สะดุ้งตื่นกลางดึก ตอนเช้าตื่นมาไม่สดใสรู้สึกอ่อนเพลียหลังตื่นนอน หรือนั่งทำงานแล้วแอบหลับบ่อยๆ อาการเหล่านี้อาจกำลังส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับความผิดปกติในการนอนหลับของคุณอยู่ การตรวจ “Sleep Test” จึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยดูแลประสิทธิภาพการนอน และนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดีตามมา
นพ.ชยานุชิต ชยางศุ แพทย์เฉพาะทางด้านประสาทวิทยา ศูนย์โรคระบบสมอง โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจ Sleep Test ไว้อย่างครบถ้วนชัดเจน โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องประสบปัญหาดังกล่าวจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ เพื่อการรับข้อมูลที่ครบถ้วนนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องรวมทั้งเป็นการช่วยดูแลสุขภาพการนอนที่ดีให้กับตัวคุณและคนรอบข้าง
Sleep Test คืออะไร?
Sleep test คือ การตรวจหาความผิดปกติของการนอนหลับ เพื่อสังเกตการทำงานของร่างกายขณะนอนหลับด้วยเครื่อง Sleep Test โดยจะต้องทำการตรวจขณะนอนหลับ โดยการตรวจนี้จะทำให้ทราบว่าตัวเรามีอาการความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในระหว่างการนอนหรือไม่ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ นอนกัดฟัน นอนละเมอ ภาวะชักขณะหลับ แขนขากระตุก รวมถึงพฤติกรรมที่ผิดปกติระหว่างการนอนหลับ เพื่อวินิจฉัยวางแผนและติดตามการรักษาได้อย่างถูกต้อง
ใครบ้างที่ควรเข้ารับการตรวจ Sleep Test
ในเบื้องต้นให้ลองสังเกตตัวเราเอง หรือให้คนที่อยู่ข้างกายสังเกตดูว่าคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่ เช่น นอนกรนดังผิดปกติ มีการสะดุ้งตื่น หายใจเหนื่อยตอนกลางคืน นอนเยอะแต่ยังรู้สึกว่านอนไม่พอตลอดเวลาตอนเช้าตื่นมาไม่สดชื่น รู้สึกอ่อนเพลียหลังตื่นนอนบ่อยๆ นั่งทำงานแล้วหลับบ่อยๆ คนที่เป็นโรคอ้วน หรือคนที่มีน้ำหนักตัวเกิน คนที่มีโรคประจำตัว เช่นความดันโลหิตสูง หรือเบาหวาน แต่อย่างไรก็ตามบุคคลที่ไม่มีอาการดังกล่าวข้างต้น ก็สามารถเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้เช่นกัน โดยภาวะหยุดหายใจขณะหลับสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้หมออยากให้ลองตรวจ Sleep Test สักครั้ง เพื่อดูประสิทธิภาพการนอนของเราเพราะคุณภาพของการนอน เป็นตัวบ่งชี้ถึงสุขภาพ
ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับส่งผลกระทบอย่างไร?
ภาวะการหยุดหายใจขณะนอนหลับ เกิดขึ้นตามมาหลังจากการที่คนไข้บางรายมีการกรนมากพอมีการกรนมาก ร่างกายเราจะขาดออกซิเจนเป็นช่วงสั้นๆ ทำให้คาร์บอนไดออกไซด์ในตัวเกิดการคั่ง สมองก็จะสั่งงานทำให้เราตื่น เพราะว่าสมองจะต้องพยายามป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดออกซิเจนนานเกินไป และไม่ให้มีคาร์บอนไดออกไซด์ในตัวคั่งมากเกินไป พอมีการกระตุ้นทำให้เราตื่น จะทำให้เกิดการนอนหลับลึกแล้วก็ตื่น สลับกันไปเรื่อยๆ บางคนเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ 1 นาที เกิน100 ครั้ง ลองนึกภาพตามก็คือ แทนที่จะได้นอนแล้วหลับยาวตลอดคืน แต่กลับต้องนอนหลับสลับกับการตื่น สมมติได้นอน 10 ชั่วโมง เปรียบเทียบกันก็คือ สมองเราได้พักจริงๆ อาจจะแค่ครึ่งเดียว เพียง 5 ชั่วโมง ซึ่งทำให้คุณภาพในการนอนแย่ลง
แนวทางการดูแลผู้ป่วย ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
อันดับแรก ต้องเข้ามาทำการตรวจ Sleep Test โดยคนไข้จะต้องมานอนที่โรงพยาบาลช่วงเวลากลางคืน 1 คืน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการติดอุปกรณ์ เพื่อตรวจคุณภาพการนอนของเราว่าเป็นอย่างไร หลังจากนั้นแพทย์จะทำการวินิจฉัย กรณีที่พบว่าคนไข้มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับก็จะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแรงดันบวก หรือที่เรียกว่า Continuous Positive Airway Pressure เพื่อช่วยเปิดช่องทางเดินหายใจในขณะหลับ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ใช้เครื่องสามารถหายใจรับอากาศได้อย่างพอเพียง และนอนหลับราบรื่นตลอดทั้งคืน เมื่อหลับสบายตื่นขึ้นมาก็จะรู้สึกสดชื่น และช่วยลดอาการอ่อนเพลีย หรือความง่วงเพราะว่าการนอนไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่การนอนที่มีคุณภาพ ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีตามมาด้วย
บางคนคิดว่าการนอนกรนเป็นเรื่องปกติที่เจอได้ในชีวิตประจำวัน และการนอนกรนแค่สร้างความรำคาญให้กับคนที่นอนด้วย หรือคนรอบข้าง แต่จริงๆ แล้วนอกเหนือจากเรื่องนอนกรน มันมีสิ่งที่ซ่อนอยู่คือ บางคนมีการหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของการนอน โดยทั่วไปแล้วเราจะไม่มีทางรู้เองได้เลย และในปัจจุบันก็ยังแนะนำว่า วิธีการตรวจที่ดีที่สุดคือ การทำ “Sleep Test” หากท่านใดที่มีอาการนอนกรน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการวินิจฉัยและให้การรักษาอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ เพื่อทำให้คุณภาพในการนอนของเราดีขึ้น
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจ “Sleep Test” สามารถสอบถามรายละเอียดและขอรับคำปรึกษาได้ที่ ศูนย์โรคระบบสมอง โทร. 02-4839999 หรือ www.navavej.co
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี