การขับถ่ายถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เพราะหากเกิดปัญหาการขับถ่ายขึ้นมาก็หมายความว่าความปกติสุขในชีวิตจะหายไป
วันนี้เราจะพูดถึงคนไทยกับปัญหาท้องผูก เพราะเห็นชัดว่าการใช้ชีวิตของไทยยุคนี้เต็มไปด้วยความเร่งรีบ เร่งร้อน เครียดจัด ออกกำลังกายน้อย นั่งทำงานเป็นเวลานาน แถมบางคนยังมีพฤติกรรมการกินที่แสนพิสดาร ส่งผลให้เกิดปัญหาการขับถ่ายตามมา
เมื่อคนเราไม่ขับถ่ายตามปกติ ร่างกายจะประสบปัญหามีของเสียตกค้างในลำไส้ใหญ่เป็นเวลานานจึงเกิดการดูดซึมน้ำในของเสียกลับเข้าร่างกาย ของที่ต้องถ่ายออกไปจึงมีความแห้งและแข็ง ทำให้ขับถ่ายได้ลำบาก จนอาจเกิดแผลที่บริเวณหูรูด ทำให้เจ็บปวดเวลาขับถ่าย นี่คืออาการท้องผูก และอาจส่งผลให้เกิดริดสีดวงทวารหนักตามมาได้
สาเหตุของท้องผูกมีหลากหลาย บางครั้งอาจไม่มีสาเหตุชัดเจน แค่สาเหตุที่พบบ่อยเป็นอันดับแรกคือพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ถ้าหากเรารับประทานอาหารที่มีกากใย หรือไฟเบอร์ไม่เพียงพอ จะทำให้ขับถ่ายยากขึ้น ปัจจุบันคนไทยจำนวนไม่น้อยได้รับอิทธิพลจากอาหารตะวันตก ทำให้บริโภคอาหารที่มีไฟเบอร์ลดลง
ร่างกายได้กากใยจากผักและผลไม้ กากใยเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เพิ่มมวลของสิ่งที่จะขับถ่าย ทำให้ขับถ่ายง่าย ถ้าในลำไส้ใหญ่ไม่มีมวลมากพอจะส่งผลให้การกระตุ้นการขับถ่าย และการเคลื่อนไหวของลำไส้เป็นได้ยาก ส่วนปัญหาสำคัญข้อสองคือ ดื่มน้ำไม่เพียงพอทำให้ของที่ถูกขับถ่ายมีลักษณะแห้ง ไม่อ่อนนุ่ม จึงยากต่อการขับถ่าย ปัญหาที่สามคือร่างกายไม่มีการเคลื่อนไหวที่มากพอ เพราะนั่งหรือนอนเป็นเวลานาน จึงทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวน้อยลง ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้ตามไปด้วย ในประเด็นนี้พบมากในผู้สูงอายุ เพราะเมื่ออายุมาก จะมีการเคลื่อนไหวของร่างกายน้อยกว่าคนหนุ่มสาว หรือในกรณีผู้ป่วยติดเตียง ก็ประสบปัญหาท้องผูกได้ง่าย
นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆ อีก เช่น ไม่ยอมถ่ายเมื่อรู้สึกอยากขับถ่าย หรือไม่ให้ความสำคัญกับการขับถ่าย กรณีนี้เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้ท้องผูก หรือการรับประทานยาบางชนิดอาจส่งผลข้างเคียงทำให้เกิดภาวะท้องผูกได้ เช่น กลุ่มยาแก้ปวดบางชนิด ยาต้านอาการซึมเศร้าบางชนิด ยาลดกรดบางประเภทที่มีส่วนประกอบของแคลเซียมและอะลูมิเนียม ยาแก้แพ้บางประเภท รวมถึงเกลือแร่บางชนิด เช่น เหล็กและแคลเซียม เป็นต้น และอาการเจ็บป่วยบางอย่างอาจเป็นสาเหตุของท้องผูกได้เช่น โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อบางประเภท โรคไทรอยด์เบาหวาน ภาวะซึมเศร้า เป็นต้น และภาวะตั้งครรภ์ก็อาจทำให้เกิดปัญหาท้องผูกได้เช่นกัน
การป้องกันท้องผูกและการดูแลตัวเองในเบื้องต้น ทำได้โดยการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงๆ เช่น ผัก ผลไม้ที่มีกากใยสูงในปริมาณมาก เช่น กล้วยสุก มะละกอสุกสับปะรด เป็นต้น รับประทานข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี เพื่อเพิ่มปริมาณมวลทำขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ผลไม้บางชนิดสามารถช่วยการขับถ่ายได้ เช่น ลูกพรุน มะขาม และดื่มน้ำในปริมาณที่มากพอ ออกกำลังกาย ขยับร่างกายเป็นประจำจะช่วยลดภาวะท้องผูกได้ การรับประทานอาหารชนิดโพรไบโอติกเช่น โยเกิร์ตที่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่มีชีวิต จะช่วยสร้างสมดุลของลำไส้ได้ ถ้าเป็นไปได้ต้องสร้างนิสัยขับถ่ายให้เป็นเวลา และให้เวลากับการขับถ่าย จะช่วยแก้ปัญหาท้องผูกได้หรือถ้าจำเป็นต้องพึ่งยาจริงๆ ขอให้ปรึกษาเภสัชกรก่อนเพราะยาช่วยขับถ่ายมีหลายประเภทที่สามารถใช้ในเบื้องต้นได้สำหรับผู้ที่รับประทานกากใยไม่พอ ยาไฟเบอร์สามารถช่วยเพิ่มปริมาณกากใยได้ และยังมียาอีกหลายชนิดที่ช่วย เช่น แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ แล็กทูโลส (Lactulose)บิสซาโคดิล (Bisacodyl) สารสกัดหรือยาสมุนไพรมะขามแขก รวมถึงประเภทยาสวนโซเดียมคลอไรด์
แต่ขอให้ปรึกษาเภสัชกร เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม เพราะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางประเภท อาจมีข้อจำกัดในการใช้ยาบางชนิด และการใช้ยาเหล่านี้ ควรใช้ในระยะสั้น แต่หากปัญหายังเรื้อรัง ต้องไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา
ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี