ปัจจุบันสาวๆ หลายคนมีปัญหาเรื่องผิวพรรณ โดยเฉพาะผู้มีผิวที่มีความไวต่อปัจจัยกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
สารกันแดด เนื้อผ้าที่สวมใส่บางชนิด น้ำ หรือแม้กระทั่งสภาพอากาศที่แห้งและเย็น อาจทำให้เกิดอาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย
ข้อมูลจาก พญ.ดวงกมล ทัศนพงศากุลแพทย์ประจำศูนย์ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) เป็นอาการของผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ ไม่ใช่โรคติดต่อหรือเกิดจากความสกปรก แต่เกิดจากการที่ร่างกายของผู้ป่วย มีภูมิที่ไวต่อการตอบสนองต่อปัจจัยกระตุ้นต่างๆ มากเกินไป ซึ่งในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้อย่างแน่ชัด แต่เชื่อว่าอาจเกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน โดยอาจเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรมที่มีในตัวผู้ป่วยเอง หรือคนในครอบครัวที่มีโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหืด โรคภูมิแพ้ผิวหนัง โรคแพ้ละอองเกสรดอกไม้ และโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมกับภาวะทางภูมิต้านทานโรคในร่างกายผู้ป่วย หรือร่างกายอาจขาดโปรตีนที่ช่วยให้ผิวหนังกักเก็บน้ำได้น้อย จนทำให้ผิวหนังแห้ง แดง คัน ระคายเคือง และก่อให้เกิดโรคได้
อาการหลักทั่วไปของผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ได้แก่ มีผื่นแดง ผิวแห้งเป็นขุย มีอาการคัน โดยยิ่งเกามาก ผิวยิ่งแห้งมาก โอกาสที่ผิวหนังจะไวต่อสารกระตุ้นต่างๆ ที่เข้ามาสัมผัสก็มากขึ้น ผื่นมักจะเป็นๆ หายๆ หากเป็นเรื้อรังผิวหนังจะหนาและมีรอยคล้ำตามบริเวณที่เป็นผื่นคัน ผู้ป่วยผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักมาพบแพทย์ด้วยอาการดังนี้ 1.อาการคัน 2.ผิวแห้ง 3.อาการผื่นแดงคันตามร่างกาย โดยตำแหน่งของโรคขึ้นอยู่กับวัยของผู้ป่วย เช่น
l ในทารกและเด็กเล็ก มักพบผื่นที่ใบหน้า ซอกคอ และบริเวณแขน ขา ด้านนอก
l สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ มักพบผื่นที่บริเวณข้อพับแขน และขา
ซึ่งการวินิจฉัยโรค นอกจากอาศัยประวัติอาการแล้ว แพทย์ผิวหนังอาจพิจารณาตรวจเพิ่มเติม ได้แก่ ตรวจร่างกาย, ทดสอบการแพ้ทางผิวหนัง (Patch Test) การเจาะเลือดและการทดสอบการแพ้อาหาร
อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาหลายเดือนหรือเป็นปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการในแต่ละบุคคล การรักษาเพื่อบรรเทาอาการด้วยตัวเองเบื้องต้น สามารถทำได้โดย
l การใช้สารให้ความชุ่มชื้นผิวเพื่อทำให้ผิวไม่แห้งจนเกินไป
l หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น
l หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอากาศที่ร้อนหรือเย็น จนเกินไป
l หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น ผ้าไนล่อน ผ้าที่มีเนื้อหยาบ ผงซักฟอก ส่วนในเด็กเล็ก การรับประทานอาหารบางชนิด อาจกระตุ้นให้เกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้
แนวทางในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ในผู้ป่วยที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักจะมีผิวแห้ง ดังนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง ที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอม สี และสารกันเสีย เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้น ถ้าเป็นคนที่ผิวแห้งน้อยควรใช้โลชั่น ถ้าเป็นคนที่ผิวแห้งปานกลางถึงแห้งมากควรใช้ครีมชุ่มชื้น หรือขี้ผึ้งการเลือกใช้สบู่ควรเลือกใช้สบู่ที่มีความระคายเคืองต่อผิวน้อย เลือกใช้สบู่ที่ไม่มีความเป็นกรดหรือด่างมากจนเกินไป การอาบน้ำไม่ควรฟอกสบู่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้ไขมันบนผิวหนังลดน้อยลง ในคนที่ผิวแห้งมากไม่ควรอาบน้ำเกินวันละ 2 ครั้ง โดยอาจอาบน้ำเปล่า และเลือกฟอกสบู่ตามซอกต่างๆ ที่มีความอับชื้น เช่น คอ ขาหนีบ และรักแร้ ก็สามารถช่วยลดอาการแห้งของผิวได้
หากรักษาด้วยตนเองแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อปรึกษาและรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะการวางแผนการรักษา และป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาให้ดียิ่งขึ้น
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี