เส้นผมสุขภาพดี บ่งบอกถึงการดูแลตัวเองที่ดี ช่วยเพิ่มความมั่นใจและเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นได้ แต่หากมีปัญหาผมร่วงไม่ว่าจากสาเหตุใด คงทำให้สูญเสียความมั่นใจได้เช่นกัน ข้อมูลจาก พญ.ดวงกมล ทัศนพงศากุล แพทย์ประจำศูนย์ผิวหนัง รพ.เวชธานี อธิบายว่า สาเหตุของการเกิดผมร่วงมีได้หลายสาเหตุ แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
1. ผมร่วงแบบมีแผลเป็น (Scarring alopecia) สาเหตุเกิดจากมีการทำลายของรากผมอย่างถาวร ทำให้ไม่สามารถสร้างเส้นผมเส้นใหม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้อไวรัสที่มีการอักเสบมากที่หนังศีรษะ และเป็นซ้ำที่เดิม หรือแผลน้ำร้อนลวก ผมถูกดึงเรื้อรัง ผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่หนังศีรษะ มีการแกะเกาหนังศีรษะจนเกิดบาดแผลลึก รวมถึงโรคผิวหนังที่ทำให้เกิดแผลเป็น เช่น DLE (Discoid Lupus Erythematosus), Lichen planus, Scleroderma
2. ผมร่วงแบบไม่มีแผลเป็น (Non-scarring alopecia) สาเหตุเกิดจากมีการทำลายรากผมอย่างไม่ถาวร หากได้รับการรักษาเส้นผมสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้ในปริมาณปกติ หรือใกล้เคียงเดิม ซึ่งผมร่วงชนิดนี้พบได้บ่อยกว่าผมร่วงแบบมีแผลเป็น โดยมีสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
• ผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia areata) โดยผมที่ร่วงมักมีขอบเขตชัดเจน ปัจจุยันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรคนี้ แต่อาจมีปัจจัยที่ทำให้เกิด เช่น การมีประวัติครอบครัว ประวัติภูมิแพ้ เครียด ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของตนเอง ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบที่เซลล์เม็ดสีบริเวณรากผม ส่งผลให้ผมร่วง มักพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคต่อมไร้ท่อ เช่น โรคไทรอยด์บางชนิด โรคโลหิตจางบางชนิด
• โรคผิวหนังบางชนิด เช่น การติดเชื้อ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย และเชื้อไวรัสที่บริเวณหนังศีรษะ มีผลทำให้เกิดการหลุดร่วงของเส้นผมได้ แต่เมื่อได้รับการรักษาแล้ว เส้นผมจะค่อย ๆ ขึ้นมาใหม่
• ผมร่วงจากพันธุกรรม (Androgenetic alopecia) เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ลักษณะที่พบมากในเพศชายคือ ผมบางบริเวณหน้าผาก กลางศีรษะ ถ้าเป็นมากจะเหลือแต่เส้นผมที่บริเวณหน้า ใบหู และท้ายทอย ส่วนลักษณะที่พบในเพศหญิงคือ ผมบางบริเวณกลางศีรษะ แล้วลามออกมา ถ้าเป็นมากจะเหลือแต่เส้นผมที่บริเวณด้านหน้า โดยสาเหตุของโรคนี้ยังไม่แน่ชัด แต่มีปัจจัยร่วมกันหลายปัจจัย เช่น เพศ อายุ พันธุกรรม ฮอร์โมน สิ่งแวดล้อม โดย ฮอร์โมนชาย (Testosterone) จะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ทำให้เส้นผมบริเวณขมับเหนือหน้าผากและกลางกระหม่อมสั้นลงและหลุดร่วงเร็วขึ้น นอกจากนี้ในกลุ่มที่ผมร่วงจากพันธุกรรม จะมีเอนไซม์ 5- alpha -reductase type 2 ที่สามารถเปลี่ยนฮอร์โมนTestosterone เป็นฮอร์โมน DHT (dihydrotestosterone ) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดปัญหาศีระษะล้าน โดยจะออกฤทธิ์ต่อเส้นผมที่บริเวณหนังศีรษะ ทำให้เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวเร็วขึ้น ผมจึงหลุดร่วงเร็ว และผมที่ขึ้นใหม่จะเล็กลง จนในที่สุดผมจะบางลงเมื่ออายุมากขึ้น มักพบในคนที่มีประวัติญาติสายตรง บิดา มารดา พี่น้อง มีภาวะผมบาง ศีรษะล้าน
• ภาวะเส้นผมระยะหลุดร่วง (Telogen effluvium) ซึ่งจะร่วงมากกว่าปกติ โดยมีสาเหตุต่าง ๆ กัน เช่น ภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง หลังคลอดบุตร ขาดสารอาหาร การลดน้ำหนักลงไปอย่างรวดเร็ว และผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
• ภาวะเส้นผมระยะแบ่งตัว (Anagen effluvium) ซึ่งจะร่วงมากกว่าปกติ โดยมีสาเหตุต่างๆ เช่น การได้รับสารพิษ เคมีบำบัด และการขาดสารอาหารมาเป็นระยะเวลานาน เช่น โปรตีน ไบโอติน ธาตุเหล็ก สังกะสี กรดโฟลิค วิตามินบี ซี และอี ซึ่งภาวะผมร่วงจากขาดสารอาหาร มักมีลักษณะผิดปกติของเส้นผมด้วย เช่น เส้นผมกรอบ แห้ง แตกปลายหยาบกระด้าง ถ้าเรารับประทานสารอาหาร หรือวิตามินที่เราขาดเข้าไป ก็สามารถทำให้อาการผมร่วงดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม แนวทางการรักษาผมร่วงในแต่ละสาเหตุ มีวิธีการที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดและสาเหตุ ดังนั้น หากพบว่ามีผมร่วงผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและได้รับการรักษาที่เหมาะสม
สำหรับโรคผมร่วงเป็นหย่อม หรือ Alopecia Areata เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่อายุเฉลี่ยที่มักพบคือประมาณ 30 ปี โดยมีอุบัติการณ์การเกิดเท่ากับ 1ใน 1000 คน หรือ ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ บริเวณที่ผมร่วง จะมีขอบเขตที่ชัดเจน อาจเกิดขึ้นได้หลายตำแหน่ง โดยมากมักเกิดที่บริเวณศีรษะ แต่ยังสามารถเกิดที่ตำแหน่งอื่นๆ ในร่างกายที่มีขนได้ เช่น ขนคิ้ว ขนตา หนวด ขนรักแร้ หรือขนบริเวณอวัยวะเพศ เป็นต้น ส่วนใหญ่มักเกิดภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งโรคนี้อาจเกิดแบบเฉียบพลันหรือดำเนินโรคแบบค่อยเป็นค่อยไปก็ได้
ปัจจุยันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของโรคนี้ แต่อาจมีปัจจัยที่ทำให้เกิด เช่น การมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย โดยเชื่อว่าปัจจัยทางพันธุกรรม อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคผมร่วงเป็นหย่อมได้ นอกจากนี้อาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ เช่น ประวัติภูมิแพ้ เครียด ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของตัวเอง จนทำให้เกิดการอักเสบที่เซลล์เม็ดสีบริเวณรากผม และส่งผลให้ผมร่วง อีกทั้งยังพบได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคต่อมไร้ท่อ เช่น โรคไทรอยด์บางชนิด โรคโลหิตจางบางชนิด ผู้ป่วยบางคนอาจมีความผิดปกติของเล็บร่วมด้วย โดยอาการที่เล็บอาจเกิดนำมาก่อน เกิดพร้อมกัน หรือเกิดภายหลังจากภาวะผมร่วง ซึ่งความผิดปกติของเล็บที่พบได้บ่อยที่สุด คือ การพบหลุมเล็ก ๆ บนผิวของแผ่นเล็บ
ทั้งนี้ มักตรวจพบว่าผู้ป่วยโรคผมร่วงเป็นหย่อม อาจมีภาวะผมหักเป็นตอติดหนังศีรษะ เนื่องจากเส้นผมที่ขึ้นใหม่มีความเปราะและผิดปกติ โดยจะเกิดขึ้นในบริเวณขอบของรอยโรคที่กำลังจะขยาย แต่เมื่อโรคสงบแล้วเส้นผมหรือเส้นขนสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้
โรคผมร่วงเป็นหย่อมแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้ (1) Alopecia areata (AA) ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ ที่ศีรษะ คิ้ว หนวด หรือขนบริเวณลำตัว (2) Alopecia totalis (AT) ผมร่วงเป็นหย่อมที่เป็นมาก จนผมร่วงทั่วศีรษะ หรือเกือบทั่วศีรษะ (#)Alopecia universalis (AU) ผมร่วงกระจายทั่วศีรษะ ร่วมกับมีขนที่บริเวณลำตัวร่วงไปด้วย
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคผมร่วงเป็นหย่อมได้ โดยการตรวจลักษณะของผมร่วง ผู้ป่วยบางรายที่มีลักษณะของรอยโรคไม่ชัดเจน หรือ สงสัยภาวะอื่นร่วมด้วย แพทย์จะพิจารณาตัดชิ้นเนื้อบริเวณรอยโรค เพื่อส่งตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อช่วยยืนยันการวินิจฉัยโรคได้
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ผมจะงอกขึ้นมาใหม่ได้เองโดยไม่ต้องได้รับการรักษา แต่ในผู้ป่วยที่มีโรคภูมิคุ้มกันที่เป็นสาเหตุร่วมการรักษาโรคภูมิคุ้มกันนั้นจะช่วยให้อาการผมร่วงดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาต่างๆ เช่น การใช้สเตียรอยด์ โดยมากเป็นการใช้แบบฉีดและแบบทาที่บริเวณรอยโรคร่วมกัน โดยการใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์, การใช้ยาทากระตุ้นภูมิคุ้มกันบริเวณรอยโรค, การใช้ยาทารักษาผมร่วง เช่น Minoxidil ซึ่งจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ผมงอกขึ้นมาใหม่ได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม โรคนี้ไม่ทำให้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่มักมีผลกระทบต่อจิตใจ เพราะเป็นเรื่องของความมั่นใจและความสวยงาม โดยเฉพาะโรคผมร่วงเป็นหย่อมชนิด Alopecia universalis ซึ่งมีความรุนแรงของโรคมากที่สุด แต่ตอบสนองต่อการรักษาต่าง ๆ น้อยที่สุด จึงแนะนำว่าหากพบว่ามีผมร่วงผิดปกติ ควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อปรึกษาและรับการรักษาที่อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับชนิดที่เป็น
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี