วัดวาอารามในเขตกรุงเทพมหานครในปัจจุบันมีมากมาย แต่ละวัดมีความงดงามแตกต่างกันไปตามแบบของสถาปัตยกรรมที่ผู้สร้างต้องการให้พระอุโบสถและพระวิหารมีความงดงามโดดเด่น เพราะฉะนั้น เวลาที่คุณได้ไปชมวัดวาอารามแต่ละแห่ง ก็จะพบความงดงามในรูปแบบที่ต่างกันไป
วันนี้ขออนุญาตพาคุณไปชมวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร วัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ตามประวัติระบุว่า พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นจากวัดเดิมที่ชื่อวัดจอมทอง หลังจากทรงเสร็จการทัพกับพม่า เมื่อ พ.ศ. 2363 สาเหตุที่ทรงเลือกบูรณะวัดนี้ก็เพราะในวันที่ทรงยกทัพมาถึงวัดนี้ แล้วทรงหยุดพักกองทัพเรือ ทรงให้ทำพิธีเบิกโขลงทวารตามตำราพิชัยสงคราม และทรงตั้งสัจจะอธิษฐานขอทรงมีชัยในการศึกครั้งนี้ ซึ่งปรากฏว่าในการรบครั้งนั้น กองทัพของพม่าไม่ได้ยกเข้า จึงทรงมีรับสั่งให้กองทัพของสยามยกทัพกลับพระนคร เมื่อจบการศึกแล้ว ทรงให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดจอมทองทั้งหมดแล้วน้อมเกล้าฯ ถวายวัดนี้แด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สมเด็จพระบรมราชชนกรัชกาลที่ 2 จากนั้นรัชกาลที่ 2 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า วัดราชโอรสาราม เพื่อพระราชทานพระเกียรติยศแด่พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระโอรส
วัดราชโอรสารามฯ มีความโดดเด่นเป็นพิเศษที่พระอุโบสถและพระวิหาร รวมถึงสถาปัตยกรรมรูปแบบจีนผสมกับแบบดั้งเดิมของไทยโบราณ ซึ่งเป็นแบบพระราชนิยมในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 เหตุผลหนึ่งที่ทรงให้ก่อสร้างตามแบบศิลปะจีนเนื่องจากในยุคนั้นมีการติดต่อค้าขายกับจีนค่อนข้างมาก มีการแต่งสำเภาไปค้าขายกับจีน จึงทำให้ได้รับอิทธิพลด้านศิลปะจีนเข้ามาผสมผสาน
ตามประวัติของวัดระบุว่า รัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงคุมงานก่อสร้างวัดเองตั้งแต่ต้นจนแล้วเสร็จ
สิ่งแรกที่เราจะได้ประจักษ์แก่สายตาเมื่อไปถึงหน้าวัด โดยมองจากริมคลองด่านเข้าไปในตัววัดคือซุ้มประตูจีนที่ประยุกต์ให้เข้ากับศิลปะไทยได้อย่างกลมกลืน เมื่อมองไปยังหน้าบันพระอุโบสถส่วนบนจะพบการประดับด้วยกระเบื้องเคลือบจากจีน ทำเป็นลวดลายแจกันก้อนเมฆ หงส์คู่ ผีเสื้อ ช่อดอกไม้ ส่วนหน้าบันชั้นล่างประดับลวดลายหมู่บ้าน ผู้คน ต้นไม้ ภูเขา และสรรพสัตว์โดยหน้าบันวัดนี้ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ทั้งนี้ขนาดของพระอุโบสถไม่ใหญ่โตมากนัก เมื่อเทียบกับพระอุโบสถวัดประจำรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 แต่ก็มีความงดงามโดยผนังพระอุโบสถมีลายจิตรกรรมแบบจีนประดับอยู่ส่วนซุ้มเสมาคู่ทำเป็นรูปเกี้ยวแบบจีน สำหรับประตูพระอุโบสถประดับด้วยดอกโบตั๋นสีทองอร่าม บานประตูด้านนอกมีรูปมังกรดั้นเมฆ ส่วนด้านในเป็นรูปเซี่ยวกางหรือทวารบานแบบจีน และที่แปลกไปกว่าพระอุโบสถอื่นๆ คือด้านหน้าประตูพระอุโบสถมีทวารบาลเป็นตุ๊กตาจีน 3 ตัว (แต่น่าเสียดายมากที่ศีรษะของทวารบาลทั้งสามตัวนั้นถูกลักขโมยไป จึงต้องทำศีรษะใหม่ขึ้นมาทดแทน)
พระพุทธรูปประธานของพระอุโบสถมีพระนามว่าพระพุทธอนันตคุณอดุลยญาณบพิตร ปางสมาธิ ประทับใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกขึ้นประดิษฐานเหนือองค์พระประธาน เมื่อ พ.ศ. 2504ที่ผ้าทิพย์ของพระประธานเป็นรูปปราสาท อันเป็นตราประจำรัชกาลที่ 3 ส่วนที่ฐานชุกชีพระประธานเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารรัชกาลที่ 3 และศิลาจารึกดวงพระชะตารัชกาลที่ 3
ด้านหลังพระอุโบสถคือพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ส่วนด้านข้างซ้าย-ขวาของพระอุโบสถคือพระวิหารพระยืน (อยู่ฝั่งซ้าย) และพระนั่ง (อยู่ฝั่งขวา)
ขอเรียนย้ำว่าวัดราชโอรสารามฯ มีความงดงามมาก ควรแก่การไปกราบสักการะและเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เราได้ประจักษ์ถึงความงดงามของศิลปะและสถาปัตยกรรมตามแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 ได้อย่างชัดเจน
หากคุณสนใจจะเที่ยวชมโบราณสถานต่างๆในประเทศไทยเพื่อให้ได้ทั้งความรู้ และความสำราญใจโดยต้องการให้ Mr.Flower นำคุณไปชม โปรดติดต่อที่หนังสือพิมพ์แนวหน้า หมายเลข 091-7233615 เราจัดทริปท่องเที่ยวแบบกลุ่มเล็กๆ (12-18 คนเท่านั้น)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี