งานวิจัยชี้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีสตรีนั่งบอร์ดบริหารน้อยมาก พบสัดส่วนของผู้บริหารสตรีระดับสูงในบริษัทจีน สูงสุดกว่าทุกบริษัทในเอเชีย
22 มิถุนายน 2565 แม้ว่าสัดส่วนของผู้บริหารสตรีที่นั่งในบอร์ดของบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปจะมีประมาณ 36.9% ซึ่งสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ แต่ในภาพรวมตัวเลขนี้ลดลงด้วยสัดส่วนของผู้บริหารหญิงในบอร์ดของบริษัทในเอเชียแปซิฟิกที่มีอยู่ประมาณ 10.7% ทำให้อัตราเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ประมาณ 20.2% เท่านั้น
การประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก 2022 (Global Summit of Women 2022) ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งแรก ระหว่างวันที่ 23-25 มิถุนายน 2565 ที่ กรุงเทพฯ เพื่อแสดงพลังในการสนับสนุนความเท่าเทียมและบทบาทสตรีในภาคธุรกิจ ได้นำเสนอผลการสำรวจองค์ประกอบของคณะกรรมการในบริษัทขนาดใหญ่ที่สุด 200 แห่งจากการจัดอันดับของนิตยสาร ฟอร์จูน (Fortune Global 200) ซึ่ง คอร์ปอเรท วีเมน ไดเร็คเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (CWDI) ดำเนินการสำรวจอย่างต่อเนื่องมานาน 18 ปี พบว่า นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ผู้บริหารสตรีที่มีตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัทขนาดใหญ่เหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นเพียง 9.8% เท่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของการจัดอันดับบริษัทใหญ่ที่สุดของโลกของนิตยสารฟอร์จูน โดยบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ติดอันดับดังกล่าวมีจำนวนถึง 91 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นบริษัทในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีจำนวน 63 แห่ง และกรรมการบริษัทที่เป็นสตรีในองค์กรเหล่านี้มีสัดส่วนเพียง 8.9% นอกจากนี้ มีบริษัท 26 แห่งในประเทศจีนที่ไม่มีกรรมการบริษัทเป็นสตรีเลย การเติบโตของบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกดังกล่าว ส่งผลให้สถิติจำนวนผู้นำองค์กรทั่วโลกที่เป็นสตรีมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เนื่องจากองค์กรที่มีขนาดใหญ่มักเป็นผู้กำหนดเทรนด์ของโลก
แนวปฏิบัติด้านธรรมาภิบาลขององค์กรในยุโรป เช่น การกำหนดโควตา การยอมรับความหลากหลายทางเพศ ฯลฯ ส่งผลให้สตรีมีโอกาสเข้ามาเป็นผู้บริหารในคณะกรรมการบริษัทมากขึ้น และเทรนด์นี้เป็นที่แพร่หลายไปทั่วโลก ประเทศที่มีสัดส่วนผู้บริหารสตรีในคณะกรรมการบริษัท จำนวนสูงสุดในโลก ได้แก่ ฝรั่งเศส ซึ่งมีผู้บริหารสตรีมากถึง 46.5% เนื่องจากกฎหมายการกำหนดโควตาผู้บริหารสตรีที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2554 ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และในการจัดท็อปเท็นบริษัทที่มีกรรมการเป็นสตรีนั้น เป็นบริษัทที่อยู่ในยุโรปถึง 11 แห่ง
ขณะที่บริษัทอื่นๆ ที่ติดอันดับท็อปเท็นองค์กรที่มีสัดส่วนผู้บริหารสตรีมาก เป็นบริษัทในสหรัฐอเมริกา โดยมีสัดส่วนผู้บริหารสตรีเฉลี่ยที่ 33% ถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ไม่ใด้ใช้หลักการกำหนดโควตาและจะยังคงตามหลังยุโรปแต่ก็เริ่มตามมาทันเนื่องจากการใช้กลยุทธ์การกำหนดผู้ถือหุ้นสถาบันแบบ bottom-up ที่สนับสนุนให้กองทุนบำเหน็จบำนาญหรือกองทุนที่ลงทุนในกิจกรรมสังคมและหุ้นที่ต้องติดต่อกับบริษัทที่ไม่มีผู้บริหารสตรีในบอร์ด ได้คำนึงถึงปัจจัยเรื่องความหลากหลายทางเพศมากขึ้นในการแต่งตั้งบอร์ด และเมื่อเร็วๆ นี้ ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ได้ขอให้บริษัทในตลาดฯ ชี้แจงองค์ประกอบของบอร์ด และแนะนำให้แต่ละบริษัทมีกรรมการอย่างน้อย 2 คนเป็นสตรีหรือเป็นผู้แทนจากชนกลุ่มน้อย
ไอรีน นาทิวิแดด ประธานการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลก 2022 และประธาน คอร์ปอเรท วีเมน ไดเร็คเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (CWDI) กล่าวว่า “ตั้งแต่ปีพ.ศ.2547 ที่ CWDI ได้เริ่มทำการสำรวจสัดส่วนของผู้บริหารสตรีในบอร์ดบริษัทระดับ Fortune Global 200 มาจนทุกวันนี้ เราได้เห็นว่ามีการแต่งตั้งผู้บริหารสตรีเข้ามาในบอร์ดบริษัทมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินการเชิงรุก ทำให้สตรีมีโอกาสได้รับตำแหน่งผู้บริหารมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นมาเพราะมีแรงกดดันอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดโควตา ข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ หรือข้อกำหนดเรื่องผู้ถือหุ้น และตัวของสตรีเอง”
ในปัจจุบัน มี 33 ประเทศทั่วโลกที่ได้กำหนดโควตาสัดส่วนของกรรมการที่เป็นสตรี จากรายงานที่จัดทำขึ้นแสดงให้เห็นว่า บริษัทในประเทศที่มีการกำหนดโควตาสัดส่วนกรรมการที่เป็นสตรี จะมีผู้บริหารหญิงในบอร์ดประมาณ 38.5% เทียบกับบริษัทในประเทศที่ไม่มีข้อกำหนดทางกฎหมายซึ่งสัดส่วนของกรรมการหญิงในบอร์ดบริษัทจะมีประมาณ 22%
สำหรับในอนาคต CWI ได้สำรวจจำนวนสตรีที่อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในบริษัทที่ติดกลุ่ม Fortune Global 200 พบว่าผู้บริหารระดับสูงที่เป็นหญิงมีสัดส่วน 17.6% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่ในองค์กรขนาดใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากในสังคมล้วนแต่ประสบความยากลำบากในการ “ปั้น” ผู้บริหารสตรีขององค์กรให้ก้าวสู่ตำแหน่งในระดับสูง มากกว่าการแต่งตั้งสตรีจากภายนอกองค์กรเข้าไปนั่งในบอร์ด
ทั้งนี้ บริษัทชั้นนำที่มีผลประกอบการยอดเยี่ยมและติดท็อปเท็นบริษัทที่มีกรรมการบริษัทเป็นสตรีมากที่สุด ได้แก่ บริษัทอเมริกัน ซึ่งมีสัดส่วนกรรมการสตรี 26.9% ตามด้วยยุโรป 22.4% และเอเชียแปซิฟิก ที่ทิ้งห่างด้วยสัดส่วน 6.3% อย่างไรก็ดี ในการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์จูน พบว่า บริษัทของจีนยังมีสัดส่วนกรรมการสตรีมากกว่าบริษัทเอเชียอื่นๆ โดยสตรีที่มีตำแหน่งบริหารระดับสูงในบริษัทจีน มีสัดส่วน 8.6% ตัวอย่างเช่น อาลีบาบา ซึ่งอยู่ในท็อปเท็นมีผู้บริหารระดับสูงที่เป็นสตรีถึง 5 คนจาก 13 คน หรือคิดเป็น 38.5% ซึ่งทิ้งห่างจากบริษัทจีนอื่นๆ ที่มีสัดส่วนผู้บริหารสตรีต่ำมาก และในบรรดาบริษัทที่ติดอันดับท็อปเท็น บริษัท วอลกรีนส์ (Walgreens) ซึ่งเป็นบริษัทยาของสหรัฐ มีสัดส่วนกรรมการหรือผู้บริหารที่เป็นสตรีสูงเป็นอันดับหนึ่ง คือ 62.5%
“เราคงต้องทำงานกันหนักขึ้นเพื่อส่งเสริมและเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้ก้าวสู่ตำแหน่งบริหารระดับสูงมากขึ้น เพราะถ้าในคณะกรรมการบริษัทต่างๆ ยังคงมีจำนวนกรรมการสตรีน้อย ก็คงยากที่จะทำให้เกิดความเสมอภาคด้านจำนวนของกรรมการสตรีในองค์กรทั่วโลก” ไอรีน กล่าวในที่สุด
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี