ชายวัย 55 ปี มาขอซื้อยาแก้ปวดที่ร้านยาเนื่องจากนิ้วโป้งเท้าอักเสบ บวม แดง เดินลงน้ำหนักแทบไม่ได้ ให้ประวัติเพิ่มเติมว่าคืนก่อนเกิดเรื่องดื่มเบียร์กับไก่ทอดไปมากในระหว่างดูฟุตบอล พอตื่นเช้ามา ปรากฏนิ้วโป้งเท้าอักเสบบวมแดง และบอกว่าไม่เคยมีอาการนี้มาก่อน
เชื่อว่ากรณีศึกษาที่ยกมาเล่านี้อาจจะใกล้เคียงกับประสบการณ์ของผู้ป่วยโรคเกาต์หลายราย โรคเกาต์หรือข้ออักเสบเฉียบพลันเกิดจากผลึกของโมโนโซเดียมยูเรตในข้อ ผลึกนี้เกิดขึ้นจากการมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงมานานระยะหนึ่ง ซึ่งเจ้ากรดยูริกนี้มาจากที่ร่างกายสร้างขึ้นเองประมาณ 80% ส่วนอีก 20%ได้จากอาหารที่คนเรารับประทานเข้าไป อาหารที่ทำให้กรดยูริกสูงก็คืออาหารที่มีสารพิวรีนสูง ซึ่งจะกล่าวถึงในภายหลังว่ามีอะไรบ้าง
หลายท่านอาจจะเคยได้ยินว่าเกาต์เกิดจากกินไก่หรืออาหารบางชนิดมากเกินไป ซึ่งเป็นความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะที่จริงกรดยูริกที่ได้จากอาหารนั้นเป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับที่ร่างกายสร้างขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบว่าตนเองเป็นโรคเกาต์ ผู้ป่วยก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไปเพิ่มระดับกรดยูริกซึ่งจะกระตุ้นให้เกาต์กำเริบขึ้นมาได้
ซึ่งจากกรณีศึกษาข้างต้น ผู้ป่วยรายนี้อาจจะมีกรดยูริกสูงมานานแล้วโดยไม่รู้ตัว มีผลึกโมโนโซเดียมยูเรตรอก่อเรื่องอยู่ที่นิ้วโป้งเท้าอยู่ระดับหนึ่งแล้ว เมื่อได้รับเพิ่มจากเบียร์กับไก่ทอด จึงเกิดอาการอักเสบกำเริบขึ้น
โรคเกาต์ แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่มีการอักเสบเฉียบพลันซึ่งมักจะเป็นอยู่สั้นๆ ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ระยะนี้รักษาได้ด้วยยาต้านการอักเสบ ซึ่งมีให้เลือกใช้หลายชนิดขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้ป่วย ยาที่ใช้ได้ในระยะนี้คือยาต้านอักเสบกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ โคลชิซีน (colchicine) ซึ่งการพิจารณาเลือกชนิดของยาจะต้องพิจารณาโรคประจำตัวและการทำงานของไตของผู้ป่วยร่วมด้วย
โรคเกาต์ในระยะที่ 2 คือระยะที่โรคสงบ ผู้ป่วยจะมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงแต่อาจจะไม่มีอาการอักเสบเจ็บปวดของข้อร่วมด้วย แต่ระยะนี้เองก็จำเป็นต้องให้ยาเพื่อลดระดับกรดยูริกด้วยเช่นกัน เพราะการปล่อยให้ระดับกรดยูริกอยู่สูงเรื่อยไปเช่นนั้นจะทำให้เกิดการสะสมผลึกโมโนโซเดียมยูเรตตามข้อต่างๆ จนเกิดข้อผิดรูป เสียหน้าที่การทำงานและพิการได้ในที่สุด รวมถึงกรดยูริกที่สูงในเลือดอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางไตได้ด้วย
ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยเกิดข้ออักเสบที่น่าสงสัยว่าจะเป็นโรคเกาต์ การกินยาบรรเทาอาการเป็นครั้งคราวจึงไม่ถูกต้อง แต่ควรไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อเช็คระดับกรดยูริกในเลือด หากค่าในเพศชายเกิน7 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือในเพศหญิงเกิน 6 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ก็ต้องได้รับยาลดระดับกรดยูริกซึ่งตัวที่นิยมใช้มากที่สุ ดได้แก่ อัลโลพูรินอล (allopurinol) ยานี้เองก็มีข้อควรระวังหลายอย่าง เช่น ต้องปรับขนาดยาตามการทำงานของไต และต้องมีการทดสอบว่าผู้ป่วยมียีนหรือลักษณะทางพันธุกรรมที่เสี่ยงต่อการแพ้ยานี้หรือไม่ เนื่องจากยานี้มีความเสี่ยงทำให้เกิดการแพ้รุนแรง
ส่วนโรคเกาต์ในระยะที่ 3 คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์มานานจนมีผลึกโมโนโซเดียมยูเรตสะสมจนเกิดก้อนแข็งตามข้อเห็นได้อย่างชัดเจน ก้อนลักษณะนี้จะมีศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า trophi สำหรับแนวทางการรักษาโรคในระยะที่ 3 ไม่แตกต่างจากระยะที่ 2 ก็คือมุ่งเน้นที่การลดระดับกรดยูริกและขนาดก้อนที่เกิดขึ้นแล้วนั่นเอง
กลับมาที่เรื่องอาหารการกิน เมื่อรู้ตัวแล้วว่าเป็นโรคเกาต์ กินยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอแล้ว ก็ต้องรู้ว่าควรเลี่ยงลดงดเว้นอาหารเครื่องดื่มอะไรบ้าง ที่คนส่วนใหญ่รู้กันอยู่แล้วก็คือ พวกสัตว์ปีก เครื่องใน ยอดผักเช่น กระถิน ชะอม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดควรงด แต่ที่คนมักไม่รู้คือ น้ำตาลฟรุคโตสในผลไม้รสหวานต่างๆ หรือเครื่องดื่มหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำอัดลมก็ส่งผลทำให้กรดยูริกสูงเพิ่มความเสี่ยงเกาต์กำเริบได้ จึงควรหลีกเลี่ยงด้วย
รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี