หายจากโควิด-19 อย่าเพิ่งสบายใจเพราะอาจเกิดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะในภาวะลองโควิด หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษาเสี่ยงหัวใจล้มเหลว
ลองโควิด (Long COVID) เป็นภาวะที่ผู้ป่วยกังวลใจไม่น้อยกว่าการได้รับเชื้อโควิด-19 เพราะยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดและไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะมีอาการอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของผู้ป่วยบ้าง บางรายอาจมีผื่นแพ้ขึ้นตามผิวหนังส่วนต่างๆ ของร่างกาย มีเสมหะหรือไอเรื้อรัง บางคนมีภาวะซึมเศร้า แต่ที่น่ากังวลคืออาการเกี่ยวกับโรคหัวใจโดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วอาจเสี่ยงเกิดภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบหรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
นายแพทย์ปริวัตร เพ็งแก้ว อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือดเฉพาะทางด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลเวชธานี ระบุว่า อัตราการเกิดลองโควิดมีประมาณร้อยละ 40-60 จากการรายงานข้อมูลทั่วโลก ซึ่งอาจเกิดจากภูมิคุ้มกันลดลงจากภาวะการอักเสบของร่างกายในขณะติดเชื้อโควิด-19 การแยกรักษาตัวอยู่บ้านหรือนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน โดยเฉพาะผู้ป่วย ICU ผลข้างเคียงจากการใช้ยาในการรักษาโควิด
“โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโรคหัวใจเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้อาการที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ง่าย ในขณะที่คนทั่วไปที่ไม่มีโรคหัวใจก็อาจได้รับผลกระทบต่อกล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจได้เช่นกัน ทำให้เมื่อหายจากโรคโควิดแล้วก็ยังมีอาการของหัวใจหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะที่มักพบในผู้ป่วยลองโควิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ด้วยอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หน้ามืด วูบ เป็นลม”นายแพทย์ปริวัตรกล่าว
สำหรับอาการลองโควิดที่เกี่ยวกับหัวใจมีทั้งอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น โดยแต่ละคนอาจมีอาการมากน้อยไม่เท่ากันหรือระยะเวลาในการแสดงอาการแตกต่างกันไปซึ่งจำเป็นต้องพบแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจเพื่อตรวจร่างกาย ตรวจระบบการหายใจ เอกซเรย์ปอด ตรวจเลือด รวมถึงการตรวจดูสมรรถภาพการทำงานของหัวใจอื่นๆ เช่น ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram : EKG) ตรวจด้วยคลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิดพกพา24-48 ชั่วโมง (24-48 hour Holter Monitoring)
ทั้งนี้ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นอีกหนึ่งโรคหัวใจที่พบบ่อยในผู้ป่วยลองโควิด โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะตามธรรมชาติ อาจเต้นเร็วหรือช้าเกินไป ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้น้อยลงเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลว เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันสมองหรืออาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยภาวะโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดเต้นช้าและชนิดเต้นเร็ว โดยแพทย์จะพิจารณาการรักษาตามชนิดและความรุนแรงของโรค ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานยาและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ความเครียด งดเครื่องดื่มกาเฟอีน และงดแอลกอฮอล์ไม่นอนดึก แต่ถ้าไม่ดีขึ้นหรือโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะมีความรุนแรง แพทย์จะพิจารณาการรักษาด้วยการสวนและจี้ไฟฟ้าหัวใจ
สำหรับเทคโนโลยีรักษาด้วยการสวนและจี้ไฟฟ้าหัวใจ (EP study with Radiofrequency ablation) คือการจี้ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง ด้วยการใช้สายสวนสอดไปตามหลอดเลือดบริเวณขาหนีบจนถึงห้องหัวใจ ซึ่งปลายสายจะมีขั้วปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ เมื่อพบตำแหน่งที่กระแสไฟฟ้าหัวใจผิดปกติแพทย์จะจี้ไฟฟ้าทำลายทันที โดยวิธีนี้ผู้ป่วยมีโอกาสหายขาดสูงถึงร้อยละ95-98 และไม่ต้องกินยาไปตลอดชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี