กรมหลวงชุมพรฯ หรือเสด็จเตี่ย สิ้นพระชนม์เมื่อ 19 พฤษภาคม 2466 จากวันนั้นจวบจนบัดนี้คุณความดีที่พระองค์ทรงทำไว้กับบ้านเมืองยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของกลุ่มผู้รักและศรัทธาในพระองค์เสมอมา
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย ไปสนทนากับ หม่อมราชวงศ์จิยากร อาภากร เสสะเวช ประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ถึงการทำพิธีพุทธาภิเษกพระผงรุ่นเสด็จกลับ ในโอกาสครบ 99 ปีวันอาภากร
l กราบเรียนถามคุณหญิงถึงวัตถุประสงค์การสร้างพระผงรุ่นเสด็จกลับ ซึ่งมีต้นแบบมาจากภาพที่กรมหลวงชุมพรฯ ทรงวาดไว้ เพราะทราบว่าเคยมีการสร้างพระรุ่นนี้ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อหลายสิบปีก่อน
ม.ร.ว.จิยากร : เนื่องจากในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 99 ปีที่กรมหลวงชุมพรฯ สิ้นพระชนม์ มูลนิธิราชสกุลอาภากรได้หารือกันว่าสมควรจะสร้างพระเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสนี้ เพราะทราบว่ายังคงมีประชาชนจำนวนมากที่ยังรัก เคารพ ศรัทธาพระองค์เนื่องจากทรงมีพระกรุณาธิคุณต่อแผ่นดินไทยหลายประการ อาทิทรงเป็นพระบิดาของกิจการทหารเรือในยุคใหม่ ทรงนำความรู้ด้านทหารเรือจากตะวันตกเข้ามาพัฒนากองทัพเรือไทย หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาด้านทหารเรือจากอังกฤษ ดังนั้นทหารเรือไทยจึงถวายพระนามแด่พระองค์ท่านว่า เสด็จเตี่ยของทหารเรือ ซึ่งคนทั่วไปก็ขานพระนามพระองค์ท่านว่าเสด็จเตี่ยตามไปด้วย และยังทรงเป็นหมอพรของชาวบ้านผู้มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วย เนื่องจากทรงศึกษาวิชายาสมุนไพร แล้วทรงช่วยเหลือชาวบ้านที่ยากจนและห่างไกลความเจริญให้รอดพ้นจากโรคภัยต่างๆ เพราะฉะนั้น มูลนิธิฯ จึงเห็นว่าในโอกาสนี้สมควรจะสร้างพระเพื่อเป็นที่ระลึกถึงพระองค์ จึงสร้างพระผงรุ่นเสด็จกลับขึ้นมา โดยอาศัยภาพฝีพระหัตถ์ของพระองค์เป็นแบบ โดยนำภาพมาจากคัมภีร์อติสาระวรรคโบราณะกรรม และปัจจุบันนะกรรม ซึ่งพระองค์ทรงนิพนธ์ตำราไว้และจากการค้นคว้าก็พบว่าหลวงปู่ศุข เกสโร แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรฯ เคยสร้างพระรุ่นเสด็จกลับมาแล้ว ทั้งนี้จากการค้นคว้าต่อมาก็พบว่าหลวงปู่สุภา กันตสีโล ท่านเคยเป็นสามเณรรับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ศุขมาก่อน ท่านทราบขั้นตอนกระบวนการสร้างพระรุ่นเสด็จกลับตามแบบฉบับหลวงปู่ศุข ท่านจดจำตำราการสร้างพระเสด็จกลับได้การสร้างพระรุ่นเสด็จกลับ คือ การเชิญพระผงที่ทำจากว่านยามงคล 108 ชนิด และมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงกากยายักษ์ไปลอยน้ำ แล้วพระผงก็จะลอยน้ำกลับไปยังสถานที่ที่เกจิอาจารย์ท่านบำเพ็ญภาวนา พระผงที่สร้างขึ้นนี้ทำด้วยมือทุกองค์ และมีจำนวนจำกัด ในการทำพิธีพุทธาภิเษกเบื้องต้น เรากระทำบนเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นเรือสำคัญของกองทัพเรือ และทหารเรือไทยก็ถวายความเคารพว่ากรมหลวงชุมพรฯ คือพระบิดาแห่งกองทัพเรือไทยในยุคใหม่ ดังนั้นพิธีพุทธาภิเษกนี้จึงเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพเรือ เมื่อผ่านพิธีแล้ว มูลนิธิฯ มอบพระให้กำลังพลของกองทัพเรือส่วนหนึ่ง แล้วอีกส่วนหนึ่งก็จะให้ประชาชนที่สนใจนำไปบูชา โดยจะมีพิธีสำคัญอีกครั้งในวันที่ 26 พฤษภาคม ณ วัดราชบพิตรฯ ขออนุญาตเล่าถึงความน่าสนใจของพระรุ่นเสด็จกลับว่าแต่ละองค์จะมีความแตกต่างกันไปตามน้ำหนักมือของผู้กดพระลงบนพิมพ์ อย่างที่เรียนในเบื้องต้นคือพระรุ่นนี้ไม่ได้ผลิตด้วยเครื่องจักร เพราะฉะนั้นจึงมีความแตกต่างกันบ้าง แต่ที่น่าสนใจคือพระพักตร์ของพระมีรอยยิ้มเหมือนๆ กัน
l คุณหญิงแจ้งว่าพระมีจำนวนจำกัด ขอเรียนถามว่าสร้างขึ้นมาจำนวนเท่าไรครับ
ม.ร.ว.จิยากร : สร้างเพียง 3 หมื่นองค์เท่านั้นค่ะ เพราะมวลสารมงคลที่ใช้สร้างมีปริมาณจำกัด และสร้างด้วยความตั้งใจจะทำเป็นที่ระลึกในโอกาสวันครบรอบ 99 ปี วันอาภากร เพื่อถวายพระกุศลแด่พระองค์ และเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจของคนที่เคารพ นับถือ ศรัทธาพระองค์ เนื่องจากสร้างน้อย ก็จึงต้องการจะให้กระจายไปถึงผู้ที่รักและเคารพพระองค์จริงๆ มูลนิธิฯจึงไม่อนุญาตให้แต่ละรายสั่งจองจำนวนมาก เพราะมิฉะนั้นพระจะไม่กระจายถึงมือผู้คนทั่วไป
l ผมค้นหาข้อมูลได้ว่า เมื่อประมาณ 50-60 ปีก่อน มีการสร้างพระเสด็จกลับจากภาพฝีพระหัตถ์กรมหลวงชุมพรฯมาครั้งหนึ่ง พระรุ่นนั้นเป็นที่กล่าวขานถึงความศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ปัจจุบันยากที่จะหาพระรุ่นนั้นได้อีก นี่จึงเป็นมูลเหตุอีกประการของการสร้างพระในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ครับ
ม.ร.ว.จิยากร : พระรุ่นที่กล่าวถึงนั้นสร้างโดยหลวงปู่สภาซึ่งหมดไปนานมากแล้ว เพราะสร้างไม่มากเช่นกัน ผู้นิยมและสะสมพระต่างกล่าวถึงพระเสด็จกลับรุ่นนั้นมาก และยังคงตามหากันจนถึงปัจจุบัน แต่เท่าที่เคยทราบคิดในวงการพระเครื่องจะตั้งราคาพระเสด็จกลับรุ่นนั้นไว้สูงมาก เนื่องจากหายากมากๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่คนในวงการพระเครื่องต่างรู้กันดี แต่สำหรับการสร้างพระเสด็จกลับรุ่นใหม่นี้ มูลนิธิฯ ตั้งใจเพียงว่าทำขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกโอกาส 99 ปี วันอาภากร และเพื่อมอบให้ทหารเรือจำนวนหนึ่งเท่านั้น ส่วนผู้ที่มีความประสงค์จะเช่าบูชาพระเสด็จกลับ ขอให้กรุณาติดต่อที่มูลนิธิราชสกุลอาภากร ที่หมายเลขโทรศัพท์02-4682696, 096-9514895 ซึ่งนอกจากพระรุ่นเสด็จกลับแล้ว ในพิธีพุทธาภิเษกนี้ มูลนิธิได้จัดทำผ้ายันต์ที่นำภาพวาดฝีพระหัตถ์กรมหลวงชุมพรฯ พระนารายณ์ทรงสุบรรณ โดยพระนารายณ์ทรงมีหินบดยาในพระกรด้วย โดยเชิญมาทำพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน แต่ขอเรียนย้ำเหมือนเดิมว่าไม่ได้สร้างขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
l เรียนถามคุณหญิงว่า ราคาเช่าบูชาพระผงรุ่นเสด็จกลับเป็นอย่างไรครับ
ม.ร.ว.จิยากร : มูลนิธิราชสกุลอาภากรตั้งราคาไว้เพียง 200 และ 500 บาทเท่านั้น โดยรุ่นที่ไม่ได้ปิดทองคำเปลวคือ 200 บาท ส่วนที่ปิดทองคำเปลวคือ 500 บาท มูลนิธิฯ ไม่ตั้งราคาสูงเพื่อให้คนทุกคนที่เคารพกรมหลวงชุมพรฯ สามารถเช่าบูชาไปเป็นที่ระลึกได้ หากตั้งราคาสูงมากๆ ก็เท่ากับตัดโอกาสคนที่มีทุนทรัพย์ไม่สูงออกไปโดยปริยาย ส่วนเงินรายได้นั้นมูลนิธิฯ จะนำไปก่อสร้างอาคารปรุงยาสมุนไพรตามตำรับหมอพรโดยอาคารนี้จะอยู่ที่พระตำหนักกรมหลวงชุมพรฯ พลูตาหลวง สัตหีบ เพื่อเป็นสถานที่เรียนรู้ยาสมุนไพรตามตำรับของพระองค์และเปิดโอกาสให้ผู้ที่ประสงค์จะเรียนรู้การผลิตยาสมุนไพรตำรับหมอพรได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ได้ และจะสร้างสวนสมุนไพรหมอพรในที่เดียวกันด้วย สมุนไพรในเขตพระตำหนักจะเป็นสมุนไพรสารพัดชนิดที่มีชื่อระบุในตำรายาหมอพร ซึ่งก็จะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ และศึกษาวิจัยสมุนไพรในอนาคตด้วย
l เรียนถามพิธีพุทธาภิเษกบนเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช ครับ มีรายละเอียดโดยสังเขปอย่างไรบ้างครับ
ม.ร.ว.จิยากร : มูลนิธิฯ หารือกับกองทัพเรือแล้วจึงได้ความเห็นร่วมกันว่า พระนามภูมิพลอดุลยเดช คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินไทย กองทัพเรือมีเรือหลวงพระนามภูมิพลอดุลยเดช เราจึงเห็นพ้องกันว่าจัดพิธีพุทธาภิเษกบนเรือสำคัญลำนี้ โดยนิมนต์พระเกจิมาจากหลายที่ อาทิ ท่านเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร กรุงเทพฯ คือพระเดชพระคุณพระพรหมวิสุทธาจารย์เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธี เนื่องจากวัดเครือวัลย์วรวิหารเป็นวัดที่มีความผูกพันกับทหารเรือมายาวนาน เป็นฌาปนสถานของกองทัพเรือ มาตั้งแต่โบราณกาล กรมหลวงชุมพรฯ ทรงขอให้วัดนี้เป็นฌาปนสถานของกำลังพลกองทัพเรือ นอกจากนั้นยังมีพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูปมาร่วมพิธีพุทธาภิเษกด้วย ส่วนประธานฝ่ายฆราวาสคือ พลเรือเอกสมประสงค์ นิลสมัย โดยมีประธานราชสกุลอาภากร คือตัวดิฉันร่วมเป็นประธานด้วย ในพิธีนี้นอกจากทำตามแบบฉบับของพิธีสงฆ์โดยสมบูรณ์แล้ว ยังเชิญพราหมณ์จากโบสถ์พราหมณ์ กรุงเทพฯ มาทำพิธีบวงสรวงด้วยเพื่อให้พิธีสมบูรณ์แบบตามโบราณพิธีทุกประการ เพื่อสิริมงคลสูงสุด สำหรับคุณๆ ที่เคารพ ศรัทธาในกรมหลวงชุมพรฯก็สามารถติดตามและสอบถามวัตถุมงคลที่มูลนิธิราชสกุลอาภากรได้จะทำขึ้นในโอกาสต่างๆ ได้ที่มูลนิธิฯ โดยตรง แต่เรียนว่าไม่มีของมงคลเหลืออยู่มากนัก เพราะแต่ละรุ่นนั้น มูลนิธิฯ สร้างจำนวนจำกัดมาก เพราะไม่ได้มีความประสงค์ด้านการพาณิชย์แต่อย่างใด แต่มูลนิธิฯ สร้างขึ้นตามโอกาสสำคัญๆ ของกรมหลวงชุมพรฯ เท่านั้น ขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า เนื่องในโอกาส 99 ปีวันอาภากร มูลนิธิราชสกุลอาภากรจึงจัดทำพระรุ่นเสด็จกลับ และยันต์พระนารายณ์ทรงสุบรรณ ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึกถึงกรมหลวงชุมพรฯ และเพื่อถวายพระกุศลแด่พระองค์
l เรียนถามถึงตำราสมุนไพรไทยของหมอพร ล่าสุดดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้วครับ
ม.ร.ว.จิยากร : เรื่องการทำหนังสือนั้นกำลังดำเนินการ เพราะต้องตรวจสอบความถูกต้องให้ครบถ้วน ซึ่งพระองค์ทรงพระนิพนธ์ตำรายาสมุนไพรไว้หลายเล่ม คือ 15 เล่ม แต่เท่าที่ค้นหาได้ในปัจจุบันก็ยังไม่ครบสมบูรณ์ทุกเล่ม ทรงวาดภาพประกอบด้วยฝีพระหัตถ์ทุกเล่ม
l เวลาขานพระนามเสด็จเตี่ย หรือหมอพร ทำให้คนไทยรู้สึกว่าใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น ใช่ไหมครับ
ม.ร.ว.จิยากร : ทรงต้องการให้ทหารเรือไม่ต้องมีความเกร็งมากเกินไปในเวลาทำงานร่วมกับพระองค์ จึงทรงให้เรียกว่าเตี่ย เพราะทรงเห็นว่าใกล้ชิดและเป็นกันเองดีกว่าให้ขานพระนามกรมหลวงชุมพรฯ ส่วนหมอพรนั้นก็ทรงต้องการให้ชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่ต้องวิตกว่าอยู่ใกล้ชิดกับเจ้านายที่ทรงเป็นพระราชโอรสพระมหากษัตริย์ จึงทรงให้ขานพระนามว่าหมอพร เพราะเวลาเสด็จไปรักษาพยาบาลผู้คนที่อยู่ห่างไกล ประชาชนก็ไม่ทราบว่าพระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสพระมหากษัตริย์ จึงทำให้การรักษาพยาบาล และการพูดคุยสนทนากันได้อย่างใกล้ชิด ทำให้รักษาพยาบาลได้สะดวกขึ้น เพราะชาวบ้านไม่รู้สึกเกร็งมากจนเกินไป เพราะเวลาอยู่ใกล้เจ้านายชั้นสูง ชาวบ้านจะรู้สึกประหม่ามาก เวลาจะพูดจะคุยกันก็ไม่สะดวก ไม่ง่ายในการสื่อสารจึงทรงให้เรียกว่าหมอพร เพราะง่ายดี ส่วนเรื่องทรงพัฒนาศักยภาพกองทัพเรือไทยให้ทันสมัยแบบตะวันตก ก็เป็นสิ่งสำคัญที่กองทัพเรือไทยถวายพระนามว่าพระบิดาแห่งกองทัพเรือไทยทรงทำให้กองทัพเรือไทยทันสมัยทัดเทียมกับกองทัพเรือตะวันตกทรงนิพนธ์ตำราเพื่อทหารเรือไทย และทรงทูลขอพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานที่ดินบริเวณสัตหีบให้กองทัพเรือไทย เพราะทรงเห็นว่าสัตหีบมีชัยภูมิเหมาะสมกับการตั้งเป็นเขตกองทัพเรือ เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยให้แผ่นดินไทย ส่วนตัวดิฉันเองในฐานะสมาชิกราชสกุลอาภากร และฐานะประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากร ต้องขอกราบขอบพระคุณคนไทยจำนวนมากที่ยังถวายความเคารพ ความศรัทธาแด่กรมหลวงชุมพรฯ เสมอมา และขอบคุณที่ทุกท่านมีส่วนร่วมช่วยสนับสนุนมูลนิธิราชสกุลอาภากรในการทำกิจการสาธารณกุศลด้วยดีเสมอมา ดิฉันระลึกถึงเสมอว่าด้วยพระกรุณาธิคุณของกรมหลวงชุมพรฯ จึงทำให้คนไทยทั่วประเทศยังระลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์เสมอมา
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTubeไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี