วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การเรียนเกษตรกรรมสมัยใหม่นั้น นักเรียนต้องรู้หลายเรื่องไปพร้อมๆ กัน ทั้งวิชาการ เทคโนโลยีIT Coding และขนบธรรมเนียมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้สามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคมที่ดีของเรา
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย นำคุณไปสนทนาและออกท้องที่เพื่อดูงานการท่องเที่ยววิถีเกษตรที่วิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยีมหาสารคามกับ ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
กราบเรียนถามคุณหญิงถึงสาระสำคัญและจุดเด่นของการท่องเที่ยววิถีเกษตร กับการสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างโอกาส และสร้างงานให้นักเรียนวิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยี ครับ
ดร.คุณหญิงกัลยา : ตามปกติ นักเรียนของวิทยาลัยเกษตรเทคโนโลยีทุกแห่งจะมีความสามารถในการผลิตและดูแลพืชและสัตว์ได้เป็นอย่างดี ผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยจะใช้ความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพเกี่ยวกับพืชและสัตว์ แต่เมื่อสังคมโลกเปลี่ยนไป เราจึงต้องเตรียมความพร้อมให้นักเรียนของเรา เพื่อให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ สามารถประกอบอาชีพได้กว้างขวางขึ้นโดยใช้พื้นฐานความรู้ที่มีไปประยุกต์ สมัยก่อนเราผลิตพืชผลิตสัตว์ได้มากมาย
เราผลิตอาหารเลี้ยงคนในประเทศและชาวโลก เราช่วยเหลือสังคมในยามตกทุกข์ได้ยากมาตลอด ในฐานะที่เราเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านพืชและสัตว์ในชุมชน นอกจากนั้นเรายังให้ความรู้ด้านการปฏิบัติกับประชาชน แต่ทุกวันนี้โลกของเราเปลี่ยนไปเร็วมาก นักเรียนของเราจึงต้องปรับตัวให้เข้าและทันกับความเปลี่ยนแปลง ต้องสามารถเชื่อมประสานตัวเองกับสังคมรอบนอกได้อย่างลงตัว เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษาและแม้กระทั่งผู้ที่กำลังเรียนอยู่สามารถทำงานได้อย่างเป็นมืออาชีพ คือสามารถทำงานให้กับทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประกอบอาชีพด้วยตนเองได้ โดยเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพสูง มีความทันสมัย เป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เข้ากับสภาวการณ์ได้อย่างดี ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ก็ต้องได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนและภาคสังคม รวมถึงภาครัฐด้วย การที่เราทำโครงการท่องเที่ยววิถีเกษตร ก็เป็นการสอนด้วยการฝึกให้นักเรียนได้ทำงานจริง หาประสบการณ์ตรงภายในวิทยาลัย โดยเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการจริง มีการฝึกสอนและฝึกอบรมให้นักเรียนได้เรียนรู้การทำงานจริงตลอดเวลา เรียกว่าทำงานไปพร้อมๆ กับการเรียน
.jpg)
เรียนถามเรื่องการฝึกอบรมให้นักเรียนออกไปเป็นผู้ประกอบการ แนวคิดนี้น่าสนใจมาก กราบเรียนขอให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมครับ
ดร.คุณหญิงกัลยา : คือทั้งนักเรียนและผู้สำเร็จการศึกษาของเราล้วนมีความรู้ความสามารถตามหลักวิชาการที่ได้ร่ำเรียนไปแล้ว แต่ที่ผ่านมาส่วนมากก็มักจะไปเป็นลูกจ้าง เป็นพนักงาน หรือเป็นข้าราชการ แต่ยุคนี้คนจำนวนไม่น้อยเป็นเจ้าของกิจการของตนเองซึ่งเราก็ปลูกฝังเรื่องนี้กับเด็กของเรา เพราะนักเรียนเกษตรส่วนมากจะอยู่ต่างจังหวัด ที่บ้านมีที่ดินทำกิน เมื่อเขาสามารถนำความรู้ที่มีไปทำอาชีพบนที่ดินของตนเองได้ก็ทำให้เขามีรายได้ และไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานของตนเองแล้วที่สำคัญคือเราได้ทำโครงการชลกรขึ้นมาประมาณ 2 ปีแล้ว ซึ่งผู้ที่มีความรู้ด้านชลกรก็จะสามารถบริหารจัดการน้ำได้ เมื่อมีดิน มีน้ำ ก็สามารถทำการเกษตรได้ สำหรับวิทยาลัยเกษตรฯ นั้น มีที่ดินอยู่มากมาย สามารถใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์มหาศาลในการปลูกพืชต่างๆ และเลี้ยงสัตว์ โดยภายในวิทยาลัยมีแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์เมื่อองค์ประกอบเหล่านี้พร้อม คือมีน้ำ มีดิน มีคนซึ่งมีความรู้ด้านเกษตรกรรม ความสมบูรณ์ของข้าวปลาอาหารก็บังเกิดขึ้น แล้วที่มากกว่านั้นคือภายในวิทยาลัยมีพื้นที่ทำการเกษตรที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จึงมีแนวคิดเปิดการท่องเที่ยววิถีเกษตรเพื่อให้นักท่องเที่ยวที่สนใจการเกษตรได้เข้าไปเรียนรู้ได้สัมผัสใกล้ชิด ได้รู้ได้เข้าใจว่าพืชพันธุ์ธัญญาหาร และสัตว์ต่างๆ ที่เราใช้กินเป็นอาหาร หรือเป็นพืชประดับ เป็นสัตว์เลี้ยงนั้น มีการดูแลบำรุงรักษาอย่างไร คนที่สนใจด้านนี้ก็จะได้รับความรู้พร้อมๆ กับความบันเทิงใจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดแนวคิดการท่องเที่ยววิถีเกษตร โดยภายในวิทยาลัยยังมีที่พักที่สะดวกสบายสะอาดสะอ้าน มีอาหารการกินที่สมบูรณ์ ถูกสุขลักษณะมีร้านกาแฟที่ได้มาตรฐานสากล มีกาแฟและเครื่องดื่มคุณภาพดีไว้บริการนักท่องเที่ยว นี่คือการฝึกการทำงานโดยแท้จริง และมีรายได้ไปพร้อมๆ กัน สำหรับเรื่องกาแฟนั้น เราสอนตั้งแต่ปลูกกาแฟพันธุ์ดี การบำรุงรักษาต้นกาแฟ การเก็บและคัดเมล็ดกาแฟ จนไปถึงการคั่ว แล้วทำกาแฟรสชาติดี เด็กของเราสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เรียนรู้ทุกขั้นตอน และสามารถเป็นผู้ประกอบการร้านกาแฟได้ด้วย สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังต้องการออกไปแสวงหาความรู้ความบันเทิงใจนอกบ้าน ก็ขอเชิญชวนให้คุณๆ ที่สนใจการท่องเที่ยววิถีเกษตรได้โปรดลองไปใช้บริการของวิทยาลัยเกษตรฯ ซึ่งเบื้องต้นเราเปิดให้บริการที่วิทยาลัยเกษตรฯ มหาสารคาม เป็นโครงการนำร่อง ส่วนวิทยาลัยเกษตรฯ แห่งอื่นๆ ก็จะเปิดโครงการตามมาในเร็วๆ นี้ ขออนุญาตยกตัวอย่างโครงการท่องเที่ยววิถีเกษตรของวิทยาลัยเกษตรฯ มหาสารคาม เรามีจักรยานให้คุณได้ใช้ขี่เพื่อออกไปสัมผัสพื้นที่การเกษตรทั่ววิทยาลัย มีฟาร์มสัตว์ให้คุณไปศึกษา สำหรับคนที่ต้องการลองเลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ เลี้ยงสุกร เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เรามีแปลงนา แปลงข้าวโพด และผักสวนครัวมากมาย มีไร่พืชดอกสวยงาม มีโรงเพาะปลูกต้นไม้สำหรับประดับบ้าน มีโครงการแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและน้ำใช้ในครัวเรือน สิ่งเหล่านี้หาไม่ได้ในการท่องเที่ยวทั่วไป แต่การท่องเที่ยววิถีเกษตรให้คุณๆ ได้สัมผัสโดยตรง และที่สำคัญคือเราปลูกฝังให้นักเรียนของเรารู้และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วย ซึ่งตรงนี้คือจุดเด่นของแต่ละชุมชน เพราะเป็นรากเหง้าของชุมชน ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับการท่องเที่ยวของเราด้วย สิ่งนี้ทำให้ประเทศไทยมีความน่ารักเพราะเรามีรากเหง้ามีความเป็นมาที่ลึกซึ้งและยาวนานหลายร้อยปี นักท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสการนำเสนอขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นต่างประทับใจ เพราะสิ่งนี้มาจากการปลูกฝังสั่งสม เป็นเรื่องที่ AI ไม่สามารถทำเทียมหรือเลียนแบบได้ เด็กนักเรียนของเราต้องเรียนรู้และต้องได้รับการปลูกฝังให้เห็นคุณค่าของขนบประเพณีท้องถิ่นด้วย เพื่อให้แต่ละท้องถิ่นรักษาเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของตนไว้สืบต่อไป นอกจากนี้คือเรายังสอนให้นักเรียนรู้หลักการบริหารจัดการ คิดต้นทุนการทำธุรกิจเป็น ทำบัญชีเป็น เพื่อให้สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.jpg)
ขอกลับไปเรียนถามหลักสูตรชลกรกับการทำให้ชุมชนในภาคอีสานไม่ประสบปัญหาน้ำแล้งแล้วที่สำคัญคือผมเห็นว่าบ่อน้ำใหญ่ที่ขุดไว้ในวิทยาลัยเกษตรฯ มหาสารคาม มีน้ำใสมาก แสดงว่าคำว่าอีสานแห้งแล้งไม่น่าจะเป็นความจริงเสมอไปใช่ไหมครับ
ดร.คุณหญิงกัลยา : เราทุกคนแก้ปัญหาความแห้งแล้ง และปัญหาน้ำท่วมได้ โดยเดินตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรพระองค์ท่านพระราชทานแนวคิดแก้ปัญหาน้ำให้เราไว้นานแล้วค่ะ ทรงสอนให้รู้ว่า น้ำต้องมีที่อยู่ มีทางน้ำไหลมีที่เก็บกัก โดยเฉพาะการเก็บน้ำไว้ใต้ดิน เราสามารถบริหารน้ำได้ด้วยการใช้เงินทุนที่ไม่มากเกินกำลังของแต่ละคน เมืองไทยมีน้ำฟรีๆ จากเทวดา น้ำมาจากฟ้าแต่ปัญหาคือเราเก็บรักษาน้ำไว้ได้เพียงไม่ถึง90 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทั้งหมด โดยเฉพาะในภาคอีสานเก็บรักษาน้ำได้เพียง 3.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ที่เหลือทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ แถมยังปล่อยให้น้ำทำลายบ้านเรือนเรือกสวนไร่นาและฟาร์มปศุสัตว์อีก ขอย้ำว่าหากเราทำตามแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านแล้ว เราจะแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้ หลักสูตรชลกรจึงกำเนิดขึ้นเพื่อสอนนักเรียนว่าเราต้องบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อคนในชุมชนบริหารจัดการน้ำได้แล้ว ความยากจนก็ลดลง ความอดอยากหิวโหยก็ลดลง คนมีอาหารกินที่สมบูรณ์มากขึ้น มีความสุขขึ้น ไม่ต้องทิ้งถิ่นฐานไปทำงานในเมืองใหญ่ เมื่อมีน้ำ มีดินมีการบริหารจัดการที่ดี ก็มีความอุดมสมบูรณ์ตามมา ดังนั้นที่เราเคยพาคุณเฉลิมชัยไปดูโครงการเกษตรประณีต1 ไร่ 1 แสน จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ เกษตรกรมีความสุข มีงานทำ มีเงินใช้ และมีสุขภาพดี เพราะกินของดีที่ปราศจากสารเคมีตกค้าง หลายพื้นที่ที่มีบ่อน้ำแบบปิด ขนาด 1 คูณ 1 เมตร ทำให้พื้นดินบริเวณนั้นมีความชุ่มชื้นเขียวขจี ปลูกต้นไม้ได้งอกงาม มีอาหารการกินบริบูรณ์ เพราะใต้ดินมีน้ำให้ความชุ่มชื้นตลอดเวลาส่วนการขุดบ่อขนาดใหญ่แบบบ่อเปิดนั้น ก็ต้องอาศัยเครื่องจักรกล ประกอบการศึกษาชั้นดินตามหลักวิชาการ และต้องศึกษาก่อนว่าตรงบริเวณไหนขุดไปแล้วจะพบตาน้ำ และมีชั้นหินอุ้มน้ำ เมื่อค้นพบแล้วก็จะทำให้เรามีแหล่งน้ำที่บริบูรณ์มีน้ำใช้ตลอดปี ความรู้เรื่องชั้นดินนั้นได้มาจากหลักธรณีวิทยา ปัฐพีวิทยาซึ่งเป็นการเรียนรู้ตามหลักวิทยาศาสตร์
มีผู้สนใจหลักสูตรชลกรค่อนข้างมากครับ กราบเรียนถามว่ารุ่นต่อไป เปิดให้สมัครเรียนเมื่อไรครับ
ดร.คุณหญิงกัลยา : สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อโดยตรงได้ที่วิทยาลัยเกษตรกรรมฯ ทุกแห่ง หรือจะเข้าไปดูรายละเอียดใน website ได้ โดยพิมพ์คำว่า หลักสูตรชลกรใน search engine ก็จะมีรายละเอียดและข่าวสารให้อ่านอย่างมากมาย หลักสูตรนี้มีที่พักให้ฟรี และเรียนฟรีด้วยนะคะ ในช่วงที่สังคมมีปัญหาโควิด-19 นักเรียนของเราและครูก็อยู่ภายในวิทยาลัยไม่ต้องออกไปภายนอก จึงไม่เสี่ยงกับการติดเชื้อโควิด-19และที่สำคัญนักเรียนและครูได้รับวัคซีนครบสองเข็มทุกคน โดยกำลังทยอยฉีดเข็มสามในขณะนี้ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลกับการแพร่ระบาดโควิดภายในวิทยาลัย
![]()
กราบรบกวนคุณหญิงชวนเชิญผู้อ่านแนวหน้ามาร่วมโครงการท่องเที่ยววิถีเกษตรกับวิทยาลัยเกษตรกรรมฯ ด้วยครับ
ดร.คุณหญิงกัลยา : ขอบคุณค่ะ ขอเรียนเชิญท่านที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงเกษตรลองใช้บริการนี้ค่ะคุณจะมีความสุขมากเมื่อได้อยู่ท่ามกลางสวนผัก สวนผลไม้สวนดอกไม้ และได้เห็นฝูงสัตว์วิ่งอยู่กลางทุ่งในฟาร์ม คุณสามารถหายใจได้ลึกจนสุดลึก เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ขอเชิญมาชาร์จแบตเตอรีให้ชีวิตมีสุขภาพดีมีความสุขใจ ได้สัมผัสกับธรรมชาติ รู้ที่มาของแหล่งอาหารการกิน ได้ชื่นชมขนบประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นโครงการนี้เราทำแบบ 3 วัน 2 คืน สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ทีมงานประชาสัมพันธ์ประจำตัวรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คือคุณดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัยซึ่งเป็นรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และขอเชิญชวนเด็กไทย และคนไทยที่สนใจการเกษตรทุกคนให้เข้าไปเรียนรู้การทำการเกษตรในรูปแบบทันสมัยจากวิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยีทุกแห่งทั่วประเทศนะคะบ้านเมืองไทยของเรามีดิน มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ถ้าเราบริหารจัดการน้ำได้ เราก็สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเพาะปลูกและการเกษตรได้อย่างดี หากเราสามารถเข้าใจหลักการ Coding for Farm หรือเกษตรประณีตได้ เราจะวางแผนการใช้ที่ดินสำหรับการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ที่ดินทุกตารางนิ้วจะให้ผลผลิตที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้มหาศาล เราจะลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นรูปธรรม เราจะมีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ คนไทยจะไม่จน บ้านเมืองเราจะอุดมสมบูรณ์ และมีความสุขกันทุกคน
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี