สังคมไทยโชคดีตรงที่มีความตระหนักรู้และระวังตัวเรื่องโควิด-19 มาแล้ว จึงทำให้พอจะเบาใจได้ว่าการแพร่ระบาดของฝีดาษวานรจะไม่ร้ายแรง แต่ก็เตือนว่ายังต้องป้องกันตัวเองให้ดีตลอดเวลา
สังคมไทยยังมีคนตื่นตูมกับเรื่องฝีดาษวานรมากเกินเหตุ และมีผู้ส่งต่อข้อความต่างๆ ที่ไม่เป็นความจริงเรื่องฝีดาษตัวนี้ในสื่อฯ ต่างๆ มากมาย ดังนั้น ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัย จึงไปขอความรู้เรื่องนี้จาก ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ ศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโรคด้านค้นคว้าและอบรมโรคติดต่อเชื้อไวรัสสัตว์สู่คน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อให้สาธารณชนมีข้อมูลที่ถูกต้อง
l อาจารย์ครับ โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อร้ายแรง และติดต่อได้ง่ายใช่หรือไม่ครับ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ : ขอเรียนให้ทราบว่าโรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิงที่กำลังเป็นปัญหาในปี 2022มีลักษณะต่างกับโรคฝีดาษลิงที่สังคมเคยรู้จักมาเนิ่นนาน ในอดีตนั้นเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน แต่ปัจจุบันเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน ดังนั้นมันจึงแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายในชุมชน ดังปรากฏในประเทศอังกฤษ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การติดต่อระหว่างคนสู่คนจะมีลักษณะการติดต่อเหมือนกับโควิด-19 ทุกประการ คือติดต่อได้จากฝอยละอองน้ำลายจากการพูดในระยะใกล้กันมากๆ การไอ จามที่ปล่อยละอองฝอยน้ำลายที่มีเชื้อไวรัสออกไป หรือจากการสัมผัสใกล้ชิดกัน ใช้เสื้อผ้า ที่นอน หมอน ผ้าห่มร่วมกันรวมถึงการสัมผัสตุ่มใสๆ ตุ่มหนอง หรือผื่นบนผิวหนังของผู้ป่วยโรคนี้ แต่หากเกิดการตกสะเก็ดแล้วก็จะไม่มีไวรัสอยู่ที่สะเก็ดอีกต่อไป และนอกจากนี้ยังอาจสามารถติดได้จากการมีเพศสัมพันธ์ แต่ยังไม่ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าติดต่อจากการร่วมเพศครับ แต่ที่แน่ๆ คือการสัมผัสใกล้ชิดกันก็มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงได้ แต่ก็ต้องบอกย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้ติดต่อกันง่ายมากนัก นี่คือสิ่งที่เราไม่ต้องตื่นตระหนกจนเกินไป และขอเรียนให้ทุกคนทราบว่าหน่วยงานสาธารณสุขทุกแห่งในไทยเฝ้าติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเตรียมรับมือกับโรคนี้ไว้อย่างเข้มแข็ง ดังนั้นจึงทำให้บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขทราบการเคลื่อนไหวของโรคนี้ค่อนข้างดี จึงเตรียมรับมือและป้องกันได้ดี และทำให้ตรวจวินิจฉัยโรคและติดตามผู้สัมผัสเชื้อได้ดี ซึ่งเมื่อเทียบกับการเฝ้าระวังการติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ถือว่าเราทำได้ดีกว่ามากหลายเท่า
l มีคำถามว่าผู้ที่ได้รับการปลูกฝีหรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษในยุคก่อนปี 2523 จะมีภูมิป้องกันฝีดาษลิงไหมครับ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ : ก็ดูจะมีภาษีดีกว่าคนที่ไม่ได้รับวัคซีนครับ แต่คงไม่สามารถป้องกันได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะผู้ที่ได้รับวัคซีนมานานแล้ว อายุในปัจจุบันก็กว่า 50 ปีแล้ว อย่างผมเองก็ได้รับวัคซีนตัวที่ว่าตอนยังเป็นเด็ก เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นภูมิที่เคยมีก็ลดลงไปเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับว่าคนที่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน มีข้อดีมากกว่าคนที่ไม่ได้รับวัคซีนครับ
l ทราบว่าขณะนี้ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มีนวัตกรรมที่ใช้ติดตามและเฝ้าระวังดูแลโรคฝีดาษลิง ขอความกรุณาอาจารย์เล่าเรื่องนี้ให้ฟังด้วยครับ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ : ทางคณะแพทย์มีการทดสอบใน lab ด้วยวิธี PCR พบว่าไวรัสฝีดาษลิงชนิด Monkeypox เป็นสายพันธุ์ไวรัสจากแอฟริกาตะวันตกการตรวจด้วยวิธี PCR มีลักษณะเหมือนกับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 คือตรวจจากสารคัดหลั่งที่โพรงจมูก ลำคอ นอกจากนี้ยังตรวจได้จากเลือดปัสสาวะ แล้วยังตรวจจากแผลหรือผื่นบนผิวหนังได้ด้วย เราสามารถตรวจหาเชื้อฝีดาษในตระกูล pox ได้ทุกชนิด ซึ่งอันที่จริงเราสามารถตรวจหาเชื้อนี้ได้มานานแล้ว แต่การเกิดเหตุในขณะนี้ทำให้เรากลับมาทบทวนเรื่องรหัสพันธุกรรมของเชื้อ และทบทวนว่าวิธีการตรวจสอบที่เรามีนั้น ยังแม่นยำและสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ ซึ่งก็พบว่ายังสามารถใช้ได้ดีอยู่ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นหน่วยงานภายใต้ความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกด้านการค้นคว้าและอบรมไวรัสจากสัตว์สู่คน มีบริการตรวจวิเคราะห์เชื้อไวรัสฝีดาษลิงโดยตรวจสารพันธุกรรมไวรัสจีนัส Orthopoxvirus ด้วยเทคนิค Conventional PCR และตรวจจำแนกไวรัสฝีดาษลิงด้วยการทดสอบลำดับสารพันธุกรรมของเชื้อ อันที่จริงกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขก็สามารถตรวจหาเชื้อนี้ได้ ส่วนที่เราทำอยู่นี้ถือเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกัน เรามีกระบวนการตรวจสอบแบบ real time เหมือนการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ส่วนการตรวจหาเชื้อในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ นั้น เราตรวจหาเชื้อตระกูลไวรัสที่เป็นต้นเหตุของฝีดาษชนิดอื่นๆ ด้วย เช่นมีไวรัสในครอบครัวเดียวกันกี่ชนิด อะไรบ้าง การหาเชื้อในลักษณะนี้จะครอบคลุมมากกว่า แต่ต้องใช้เวลาพอประมาณจึงจะสามารถถอดรหัสพันธุกรรมได้ละเอียดว่าเป็นฝีดาษชนิดใด มีตัวอย่างยกให้เห็นชัดๆ คือ เราค้นพบว่ามีไวรัสในตระกูลนี้ ชื่ออะคามิตะ พบที่ประเทศจอร์เจีย เมื่อ 2013 พบในคนเลี้ยงวัว แล้วก็พบว่ามีเชื้อนี้ในสัตว์ฟันแทะในจอร์เจียด้วย นี่คือผลของการตรวจหาไวรัสทั้งครอบครัว ซึ่งช่วยให้ทางการแพทย์สามารถทราบต้นตอของโรค และมีวิธีการรักษาที่ตรงประเด็นมากและครอบคลุมได้มากที่สุด
l ผู้มีอาการเข้าข่ายติดเชื้อฝีดาษลิงมีอาการอย่างไรบ้างครับ ใครมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุดครับ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ : ผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อมากที่สุดคือผู้ที่ไปอยู่ในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อ เช่น อังกฤษ และประเทศอื่นๆ ที่มีการแพร่ระบาดของโรคนี้ แต่ต้องยอมรับว่าการแพร่เชื้อในวงที่ 1 ยังรู้ต้นสายปลายเหตุได้ดีกว่าการแพร่เชื้อในวงที่ 2-3 เพราะในวงที่ 2-3 นั้น ไม่สามารถรู้ต้นตอของแหล่งแพร่เชื้อได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะผู้ป่วยโรคนี้มีอาการแสดงออกชัดเจนมากกว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลายรายไม่มีอาการใดๆ บ่งบอกว่าติดเชื้อเลย สำหรับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีอาการดังนี้ ระยะ 3-4 วันแรกจะมีอาการเหมือนติดเชื้อไวรัสทั่วไป มีไข้สูง ต่อมน้ำเหลืองโต มีแผลในปาก เจ็บปวดเมื่อกลือาหารปวดเมื่อยร่างกายมาก ไอ อ่อนเพลีย ปวดหัวปวดหลัง และหลังจากนั้นจะมีตุ่ม หรือผื่นกระจายบนผิวหนัง อาจมีตุ่มที่ก้น รอบๆ ทวารหนัก และที่อวัยวะเพศด้วย แต่ผู้ป่วยจะหายได้เองในระยะ 2-4 วัน หลังจากแผลตกสะเก็ดแห้งแล้ว ดังนั้นหากผู้ที่มีอาการดังกล่าวก็ต้องแยกตัวเองออกจากคนอื่นๆ โดยทันที แล้วต้องล้างมือให้สะอาดตลอดเวลา สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเช่นกันแล้วรีบไปพบแพทย์โดยด่วน โดยแจ้งให้แพทย์ทราบอาการทันที หากจะถามว่าผื่นหรือตุ่มแบบไหนที่บ่งบอกว่าเป็นฝีดาษลิง ขอบอกว่าตอบได้ยากมาก ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการแยกแยะและวินิจฉัยโรค จึงขอเน้นว่าหากรู้ตัวว่ามีอาการไม่สบายตามที่ระบุข้างต้น ก็ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน แล้วต้องแยกตัวเองออกจากคนในบ้าน และที่ทำงานโดยทันที เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
l อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคนี้สูงไหมครับ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ : มีอัตราการตายอยู่ที่ประมาณ 3-10 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่ต้องระวังมากๆ คือไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรงเพียงใด เพราะฉะนั้นทางป้องกันดีที่สุดคือไม่นำตัวเองไปสัมผัสกับเชื้อในทุกกรณี จากการติดตามเชื้อในปีนี้ซึ่งกำลังเกิดเหตุ พบว่ายังไม่มีใครเสียชีวิตเพราะโรคนี้เลย แต่ก็ต้องเน้นย้ำเหมือนเดิมว่า แม้จะไม่มีใครเสียชีวิตเพราะโรคนี้ แต่เราทุกคนก็ยังต้องตั้งการ์ดให้สูงไว้ตลอดเวลา ที่น่าเป็นห่วงคือคนที่สุขภาพไม่ดี หรือสูงอายุ หากติดเชื้อนี้แล้วมีโรคอื่นแทรกซ้อนจะลำบากมาก เช่น หากติดเชื้อฝีดาษลิงแล้วติดเชื้อสุกใสด้วย จะรักษายากมาก ความรุนแรงของโรคก็จะมากขึ้น การตรวจวินิจฉัยโรคก็จะซับซ้อนยากมากขึ้น
l อาจารย์ครับ สัตว์จำพวกหนู กระต่าย กระแต กระรอก มีโอกาสติดเชื้อไหมและเป็นตัวแพร่เชื้อไหมครับ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ : สัตว์จำพวกฟันแทะต่างๆ และเลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะลิงมีโอกาสติดเชื้อครับ แต่สัตวแพทย์ และสถาบันสุขภาพสัตว์กำลังเฝ้าติดตามสังเกตการณ์อยู่ แต่ก็เบาใจได้ว่าขณะยังไม่มีการแพร่กระจายเชื้อนี้ในประเทศไทย แต่สิ่งที่ต้องระวังมากๆ คือ การนำสัตว์ฟันแทะจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยง เช่น แพรีด็อก หรือกระรอกดิน เคยมีตัวอย่างการติดโรคนี้ในสหรัฐฯเมื่อปี ค.ศ. 2003 แต่โชคดีที่ไม่พบว่ามีการแพร่กระจายไปในสัตว์ฟันแทะจำนวนมาก เพราะฉะนั้น ขอร้องเลยครับว่า ใครก็ตามที่คิดว่าสัตว์ต่างๆเป็นตัวแพร่เชื้อ แล้วจงใจฆ่าสัตว์เหล่านั้นทิ้ง ขอให้อย่าทำ เพราะสัตว์เหล่านั้นไม่ใช่ต้นเหตุของการแพร่เชื้อ เพียงแต่เราอย่าไปใกล้ชิดกับเขาเท่านั้น ส่วนใครที่เลี้ยงสัตว์ไว้ก็ต้องระวังดูแลสุขภาพของทั้งคนเลี้ยงและของสัตว์ให้ดีด้วย ถ้าเราเลี้ยงดูเขาอย่างถูกหลัก ถูกอนามัยก็ไม่ต้องระแวง แต่ยังคงเลี้ยงดูเขาให้ดีต่อไป อย่าทอดทิ้งเขา อย่าทำร้ายเขา อย่าฆ่าเขา อย่านำสัตว์เลี้ยงไปปล่อย เพราะจะเป็นการก่อปัญหาให้สังคมตามมา แล้วสัตว์ที่เราเคยเลี้ยงดูเขา เขาก็จะประสบปัญหาในการดำรงชีวิตต่อไป เราไม่ควรทำลายระบบนิเวศของเราให้เสียสมดุลครับ
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTube ไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี