โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จัดงานแถลงข่าวแสดงวิสัยทัศน์และทิศทางการแพทย์แห่งอนาคต (Bumrungrad : Shifting the Future of Healthcare) ตอกย้ำคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยของผู้ป่วย อันเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์บำรุงราษฎร์ที่มีมาอย่างยาวนานถึง 42 ปี รวมถึงความพร้อมทางการแพทย์และนวัตกรรมทางการแพทย์ ภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อการกลับมาขับเคลื่อนสู่ความเป็นผู้นำทางการแพทย์ของไทยอีกครั้งในด้าน Medical and Wellness Destination ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ
ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 42 ในปี 2565 นี้ และยังคงสานต่อปณิธานการก่อตั้งโรงพยาบาลฯ ที่ต้องการให้เป็นสถาบันทางการแพทย์ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลของคนไทย เพื่อให้การบริบาลและส่งมอบผลลัพธ์ทางการรักษาที่ดีที่สุด โดยไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อมุ่งหวังแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียวแต่ต้องเอื้อประโยชน์ต่อสังคมด้วย
สำหรับก้าวต่อไปนับจากนี้ ซึ่งเป็น Healthcare Trend ที่สำคัญของโลก บำรุงราษฎร์มุ่งมั่นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ Smart Healthcare 5.0 เพื่อการดูแลสุขภาพครอบคลุมทุกมิติ โดยยังคงให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยของผู้ป่วย อีกทั้ง ยังยกระดับการให้บริการเพื่อส่งมอบการดูแลรักษาสุขภาพระยะยาว (Lifetime value health partner) ในทุกช่วงอายุเพื่อให้คนในสังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดี ในขณะที่ทิศทางการแพทย์ บำรุงราษฎร์ยังมุ่งพัฒนาการรักษาในระดับจตุตถภูมิ (Quaternary Care) รวมถึงการยกระดับศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (Center of Excellence) เพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคยากและโรคซับซ้อนได้อย่างครอบคลุมทุกโรค ซึ่งจำเป็นต้องใช้สหสาขาวิชาชีพ (multidisciplinary team) เข้ามาร่วมในการดูแลรักษาและมุ่งเน้นบุคลากรหลากหลายสาขา
บำรุงราษฎร์มีจุดแข็ง 3C1W ในด้านคุณภาพของการรักษา (Quality of Care) คือ 1)Critical care การรักษาโรควิกฤต-บำรุงราษฎร์มีทีมแพทย์เวชบำบัดวิกฤตที่ได้รับการรับรองจาก American Board of Critical Care Medicine จากสหรัฐอเมริกา และเป็นทีมที่เข้มแข็งและเป็นเสาหลักของโรงพยาบาล ที่พร้อมดูแลผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการจัดการอย่างมีระบบ
2)Complicated care การรักษาโรคซับซ้อน บำรุงราษฎร์ มีทีมแพทย์ชำนาญการและประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการซับซ้อนเกี่ยวเนื่องกับหลายอวัยวะหรือเป็นโรคยากต่อการวินิจฉัย โดยมี Center of Excellence
ที่ครอบคลุมการรักษาในทุกโรค ซึ่งรวมถึงการปลูกถ่ายอวัยวะ (Organ transplantation) มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญการขั้นสูงในการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ มากว่า 30 ปี ทั้งการปลูกถ่ายไต, ปลูกถ่ายหัวใจ, ปลูกถ่ายตับ และปลูกถ่ายตา โดยบำรุงราษฎร์เป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย ที่ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจให้แก่ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว
3) Collaboration of Expertise การทำงานร่วมกันของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการในหลากหลายสาขาและสหสาขาวิชาชีพ เพื่อร่วมกันให้การบริบาลผู้ป่วยเพื่อผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีที่สุด ตัวอย่างที่ชัดเจน คือการตรวจวินิจฉัยโรคหายาก (Rare Disease) ซึ่งเป็นกลุ่มของโรคที่พบจำนวนผู้ป่วยไม่มากในแต่ละโรค ทำให้มีความยากในการตรวจวินิจฉัย จึงจำเป็นที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางหลากหลายสาขา เพื่อประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมกับอาการโรคของผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ส่งต่อกันมาทางสายเลือดในครอบครัว อาทิ กลุ่มโรคแอลเอสดี กลุ่มโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
4)Wellness and Prevention การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกัน นับเป็นเทรนด์ที่สำคัญของการแพทย์ในอนาคต ที่บำรุงราษฎร์ได้บุกเบิกมากว่า 21 ปี โดยมีศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ที่ให้บริการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคลด้วยวิทยาการทางการแพทย์ที่ทันสมัย นอกจากนี้ ยังมีการดูแลสุขภาพในเชิงลึกระดับยีน โดยการตรวจยีน เพื่อป้องกันก่อนเกิดโรค (Genetic Testing) เพื่อคาดคะเนสุขภาพในอนาคต ทำให้วางแผนและป้องกันการเกิดโรคร้ายบางชนิดได้อย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงในการแพ้ยาและทำนายการตอบสนองของยา ช่วยให้เลือกใช้ยาและขนาดยาได้อย่างเหมาะสม
และช่วยวางแผนการมีบุตร โดยตรวจโรคทางกรรมพันธุ์บางชนิดที่อาจถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก
รศ.นพ.ทวีสิน ตันประยูร ประธานปฏิบัติการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเสริมว่า ในส่วนของ “แพทย์” ถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อาทิ บทบาทองค์กรแพทย์ของบำรุงราษฎร์ในการรักษามาตรฐานทางการแพทย์และจรรยาบรรณ กระบวนการสรรหาแพทย์ใหม่ๆ ที่มีความชำนาญการและประสบการณ์สูงในแต่ละด้าน เพื่อมาผนึกกำลังกับแพทย์ปัจจุบันของโรงพยาบาล เพื่อให้ครอบคลุมในทุกด้านและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีและผลของการรักษาที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ป่วยแต่ละราย
ปี 2565 นี้ บำรุงราษฎร์จะให้น้ำหนักด้านการแพทย์ใน 2 ส่วนสำคัญคือ 1.Robotic Surgery Center การนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดระบบดาวินซีเข้ามาช่วยศัลยแพทย์ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยหลายระบบอวัยวะให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และ 2.Genetic มุ่งเน้นการตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรม (Genomics) ซึ่งจะช่วยระบุความเสี่ยงในการเกิดโรคบางชนิด ทำให้สามารถป้องกันโรคเชิงรุกได้ อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด วางแผนการมีบุตรและป้องกันกลุ่มโรคเสี่ยงทางพันธุกรรมอื่นๆ ในอนาคต รวมถึงตรวจพันธุกรรมเพื่อป้องกันการแพ้ยา ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถเลือกใช้ยาหรือวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งทั้งสองส่วนนี้จะมาเสริมการรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและเป็นเทรนด์การแพทย์ที่บำรุงราษฎร์ให้ความสำคัญนับจากนี้ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี