เพศหญิงกับการมีประจำเดือนเมื่ออายุถึงวัยเป็นเรื่องปกติ เพราะทุก ๆ 28 วันโดยประมาณจะถึงรอบเดือนหนึ่งครั้ง (อาจบวกลบหนึ่งสัปดาห์ก่อนหรือหลังในแต่ละรอบเดือน) บางรายมีประจำเดือนมาก บางรายมีน้อย แต่โดยเฉลี่ยจะมีประมาณ 3-7 วัน
ในช่วงมีประจำเดือน นอกจากจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวแล้ว ยังมีข้อจำกัดในการทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น ว่ายน้ำ ดังนั้นจึงต้องจัดการกับความหงุดหงิด (เหวี่ยงวีน) เพราะผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน นอกจากนี้ ผู้มีประจำเดือนส่วนหนึ่งยังทุกข์ทรมานเพราะปวดประจำเดือนด้วย
อาการปวดที่พบบ่อยคือ ปวดบีบบริเวณท้องน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนหรือหลังเริ่มมีประจำเดือน อาการจะมากที่สุดในช่วงที่มีเลือดระดูออกมาก มักมีอาการอยู่ประมาณ 1 วัน แต่อาจพบมีอาการได้นานถึง 2-3 วัน อาการที่พบร่วม ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว อ่อนเพลีย มึนงง ปวดศีรษะ เป็นต้น
โดยทั่วไปอาการที่เกิดมักไม่รุนแรงถึงขนาดทำให้ล้มหมอนนอนเสื่อ จึงรักษาได้ด้วยการรับประทานยาบรรเทาปวด1-2 เม็ด พักผ่อน 4-6 ชั่วโมง ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้แต่ถ้าปวดรุนแรงหรือยาวนานกว่านั้น หรือมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน จนต้องลาป่วยหรือขาดเรียนสม่ำเสมอทุกเดือนแบบนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว
อาการปวดประจำเดือนแบ่งเป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบปฐมภูมิ และแบบทุติยภูมิ หรือพูดเป็นภาษาชาวบ้านคือ ปวดประจำเดือนโดยไม่มีสาเหตุ และปวดเนื่องจากมีสาเหตุ เช่น มีพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกราน เช่น มีโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) ถุงน้ำในรังไข่ (Polycystic Ovary Syndrome; PCOS) เป็นต้น
ส่วนใหญ่การปวดประจำเดือนมักเป็นไปโดยไม่มีสาเหตุจากโรคในอุ้งเชิงกราน ปัจจัยเสี่ยงของการที่สตรีคนหนึ่งจะมีอาการปวดประจำเดือนในขณะที่ผู้อื่นไม่มี ก็เช่น เริ่มมีประจำเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย ประจำเดือนมามากหรือมาคราวละหลายวัน มีประวัติปวดประจำเดือนในครอบครัว เป็นต้น
การรักษาขั้นต้นสำหรับอาการปวดประจำเดือนคือการใช้ยาบรรเทาปวด ยาชนิดหนึ่งที่สังคมรับรู้ว่าเป็นยาเฉพาะสำหรับบรรเทาปวดประจำเดือนคือ mefenamic acid หรือชื่อการค้า PONSTAN จัดเป็นยาในกลุ่ม Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs (NSAIDs) มีประสิทธิภาพบรรเทาอาการปวดได้ดีกว่าพาราเซตามอล แต่มีข้อควรระวังการใช้ที่ต้องคำนึงถึง ได้แก่ การระคายเคืองกระเพาะอาหาร
ดังนั้น จึงไม่ควรกินยานี้ช่วงท้องว่าง ควรกินหลังอาหารทันที แล้วดื่มน้ำตามมากๆ ถ้าปวดมากๆ จนไม่สามารถกินอาหารก่อนใช้ยาได้ ก็ต้องพยายามกินของเบาๆ รองท้องให้ได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร นอกจาก mefenamic acid แล้ว ยาอื่นในกลุ่มเดียวกันที่ใช้บรรเทาอาการปวดประจำเดือน เช่น ibuprofen เป็นต้น ซึ่งต้องกินยาหลังอาหารทันที
เคล็ดลับอย่างหนึ่งในการใช้ยาบรรเทาปวดให้ได้ผลดี คือ กินยาทันทีเมื่อรู้สึกปวด อย่ารอจนปวดมากๆ จนทนไม่ไหวเพราะถึงตอนนั้นประสิทธิภาพของยาจะลดลง ข้อควรระวังเพิ่มเติมของยากลุ่ม NSAIDs คือ ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นโรคหอบหืดรุนแรง ถ้ามีประวัติเป็นแผลในกระเพาะอาหารควรเลี่ยงไปใช้ยากลุ่ม Coxibs เช่น celecoxib เป็นต้น เพราะปลอดภัยกว่า แต่มีราคาแพงกว่า และการเริ่มต้นการใช้ก็ต้องอยู่ภายใต้การแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
นอกจากการใช้ยากลุ่ม NSAIDs หรือ Coxibs แล้ว การรักษาอาการปวดประจำเดือนโดยไม่ใช้ยาที่สามารถทำควบคู่กันไป ได้แก่ การประคบร้อน เป็นต้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การออกกำลังกายเบาๆ อาจช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดประจำเดือนได้
สำหรับอาการปวดประจำเดือนที่ผิดปกติที่ต้องไปพบแพทย์ ได้แก่ อาการปวดที่เป็นนานกว่า 2-3 วัน แม้ว่าจะใช้ยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น อาการปวดเป็นมากขึ้นเรื่อยๆหรือปวดท้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีเลือดไหลมากกว่าปกติ ต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยแทบทุกชั่วโมง มีอาการปวดบริเวณท้องน้อย แม้ไม่มีประจำเดือน แล้วมีไข้ร่วมด้วยหรือแม้ว่าอาการปวดท้องประจำเดือนจะไม่ได้เป็นรุนแรงมากดังกล่าวข้างต้น แต่เป็นเกือบทุกเดือน ทำให้ต้องลางานหรือหยุดเรียน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อค้นหาโรคที่อาจเป็นสาเหตุทำให้ปวดประจำเดือน แล้วรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป
ผศ.ภญ.ดร.ณัฎฐดา อารีเปี่ยม
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี