ขณะที่เขียนคอลัมน์นี้เป็นวันหยุดแห่งชาติในอเมริกาที่เรียกว่า“เมมโมเรียลเดย์”เฉลิมฉลองกันยกใหญ่ถึงชัยชนะโน่นนี่ทางการทหารที่ยกพลไปปล้นชาติอื่นมา หลายคนคิดเอาเองว่าอเมริกาเป็นพระเอก ที่เข้าไปปกป้องชาติอื่นแหม..โลกสวยมาก เพื่อให้เข้าบรรยากาศฉลองชัยขอเล่าเรื่องการฮุบแผ่นดินคนอื่นมาเป็นรัฐที่ห้าสิบของอเมริกาน่าจะดีอเมริกามีทั้งหมด 50 รัฐ รัฐที่ 49
คือรัฐอลาสก้า อเมริกาซื้อมาจากรัสเซีย ที่เอามาเร่ขายราคาถูกโดยคิดไม่ถึงว่าจะเต็มไปด้วยน้ำมัน แม้จะซื้อมาถูกเหมือนได้เปล่าแต่ก็ยังถือว่าซื้อขาย แต่ไอ้รัฐที่ 50 นี่สิลุงแซมไปทุบทำลายสถาบันกษัตริย์แล้วแย่งเอามาดื้อๆ เลยแหละก่อนหน้าที่กลายเป็นรัฐที่ 50 ฮาวายมีประวัติศาสตร์ยาวนานและเคยเป็นราชอาณาจักรที่มีกษัตริย์ปกครอง แถมมีภาษาเป็นของตัวเองด้วยน่าเสียดายที่อเมริกันลืมประวัติศาสตร์ส่วนนี้หมดแล้วและคงไม่ค่อยสนับสนุนให้รุ่นหลังเรียนรู้เท่าไหร่เพราะตัวเองกระสันแผ่นดินฮาวาย จนไปแย่งเอามาอย่างหน้าด้านราชอาณาจักรฮาวายก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปีค.ศ.1795 และล่มสลายไปประมาณปี ค.ศ.1893-1894
หมู่เกาะฮาวายเกิดจากแนวภูเขาไฟกลางมหาสมุทรแปซิฟิกทอดยาวต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ ประกอบด้วยเกาะใหญ่ 8 เกาะ และเกาะเล็กเกาะน้อยอีก 124 เกาะ แต่ก่อนเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวโพลินีเชียน พายเรืออพยพไปมาระหว่างเกาะแก่งต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกยุคนั้นปกครองแบบเกาะใครเกาะมัน มีรบกันประปรายแล้ววันหนึ่งมีผู้กล้าลุกมารวบรวมเกาะเล็กเกาะน้อยเป็นปึกแผ่นเพื่อก่อตั้งราชอาณาจักรฮาวาย นั่นคือพระเจ้าคาเมฮาเมฮามหาราชน่าจะเรียกได้ว่า “พระเจ้าสิบทิศแห่งหมู่เกาะทะเลใต้” พระองค์ทำศึกสงครามรวมแผ่นดินนานถึง 15 ปี จนก่อตั้งราชวงศ์แรกคือราชวงศ์คาเมฮาเมฮาจากนั้นกษัตริย์ในราชวงศ์ของพระองค์ก็ครองราชอาณาจักรสืบต่อมาเรื่อย ตั้งแต่พระเจ้าคาเมฮาเมฮาที่ 1 ไปจนถึงพระเจ้าคาเมฮาเมฮาที่ 5 พอกษัตริย์พระองค์ที่ห้าแห่งราชวงศ์คาเมฮาเมฮาสิ้นพระชนม์ก็เริ่มราชวงศ์ใหม่นั่นคือ ราชวงศ์คาลาอีมามาฮูราชวงศ์นี้มีกษัตริย์พระองค์เดียวคือ พระเจ้าลูนาลิโลซึ่งสิ้นพระชนม์โดยไม่มีรัชทายาทรัฐสภาจึงต้องเลือกระหว่างพระราชินีเอ็มมา นาเอ รูก พระราชินีในพระเจ้าคาเมฮาเมฮาที่ 4 ของราชวงศ์ก่อน กับเดวิดคาลาคาอัว ยังไม่ทันเลือกว่าจะเอาใครก็เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง สุดท้ายหวยออกที่เดวิดคาลาคาอัว ได้ครองราชย์บัลลังก์ฮาวายทรงพระนามว่าพระเจ้าคาลาคาอัวที่ 1 ก่อตั้งราชวงศ์ราชวงศ์คาลาคาอัวพระราชาพระองค์นี้แหละที่อเมริกาหนุนสุดติ่งกระดิ่งแมวจะว่าไปอเมริกาเข้าไปเผือกเรื่องในสถาบันกษัตริย์ด้วยการชักใยเบื้องหลังให้กษัตริย์อนุมัติโน่นนี่เพื่อเอื้อประโยชน์แก่นักธุรกิจอเมริกันอยู่ตลอดตั้งแต่ราชวงศ์แรกเลยทีเดียว
แล้วอเมริกาควบคุมกษัตริย์ให้เซ็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรฮาวาย 1887 หรือ Bayonet Constitution ที่ลดอำนาจของกษัตริย์ลงและกระจายอำนาจออกไปให้กลุ่มนายทุนน้ำตาลซึ่งก็คือพ่อค้าอเมริกันเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในทางการเมืองมากขึ้นนั่นเองฮาวายมีภาษาเป็นของตัวเอง พระเจ้าคาเมฮาเมฮาที่ 3 สถาปนารัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นเป็นภาษาฮาวายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1839 และ 1840 มีพยัญชนะเพียง 13 ตัว แต่เมื่อคนผิวขาวเข้ามาครอบครองฮาวายก็ออกกฎหมายห้ามใช้ภาษาฮาวายอีกต่อไป ให้ใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้นส่วนเด็กฮาวายห้ามพูดภาษาแม่ ไม่งั้นจะต้องถูกทำโทษสรุปคือใช้มาตรการเดียวกับการลากเด็กอินเดียนแดงทุกเผ่าในอเมริกาไปเรียนในโรงเรียนสอนศาสนาที่บังคับให้นับถือคริสต์ให้ตัดผมแบบชนเผ่าทิ้ง และห้ามถูกภาษาเผ่านั่นแหละหากทำตัวไม่ถูกใจครูผิวขาวก็ถูกกลบฝังอย่างไร้ร่องรอยใต้โรงเรียนนั่นเองดังที่ปรากฏเป็นข่าวทั้งในอเมริกาและแคนาดาว่าพบศพเด็กพื้นเมืองนับร้อยนับพันถูกฝังอยู่ใต้โรงเรียนหมอสอนศาสนาที่ทางการอเมริกาบังคับให้ไปเรียน โดยให้นับถือคริสต์และห้ามพูดภาษาเผ่าคือต้องการให้เด็กชนเผ่าคิดไปในทิศทางที่อเมริกันต้องการด้วยการทำลายอัตลักษณ์เผ่าคนผิวขาวเข้ามานั้นไม่ได้มามือเปล่า แต่มาทั้งพ่อค้าน้ำตาล มิชชันนารีโปรเตสแตนต์ และโรคระบาดซึ่งโรคระบาดฆ่าพลเมืองฮาวายตายไปครึ่งอาณาจักรปัญหานี้เกิดขึ้นกับอินเดียนแดงเหมือนกันพอคนผิวขาวเข้ามาก็นำโรคระบาดเข้ามาจนบางเผ่าตายยกเผ่า
อุตสาหกรรมน้ำตาลดึงดูดแรงงานทั่วทุกสารทิศให้หลั่งไหลเข้ามาในฮาวาย ทำให้มีแรงงานอพยพเข้ามาเป็นจำนวนมากสวนทางกับประชากรฮาวายที่ลดลงจากโรคระบาดต่อมานายทุนน้ำตาลเหล่านี้เป็นผู้มีส่วนในการผลักดันให้เกิดการปฏิวัติโค่นล้มการปกครองแบบกษัตริย์ช่วงที่พระราชินีพระองค์สุดท้ายครองราชย์นักธุรกิจชาวยุโรปและชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่พอใจการปกครองของพระองค์ เนื่องจากคนเหล่านี้ต้องการฮุบฮาวายไปรวมเป็นส่วนหนึ่งกับอเมริกาเพื่อที่จะได้กอบโกยผลประโยชน์จากการค้าน้ำตาลในฮาวายส่วนมิชชันนารีใช้ศาสนาบังหน้าเพื่อชักนำชาวฮาวายเข้าสู่ระบบการศึกษาแบบตะวันตก โดยทำลายอัตลักษณ์และวัฒนธรรมดั้งเดิมทีละน้อยอันเป็นการเปิดประตูบานถัดไปให้สถาบันการปกครองแบบตะวันตกเข้ามามีบทบาท ที่นำไปสู่การล้มล้างระบบจัดการที่ดินแบบดั้งเดิมจนในที่สุดก็นำไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขึ้นอยู่กับการทำไร่อ้อยเพื่อผลิตน้ำตาลผลประโยชน์นั้นหอมหวานกว่าน้ำตาลอ้อยพวกนี้เลยเริ่มกระบวนการการฮุบฮาวาย โดยเริ่มจากการจัดตั้งคณะกรรมาธิการความปลอดภัยลขึ้นชาวยุโรปและอเมริกันรวมหัวกันตั้งคณะกรรมการรักษาความปลอดภัยไม่ใช่ความปลอดภัยของพระราชินีแต่อย่างใดแต่เป็นความปลอดภัยของกลุ่มทุนค้าน้ำตาลนั่นแหละกลุ่มนี้มุ่งล้มล้างราชอาณาจักรฮาวาย โดยการขับไล่ราชินีเพื่อรวมฮาวายเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกาโดยอ้างว่าคณะกรรมการรักษาความปลอดภัยห่วงใยปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองอเมริกัน
ฉับพลันทันใดกองกำลังนาวิกโยธินและกองทัพเรืออเมริกาบุกยึดกรุงโฮโนลูลูมีการประกาศจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลฮาวายประกอบไปด้วยนักธุรกิจชาวยุโรปและอเมริกาเพื่อปกครองฮาวายจนกว่าจะถูกผนวกเข้ากับอเมริกาจากนั้นก็จับกุมพระราชินีและพระราชวงศ์พระราชินีถูกปลดออกจากตำแหน่ง ถูกตัดสินให้จำคุก 5 ปีทำงานหนักและปรับ 5,000 ดอลลาร์ ถูกขังในพระราชวังโอลานิ
จากนั้นรัฐบาลอเมริกาประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐฮาวาย ในปีค.ศ.1898 ฮาวายได้รับการอนุมัติว่าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในสมัยประธานาธิบดีวิลเลียม แมกคินลีย์ นับเป็นการสิ้นสุดอย่างเป็นทางการของราชอาณาจักรฮาวายราชอาณาจักรฮาวาย ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1795 และล่มสลายไปประมาณปี ค.ศ. 1893-1894 ความน่าเศร้าอยู่ที่คน
ที่ลุกมารวบรัดจัดการฮาวายคือคนที่เกิดและทำกินบนแผ่นดินนั้น คนแรก คือ แซนฟอร์ด บี. โดล นามสกุลนี้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้านผลไม้ระดับโลกโดยเฉพาะสับปะรดยี่ห้อโดล ปัจจุบันมีไร่ขนาดใหญ่อยู่ที่ฮาวายเมื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ได้ ก็สถาปนาตัวเองเป็นประธานาธิบดีฮาวาย ส่วนลอร์ริน เอ. เทอร์ตัน ตัวการสำคัญในการโค่นล้มราชอาณาจักรฮาวายก็สืบสายมาจากมิชชั่นนารีที่ลงเรือมาเผยแพร่ศาสนาที่ฮาวายกลุ่มแรกนั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี