เสด็จเตี่ยคือคำที่คนไทยซึ่งเคารพรักและเทิดทูนพระองค์เรียกขานนามด้วยความรู้สึกผูกพันและใกล้ชิด ซึ่งพระองค์เป็นบุคคลคนหนึ่งที่มีความตั้งใจดี และตั้งใจจริงที่จะทำความเจริญงอกงามให้บ้านเมือง ทรงทำจริงในทุกสิ่ง โดยมุ่งหวังให้ประเทศก้าวหน้าและมั่นคง
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย นำคุณไปสนทนากับ หม่อมราชวงศ์ จิยากรอาภากร เสสะเวช ประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ถึงการเปิดตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่บ้านพลูตาหลวง สัตหีบ และการทำให้สวนรอบตำหนักเป็นแหล่งเรียนรู้สมุนไพรไทย
กราบเรียนถามคุณหญิงว่าตำหนักแห่งนี้มีความสำคัญอย่างไรครับ
ม.ร.ว.จิยากร : ก่อนอื่นต้องเรียนว่าตำหนักแห่งนี้สร้างมาได้ระยะหนึ่งแล้ว มีพระรูปหล่อของพระองค์ท่านประดิษฐานอยู่ แต่วันนี้ตำหนักแห่งนี้มีความพิเศษมากขึ้นคือ ทางสมาชิกราชสกุลอาภากรได้พร้อมใจเชิญพระอัฐิของพระองค์มาประดิษฐานไว้ใต้พระรูปหล่อของพระองค์ พระอัฐินี้ หม่อมราชวงศ์ อภิเดช อาภากร เป็นผู้มอบให้ ดังนั้นมูลนิธิฯ จึงตัดสินใจร่วมกับสมาชิกราชสกุลว่า จะเชิญพระอัฐิไปไว้ที่ตำหนักแห่งนี้ เพื่อให้ผู้ที่เคารพรักในพระองค์ท่านซึ่งหลายคนขานพระนามว่าเสด็จเตี่ยได้มีโอกาสไปกราบถวายความเคารพได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้มูลนิธิราชสกุลฯ ได้ร่วมกับกองทัพเรือตั้งใจจะทำให้สวนแห่งนี้เป็นสวนสมุนไพรไทย และมีศาลาปรุงยาสมุนไพรไทย อันเป็นตำรับยาของหมอพร หรือพระนามที่พระองค์ทรงเรียกตนเองหลังจากทรงลาออกจากการรับราชการในกองทัพเรือไทย แล้วทรงไปศึกษาค้นคว้าตำราสมุนไพรไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แล้วทรงเขียนตำรับยาสมุนไพรไทยด้วยลายมือของพระองค์ ซึ่งทรงพระอุตสาหะมาก เพราะทรงค้นคว้าย้อนไปถึงยุคสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ปัจจุบันมูลนิธิราชสกุลฯ ได้เก็บรวบรวมตำรับยาสมุนไพรของพระองค์ไว้ได้เกือบครบถ้วนทุกเล่มแล้ว และตั้งใจจะนำออกเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับทราบในอนาคตอันใกล้ ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการชำระตำรับยาเพื่อให้ภาษาที่ทรงเขียนไว้เป็นที่เข้าใจได้โดยง่ายสำหรับประชาชนทั่วไปผู้สนใจสมุนไพรไทย เราทุกคนตั้งใจว่าเมื่อสวนแห่งนี้มีต้นไม้เติบโตให้ร่มเงาอย่างดี จะกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้านในละแวกนี้ รวมถึงผู้ที่ผ่านไปผ่านมาด้วย เราอยากให้ประชาชนให้ความสนใจสมุนไพรไทยมากๆ เพราะเป็นการรักษาสืบสานภูมิปัญญาไทย ซึ่งเป็นของบรรพบุรุษไทย และที่สำคัญคือเราได้ทำหอพระประวัติของพระองค์ท่านไว้ด้วย เพื่อให้ผู้ที่สนใจพระราชประวัติ และพระกรณียกิจต่างๆ ของพระองค์ท่านได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ ซึ่งมีพระประวัติตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และช่วงที่เสด็จไปทรงศึกษาวิชาทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ จนกระทั่งกลับมาทรงรับราชการสนองพระเดชพระคุณพระเจ้าแผ่นดินจนกระทั่งถึงช่วงบั้นปลายของพระชนม์ และยังบอกเล่าถึงความผูกพันระหว่างพระองค์กับหลวงปู่ศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า พระอาจารย์ที่พระองค์ถวายความเคารพอย่างสูงในฐานะพระอาจารย์ ดิฉันและมูลนิธิราชสกุลฯ รวมถึงกองทัพเรือ ตั้งใจทำให้สวนของพระตำหนักแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ และแหล่งพักผ่อนของประชาชนทั่วไปด้วยค่ะ อยากให้สวนแห่งนี้เป็นสมบัติของคนไทยทุกคน และทางเราได้ประสานงานกับผู้บริหารองค์กรท้องถิ่นของพลูตาหลวง จะเปิดให้มีอาคารขายสินค้าท้องถิ่นซึ่งทำด้วยฝีมือของชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านและชุมชนมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้น เพราะทำเลที่ตั้งของตำหนักและสวนอยู่บนถนนสายสำคัญซึ่งเป็นทางผ่านไปท่าเรือและสนามบินอู่ตะเภา
แสดงว่าต่อไปนี้ผู้ที่เคารพนับถือเสด็จเตี่ยก็สามารถเข้าไปกราบพระอัฐิของพระองค์ท่านได้สะดวกมากขึ้น โดยไม่ต้องขึ้นไปถึงยอดเขาปู่เจ้า ที่อยู่ในเขตกองทัพเรือที่สัตหีบ หรือไปที่วิหารน้อย ในเขตสุสานหลวง วัดราชบพิธฯ กรุงเทพฯ
ม.ร.ว.จิยากร : ก็ต้องถือว่าเป็นความกรุณาของคุณชายอภิเดชด้วยที่กรุณามอบพระอัฐิให้เพื่อให้สาธารณชนได้มีโอกาสเข้าไปกราบไหว้ถวายความเคารพได้ ณ ตำหนักแห่งนี้ เพราะหลายครั้งที่ดิฉันได้พูดคุยกับคนต่างๆ ที่ศรัทธาในเสด็จเตี่ย เขาเหล่านั้นบอกว่าเวลามีเรื่องทุกข์ร้อนใจ ก็จะไปกราบไหว้พระองค์ท่าน เมื่อกราบไหว้แล้วก็สบายใจ และได้ตามสิ่งที่ขอจากพระองค์ท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีงาม บัดนี้มีพระอัฐิพระองค์ท่านมาประดิษฐานในตำหนักแห่งนี้ ก็ทำให้สะดวกมากขึ้นเวลาจะไปกราบไหว้ถวายความเคารพพระองค์ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่สิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงสอนไว้เสมอคือเกิดเป็นคนต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ต้องรักษาแผ่นดินถิ่นเกิด และต้องทำดีตลอดเวลา ไม่ต้องคิดว่าทำดีแล้วเราจะได้อะไรตอบแทน แต่เรามีหน้าที่ต้องทำดีเท่านั้น และทำสิ่งไร ควรทำจริง
พระรูปหล่อกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ที่ประดิษฐานในตำหนักมีขนาดเกือบเท่าพระองค์จริงไหมครับ
ม.ร.ว.จิยากร : เกือบเท่าพระองค์จริงค่ะ เป็นพระรูปหล่อที่มีลักษณะเดียวกับพระอนุสาวรีย์ของพระองค์ที่ตั้งอยู่ในเขตตำหนักนางเลิ้งของพระองค์ซึ่งปัจจุบันคือโรงเรียนพาณิชยการพระนคร พระรูปหล่อองค์ที่เชิญมาไว้ที่ตำหนักแห่งนี้ จำลองแบบมาจากพระรูปหล่อองค์ที่อยู่ ณ วังนางเลิ้ง ซึ่งพระรูปหล่อองค์เดิมนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำพิธีเปิดพระอนุสาวรีย์ ดังนั้นดิฉันก็จึงขอให้จำลององค์นั้นมาไว้ที่ตำหนักพลูตาหลวงเนื่องจากเห็นว่าเป็นสิริมงคล เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงทำพิธีเปิดพระอนุสาวรีย์แล้ว
มีผู้ที่เคารพศรัทธาในเสด็จเตี่ยฝากมากราบเรียนถามว่า มูลนิธิฯ ได้ทำเหรียญหรือรูปหล่อของพระองค์ท่านเป็นที่ระลึกในโอกาสเปิดตำหนักแห่งใหม่ด้วยหรือไม่ครับ เพราะต้องการนำไปเคารพบูชาครับ
ม.ร.ว.จิยากร : มูลนิธิฯ ทำพระรูปหล่อขนาด 9 นิ้วไว้เป็นที่ระลึกค่ะ แต่ทำเพียง 199 องค์ เนื่องจากเห็นว่าในปีนี้เป็นปีที่คล้ายวันสิ้นพระชนม์ครบ 99 ปี พระองค์สิ้นพระชนม์ 19 พฤษภาคม 2466 ประสูติ 19 ธันวาคม 2423 มูลนิธิฯ จึงทำพระรูปหล่อเพียง 199 องค์ สำหรับท่านที่ต้องการพระรูปหล่อของพระองค์ไปเคารพบูชา กรุณาติดต่อที่มูลนิธิราชสกุลอาภากร หมายเลขโทรศัพท์02-4682696 หรือดูรายละเอียดได้ในเว็บไซต์มูลนิธิราชสกุลอาภากร เงินรายได้จากการนี้ มูลนิธิฯ นำไปก่อสร้างอาคารปรุงยาหมอพร และทำหนังสือตำรับยาสมุนไพร และปีนี้มูลนิธิฯ ก็จะทำอีกหลายอย่าง เช่น ก่อสร้างอาคารปรุงยาหมอพร ทำตำราแพทย์แผนไทย ตำรายาสมุนไพรไทยของพระองค์ท่านนั้นทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ของพระองค์ มูลนิธิฯ รวบรวมได้ 10 กว่าเล่ม ตั้งใจจะพิมพ์เผยแพร่ต่อสาธารณชน เพื่อให้ใช้สำหรับการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก เนื่องจากสมุนไพรไทยมีคุณวิเศษหลายประการ และมีสรรพคุณรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มายาวนานตั้งแต่สมัยโบราณกาล ซึ่งบรรพบุรุษของไทยต่างใช้สืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย
กราบเรียนถามคุณหญิงถึงหอพระประวัติของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หอนี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้างครับ
ม.ร.ว.จิยากร : ภายในหอพระประวัติมีการจัดแสดงพระประวัติของพระองค์ท่านในแง่มุมต่างๆ แบบย่อๆ โดยนำเสนอเฉพาะสิ่งสำคัญที่เราคิดแล้วว่าสาธารณชนน่าจะได้รับทราบ โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงทรงพระเยาว์ จนถึงช่วงบั้นปลายพระชนม์ชีพ โดยแบ่งเป็นตอนๆ ดังนี้ สมัยทรงพระเยาว์ สมัยเสด็จไปทรงศึกษาวิชาทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษ ผลงานด้านศิลปะของพระองค์สมัยทรงศึกษา การรับราชการทหารเรือ การทรงวางหลักสูตรทหารเรือสยามให้มีความทันสมัยทัดเทียมกับประเทศตะวันตกที่มีความเจริญด้านการเดินเรือ และกิจการทหารเรือระดับสากล พระประวัติช่วงหลังจากทรงลาออกจากการรับราชการทหารเรือ และช่วงที่ทรงไปศึกษากับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า รวมถึงตำรับยาสมุนไพร และการแพทย์แผนไทย ภายในหอพระประวัติแห่งนี้มีเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ท่านที่น่าสนใจหลายเรื่อง เช่น เรื่องความเคารพศรัทธาในหลวงปู่ศุข เรื่องที่ทรงอุทิศตนเพื่อความก้าวหน้าของกิจการทหารเรือ รวมถึงเรื่องของชีวิตมนุษย์ที่มีขึ้นมีลง มีมืดมีสว่าง ซึ่งเป็นปกติของชีวิตคนแต่ถึงแม้จะขึ้นหรือลง มนุษย์ก็ต้องประคองสติให้ได้ ต้องยึดมั่นในการทำความดีตลอดเวลา เพราะความดีจะทำให้ผู้คนจดจำตัวผู้กระทำความดีได้ตลอดไปดังเช่นที่ปรากฏในเนื้อเพลงเดินหน้า ช่วงที่ว่า เกิดมาทั้งที มันก็มีอยู่แต่ทุกข์ภัย วันนี้เคราะห์ดี รุ่งขึ้นพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ดีเคยพบ ชั่วเคยเห็น จนเคยเป็น มีเคยได้ อนาคตเราไม่รู้ ถึงไม่รู้ก็ต้องเดินไป วันนี้ยอ พรุ่งนี้ด่า ไม่ใช่ขี้ข้าปากของใครจะกลัวไปไยมันก็ล่วงไปตามเวลา ไม่ตายวันนี้ ก็คงไปซี้เอาวันข้างหน้า นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีความเป็นนักสู้อีกด้วย ดังจะเห็นว่าทรงตั้งค่ายมวย เพื่อให้คนไทยเห็นคุณค่าของศิลปะมวยไทย และในหอพระประวัติยังบอกเล่าถึงช่วงที่ทรงไปศึกษาในประเทศอังกฤษ โดยดิฉันได้ไปค้นหาหลักฐานตั้งแต่สมัยที่พระองค์ประทับที่อังกฤษ และทรงศึกษาวิชาต่างๆ โดยได้พบว่าทรงได้รับคำชมเชยจากพระอาจารย์ว่าทรงมีผลการเรียนที่ดีมาก
มีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องยืนยันถึงพระปรีชาของพระองค์ท่าน คือภาพแผนที่ของสัตหีบตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงช่วงสมัยปัจจุบัน ซึ่งแผนที่โบราณนั้นท่านเขียนด้วยพระองค์เอง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับแผนที่ปัจจุบันทำให้ทราบถึงปูมหลังได้อย่างชัดเจน
ม.ร.ว.จิยากร : เนื่องจากสมัยก่อนนั้นวิวัฒนาการของกล้องถ่ายรูปยังไม่ดีมากเท่ากับปัจจุบัน และระบบดาวเทียมก็ยังไม่ดีเหมือนทุกวันนี้ดังนั้นทหารเรือจึงต้องมีความสามารถในการวาดรูปทำแผนที่ เพื่อให้สามารถนำแผนที่นั้นไปเป็นหลักฐาน และเพื่อใช้สำหรับการสื่อสารในการดำเนินภารกิจของทหารเรือ อันที่จริงแล้วการที่ประเทศไทยมีฐานทัพเรือสำคัญที่สัตหีบนั้นเป็นเพราะพระองค์ทรงขอพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แล้วทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ใช้พื้นที่สัตหีบสำหรับกิจการกองทัพเรือมาจนถึงปัจจุบัน
กราบเรียนถามความผูกพันระหว่างกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์กับหลวงปู่ศุข ขอความกรุณาคุณหญิงเล่าให้ฟังโดยสรุปด้วยครับ
ม.ร.ว.จิยากร : กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ทรงเคารพศรัทธาและเลื่อมใสในหลวงปู่ศุขมาก ทรงได้รับการศึกษาสรรพวิชาจากหลวงปู่ศุข โดยเฉพาะในเรื่องศาสนาพุทธ และเรื่องของการบำเพ็ญสมาธิ ท่านทรงสร้างที่พักคล้ายกุฏิไว้ที่วังนางเลิ้ง เพื่อเป็นที่รับรองเวลาหลวงปู่ศุขท่านไปเยี่ยมเยียนกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากเพราะเมื่อพระองค์ท่านสิ้นพระชนม์ได้ไม่นาน หลวงปู่ศุขก็มรณภาพในปีเดียวกัน นี่อาจจะเป็นเสมือนความผูกพันระหว่างลูกศิษย์กับพระอาจารย์ที่น่าสนใจมาก บางคนกล่าวว่าเหมือนพระองค์ท่านเสด็จไปรอรับพระอาจารย์ก่อน อะไรทำนองนี้ แต่ก็แล้วแต่ความเชื่อนะคะ แต่สิ่งที่สองท่านทำเหมือนกันคือนั่งสมาธิเป็นประจำ และยึดมั่นในหลักศาสนาพุทธอย่างจริงจัง
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ NBTกดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี