เข้าสู่หน้าร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งที่หลายคนสัมผัสได้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นแสงแดด ที่พร้อมจะทำลายผิวหนังของเราได้ทุกเมื่อ การทาครีมกันแดดอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวและกิจกรรมที่ทำ
พญ.ดวงกมล ทัศนพงศากุล แพทย์ประจำศูนย์ผิวหนัง โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ปัญหาจากแสงแดดที่พบได้บ่อยๆ คืออาการผิวโดนแดดเผาไหม้ เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ รวมถึงอาการแพ้ต่างๆ เนื่องจากในแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งรังสีนี้จะไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินในชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ ดังนั้น ควรทาครีมกันแดดทุกวัน และควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 30 นาที การทาครีมกันแดดที่ได้ผลดีควรทาให้เพียงพอ ไม่บางหรือหนาจนเกินไป และควรเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB และต้องไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ มีความคงตัวสูงไม่ว่าจะโดนน้ำ หรือเหงื่อ ไม่เหนียวเหนอะหนะ หากเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-16.00 น.
ในปัจจุบันเราแบ่งสารกันแดดเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ สารเคมีกันแดด (Chemical Sunscreen) สารนี้จะช่วยดูดซับรังสี UV ไว้ และเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสารทำให้ประสิทธิภาพในการกันแดดลดลงตามระยะเวลาที่โดนแดด ข้อดีของสารเคมีกันแดด คือ ทาแล้วไม่ทำให้หน้าขาววอก แต่สารบางตัวอาจกันได้แค่ UVB แต่ไม่กัน UVA เช่น Salicylate, Cinnamate และสารที่กันได้ทั้ง UVB และ UVA ได้แก่ สารที่ลงท้ายด้วย-benzone, mexoryl sx, mexoryl XL
ส่วนข้อเสียของสารเคมีกันแดด คือ อาจทำให้เกิดการแพ้ระคายเคืองจากสารเคมีได้ สารกันแดดกลุ่มที่ 2 คือ สารสะท้อนแดด (Physical Sunscreen) ได้แก่ ไททาเนียม ไดออกไซด์ (Titanium Dioxide), ซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) สารเหล่านี้จะสะท้อนแดดออกจากผิว ข้อดีของสารสะท้อนแดดคือ เกิดการแพ้และระคายเคืองน้อยมาก ใช้ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สามารถกันได้ทั้ง UVB และ UVA ไม่เปลี่ยนแปลง คุณสมบัติเมื่อโดนแดดนานๆ ข้อเสียของสารสะท้อนแดด คือ ทาแล้วจะทำให้หน้าขาววอก แต่ปัจจุบันมีการลดขนาดโมเลกุลของสารสะท้อนแดดทำให้ขาวลดลง
นอกจากส่วนประกอบของครีมกันแดดที่เราดูได้จากฉลากแล้ว ค่า SPF ของครีมกันแดดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยค่า SPF (Sun Protection Factor) เป็นตัวเลขที่บอกถึงประสิทธิภาพที่ทำให้ผิวหนังทนต่ออาการแดงจากแสงแดด
โดยคิดเป็นจำนวนเท่า และบ่งบอกถึงความสามารถในการป้องกันแสงแดดจากรังสี UVB เท่านั้น เช่น SPF 15 หมายความว่าครีมกันแดดที่ทา ทำให้ผิวหนังสามารถทนแสงแดดได้นานขึ้น เป็น 15 เท่า ผิวหนังถึงจะแดง เช่น จากการที่เคยโดนแสงแดด 20 นาที แล้วผิวแดง ก็สามารถกันแดดได้ 15×20 เท่ากับ 300 นาที ผิวจึงจะแดง ส่วนค่า PA (Protective factor for UVA) เป็นค่าที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกัน UVA นั่นเอง
สำหรับคนที่อยู่ในอาคารควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ประมาณ 15 แต่ถ้าต้องออกไปโดนแดดจัด ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ประมาณ 30 ทั้งนี้ ในคนที่ต้องอยู่กลางแจ้งนานๆ อาจทำให้เหงื่อออกเยอะ รวมถึงผู้ที่ต้องการลงเล่นน้ำครีมกันแดดจะถูกจะชะล้างออกไปบางส่วน เพราะฉะนั้นควรเลือกครีมกันแดดชนิด Water-resistant หรือ Waterproof จะช่วยป้องกันการชะล้างได้ดีขึ้น
นอกจากการป้องกันแสงแดดด้วยครีมกันแดด เรายังสามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดได้ด้วยอุปกรณ์อื่นๆ ที่สามารถใช้ในการป้องกันแสงแดดและมีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน เช่น การสวมหมวกปีกกว้าง, การสวมเสื้อผ้าที่กันรังสี UV หรือการใช้ร่ม เป็นต้น
หลังจากการโดนแดดแรงๆ เป็นเวลานานแล้ว ปัญหาที่มักเกิดขึ้นคือ ผิวคล้ำเสีย มีจุดด่างดำ และเกิดริ้วรอยโดยทั่วไปก็มักจะเลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ และไวท์เทนนิ่ง หรืออาจพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาขาวใสดังเดิม เช่น
l เทคโนโลยี IPL (Intense Pulse Light) เป็นเทคโนโลยีความงามโดยการใช้คลื่นแสงธรรมชาติ IPL ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว แต่จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวสวยใส ดูอ่อนวัย คืนความเนียนใสให้กับใบหน้า ลบเลือนจุดด่างดำ ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง พร้อมปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ พร้อมกับการทำลายเฉพาะเม็ดสีส่วนเกินในชั้นหนังกำพร้า ไม่มีอาการเจ็บและไม่ทำให้เกิดแผล หลังการรักษา
ยังสามารถแต่งหน้าได้
l Diamond Peel เป็นการปรับสภาพและฟื้นฟูผิวพรรณด้วยการใช้เทคโนโลยีการผลัดเซลล์ผิวหนัง(Microdermabrasion) ซึ่งเป็นการใช้หัวคริสตัลที่เป็นDiamond ร่วมกับการใช้ระบบดูดสุญญากาศ ขัดนวดเบาๆ เพื่อขจัดผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออกอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวนุ่มเนียน และกระจ่างใสขึ้น และช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ที่สดใส โดยไม่ทำให้เกิดแผล ปลอดภัยแม้มีสภาพผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย สามารถใช้รักษารอยหลุม รอยดำ รอยแผลเป็นจากสิว ลดริ้วรอยตื้นๆ ลบเลือนรอยแตกลายที่หน้าท้อง สะโพกและต้นขา อีกทั้งยังช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน
มีสีผิวที่สม่ำเสมอ
l AHA Treatment เป็นการปรับสภาพผิวโดยใช้กรดผลไม้ AHA (Alphahydroxy Acid) ซึ่งสกัดจากผลไม้ในธรรมชาติ โดยสาร AHA จะช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพ เกิดการหลุดออกได้เร็ว ทำให้ความหมองคล้ำ และริ้วรอยจุดดำต่างๆ จางหายไป และยังมีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงยิ่งขึ้นด้วย ช่วยให้ความมันของผิวหน้าลดลง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวมัน
ปัญหาแดดแผดเผาผิวพรรณ เป็นเรื่องที่ต้องระวัง แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเก็บตัวอยู่แต่ในที่ร่มตลอดเวลา หน้าร้อนที่แสงแดด
สดใสแบบนี้ ออกไปเผชิญกับแสงแดดบ้างอย่างถูกวิธีก็สามารถสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งได้ โดยไม่ต้องกลัวผิวเสียอีกต่อไป
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี