล้ถูกคุกคาม (Near Threatened) ของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ(International Union for Conservationof Nature) ซึ่งปัจจุบันฉลามดังกล่าวได้รับการดูแลอย่างดีในบ่ออนุบาลสัตว์น้ำของศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลของโรงแรม
ก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคม ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล ยังได้ช่วยเหลือ “ปลาสิงโต” (Lionfish) ที่ได้รับบาดเจ็บรวมถึงที่ยังมีบ่ออนุบาลปลาการ์ตูน (Clownfish Nursery) เพื่อเพาะขยายพันธุ์ก่อนที่จะปล่อยกลับสู่แนวปะการังในเวลาและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
สำหรับโรงแรม ทราย พีพีไอส์แลนด์ วิลเลจ (SAii Phi Phi IslandVillage) เป็นหนึ่งในโรงแรมของบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ทจำกัด (มหาชน) หรือ “SHR” บริษัทในเครือของสิงห์ เอสเตท ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ และอยู่ภายในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีที่ผ่านมาโรงแรมได้ทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นเป็นอย่างดี เพื่อให้เข้าใจการอนุรักษ์และหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น ซึ่งศูนย์การเรียนรู้ของโรงแรม ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกหรือสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับแขกที่เข้าพักเท่านั้น แต่เป็นศูนย์กลางการให้ความรู้สำหรับทุกคน รวมทั้งชาวบ้านและเยาวชนที่สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น
“ความมุ่งมั่นและทำงานในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างจริงจังเพื่อให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืนพร้อมๆ กับสังคมและชุมชนโดยรอบ อีกทั้งยังสามารถส่งต่อองค์ความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป คือหนึ่งในแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัท” นางฐิติมากล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี