การรับประทานยาเพื่อให้ได้ผลการรักษาและลดอาการข้างเคียงสิ่งที่สำคัญคือการรับประทานยาให้ถูกเวลา เวลาในการรับประทานยาจะขึ้นกับชนิดของยา และโรคภัยไข้เจ็บที่กำลังรักษาอยู่ ยาบางชนิดอาจไม่มีเวลาเฉพาะ รับประทานเมื่อไหร่ก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการรับประทานยาให้ถูกขนาดและมีระยะเวลาที่ห่างตามที่ฉลากระบุไว้ เช่น ยาพาราเซตามอล ที่เราจะรับประทานเวลาไหนของวันก็ได้ ไม่ผูกกับมื้ออาหาร แต่จะรับประทานเมื่อมีไข้หรืออาการปวด และหากรับประทานครั้งถัดไปจะต้องมีระยะห่าง 4-6 ชั่วโมง แต่ยาบางชนิด เราจำเป็นต้องรับประทานยาให้ถูกต้องตามเวลาที่กำหนด มีหลายประเด็นที่เป็นตัวอย่างในเรื่องของการรับประทานยาให้ถูกเวลา เริ่มต้นจากที่เราคุ้นเคยที่สุดคือการรับประทานยาก่อนอาหารและการรับประทานยาหลังอาหาร
การรับประทานยาก่อนอาหาร ในหลายครั้งหมายถึงการรับประทานยาก่อนอาหารครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง เหตุผลสำคัญในการรับประทานยาก่อนอาหารคือเพื่อให้ยาเข้าสู่ร่างกายขณะที่ท้องว่าง ค่าความเป็นกรดเป็นด่างในทางเดินอาหารช่วงนั้นจะไม่ทำให้ยานั้นเสื่อมสภาพไป เช่น ยาโอมีพราโซล เอสโอมีพราโซล แลนโซพราโซล ราเบพลาโซล เป็นต้น เพราะยาบางชนิดเมื่อรับประทานอาหารเข้าไป อาหารอาจจะรบกวนการดูดซึมยา หรือภาวะที่มีน้ำย่อยและกรดออกมาในขณะที่ย่อยอาหารก็อาจจะทำลายยาชนิดนั้นด้วย ฉะนั้นถ้าเกิดว่าผู้ป่วยลืมทานยาประเภทนี้ เราอาจจะรับประทานยาหลังอาหารประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งนั่นก็คือช่วงที่ท้องว่างอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ต้องระมัดระวังถ้าเกิดว่ามันใกล้กับมื้อถัดไป เราอาจต้องข้ามมื้อที่ลืมรับประทานไปเลย แต่อย่างไรก็ตาม มียาบางชนิดที่เมื่อลืมแล้วจะต้องรับประทานเมื่อนึกได้ทันที ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าการลืมรับประทานยาแล้วต้องทำอย่างไรขึ้นอยู่กับชนิดของยาและวิธีรับประทาน อีกประเด็นหนึ่งที่ให้รับประทานยาก่อนอาหารอาจเนื่องมาจากเหตุผลทางการรักษา ยาบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับโรคทางเดินอาหารบางอย่าง เช่น ยาบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ยาจำพวกนี้จำเป็นต้องรับประทานยาก่อนอาหาร เพราะว่าโดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียน เมื่อรับประทานอาหารก็อาจจะเกิดการกระตุ้นภาวะคลื่นไส้อาเจียนได้ ดังนั้นจึงรับประทานยาชนิดนี้เพื่อป้องกันอาการดังกล่าวก่อนที่จะรับประทานอาหาร และจะรับประทานก่อนอาหารสักครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงเช่นกัน
ต้องยอมรับว่าหลายคนมีโอกาสที่จะลืมรับประทานยาก่อนอาหารได้มาก ในกรณีของคนที่ต้องรับประทานยาก่อนอาหารเป็นประจำ เช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ยาเบาหวานบางชนิดจำเป็นต้องรับประทานยาก่อนอาหาร เราอาจจำเป็นต้องตั้งนาฬิกาปลุกไว้ หรือเตือนความจำในโทรศัพท์มือถือ หรืออาจจะต้องหาเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ตัวเองจำได้ก่อนรับประทานอาหาร ยกตัวอย่างเช่น เราอาจผูกการรับประทานยากับเรื่องอื่น หากเป็นคนชอบดูโทรทัศน์ตอนเช้าและรับประทานอาหาร 8 โมงเป็นประจำ เราอาจผูกการรับประทานอาหารกับรายการช่วงประมาณ 07.30 น. เมื่อเห็นรายการนี้ ก็จะเป็นตัวเตือนความจำได้ว่าถึงเวลารับประทานยาแล้ว หรืออีกตัวอย่างอย่างหนึ่งอาจฟังดูแปลก แต่เป็นเรื่องจริงว่าเราอาจลืมรับประทานยาก่อนอาหารแต่ในขณะเดียวกัน หากเราเลี้ยงสุนัข น้อยครั้งที่เราจะลืมให้อาหารสุนัข ซึ่งหลายบ้านให้อาหารสุนัขก่อนที่ตัวเองจะรับประทานอาหารเราจึงอาจผูกว่าให้รับประทานยาก่อนที่จะให้อาหารสุนัข เมื่อให้อาหารสุนัขเสร็จ จัดเตรียมอาหาร ก็จะเป็นเวลาครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงพอดี
แต่ยังมียาบางชนิด ที่เป็นยาก่อนอาหาร แต่ไม่ใช่ยารับประทานก่อนครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงเหมือนยาส่วนใหญ่ เช่น ยาเบาหวานบางชนิด ฉลากจะเขียนไว้ว่าให้รับประทานก่อนอาหารทันที หรือ พร้อมอาหารคำแรกซึ่งเหตุผลเนื่องมาจากจะเป็นเวลาที่พอดีและเหมาะสมของยาในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน จะเห็นว่าการรับประทานยาก่อนอาหาร มีทั้งก่อนอาหารครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง และก่อนอาหารทันที เราจึงต้องสังเกตฉลากให้ดี หรือปรึกษาเภสัชกรเมื่อได้รับยา
ส่วนการรับประทานยาหลังอาหารอาจฟังดูเป็นเรื่องง่าย โดยทั่วไปแล้วถ้าชนิดหรือรูปแบบของยานั้นๆ ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความคงตัวของยา หรือการดูดซึมยาในทางเดินอาหารแล้ว เรามักจะรับประทานยาชนิดนั้นหลังอาหาร เพราะโอกาสที่เราจะลืมรับประทานยานั้นน้อยกว่าที่เราจะรับประทานยาก่อนอาหาร ตามหลักการแล้ว เราอาจรับประทานยาหลังอาหาร 15 นาที เพราะคนที่เจ็บป่วยหรือไม่สบายอาจมีโอกาสคลื่นไส้อาเจียนหลังจากรับประทานอาหาร การรอสัก 15 นาทีค่อยรับประทานยา เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการอาเจียนยาออกมาด้วยได้ แต่ถ้าผู้ป่วยไม่มีภาวะเช่นนั้น การรับประทานยาหลังอาหารก็สามารถทำได้เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา แต่อาจมีบางกรณีที่ฉลากจะเขียนระบุอย่างชัดเจนว่าให้ “รับประทานหลังอาหารทันที”หมายความว่าเมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้วให้รับประทานยาตามทันทีเหตุผลที่ต้องรับประทานยาแบบนี้ อาจเพราะว่ายาชนิดนั้นๆ อาจจะมีฤทธิ์ในการทำให้ระคายเคือง หรือเรียกว่าไปไซ้ท้องจนทำให้รู้สึกคลื่นไส้อาเจียนได้ ดังนั้นการรับประทานยาหลังอาหารทันทีจะป้องกันการระคายเคืองต่อทางเดินอาหาร โดยอาหารจะเหมือนเป็นตัวป้องกันไม่ให้ยาสัมผัสกับทางเดินอาหารโดยตรงที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
จะเห็นได้ว่าในการรับประทานยาก่อนและหลังอาหารมีรายละเอียดของยาแต่ละชนิดอยู่ที่เราอาจคาดไม่ถึง นอกจากนี้ ยังมียาอีกหลายชนิดที่มีวิธีรับประทานที่เฉพาะเจาะจง เช่น รับประทานให้ตรงเวลา รับประทานก่อนนอน หรือมีระยะห่างของการรับประทานตามที่กำหนด ซึ่งจะมาเล่าให้ฟังในครั้งถัดไป สำหรับการรับประทานยาให้ถูกวิธีสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยพึงระวังคือการอ่านฉลากให้เข้าใจเพื่อให้รับประทานยาได้ถูกต้อง ปรึกษาเภสัชกรเมื่อได้รับยาว่ารับประทานยาอย่างไร และควรปฏิบัติตนอย่างไรเมื่อลืมรับประทานยา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี