เคยมีการโหวตกันว่ารัฐไหนน่าอยู่ที่สุดในอเมริกาผลคือรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยเหตุผลหลายอย่างทั้งเรื่องอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ อากาศไม่หนาวจัดและไม่ร้อนจัดแถมทัศนียภาพมีครบ ตั้งแต่ภูเขาหิมะปกคลุมไปจนถึงป่าสนต้นมหึมาจนกระทั่งทะเลทราย เรียกว่าเป็นรัฐที่จัดเต็มและครบครันทุกรูปแบบ
เมืองใหญ่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวคือซานฟรานซิสโกถือเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใครๆ อยากไปเยือน แต่ถ้าให้ไปอยู่คงต้องคิดหนักเพราะราคาที่พักอาศัยแพงที่สุดในประเทศเคยไปเยี่ยมญาติในซานฟรานซิสโก สองคนสามีภรรยาอยู่ห้องเล็กๆห้องนอนเดียว แต่ค่าเช่านั้นสามารถเอามาเช่าบ้านหลังใหญ่ในรัฐเล็กๆ อย่างอินเดียน่าได้สบายๆ แถมการมีรถขับก็ลำบากยากเย็นไอ้ราคาค่ารถไม่เท่าไหร่หรอก แต่ค่าจอดนี่แหละที่แพงสุดชีวิต
ซานฟรานซิสโก หมายถึงที่พำนักของนักบุญฟรานซิสชื่อหรูหราหมาเห่าพอกับลอสแองเจลิสนั่นแหละที่แปลตรงตัวว่าเมืองนางฟ้า ความหมายดีงามทั้งคู่ทั้งสองเมืองล้วนมีไชน่าทาวน์สมัยก่อนใครๆ ก็อยากไปเที่ยวทั้งสองเมืองนี้ แต่ตอนนี้บอกตรงๆ ว่า ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ไปเยือนอีกเลย
การทำร้ายคนเอเชียในอเมริกายังไม่แผ่วจางลงเลยแม้แต่น้อยยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ล่าสุดเกิดเหตุสะเทือนขวัญกลุ่มชายผิวดำบุกทำร้ายอาซิ้มวัย 70 ปี ถึงที่พักดูอายุจากกลุ่มที่รุมทำร้ายหญิงชราแล้วตกใจ เพราะแก่สุดอายุ 18 ปี
นอกนั้นอายุ 14 ปี 13 ปี และ 11 ขวบ รู้อายุถึงกับยกมือทาบอกโอ้มายก๊อดหลอดบุดด้าจีซัสมารี คืออายุ 11 ขวบเท่านั้นเองก็ริก่อกรรมทำเข็ญแล้ว
เรื่องมีอยู่ว่าอาซิ้มเดินกลับอพาร์ทเมนท์ของตัวเองระหว่างนั้นกลุ่มเด็กผีเข้ามารุมถามโน่นนี่นั่นด้วยความที่ไม่สันทัดภาษาอังกฤษ เลยรีบเดินหนีเข้าตัวอาคารอพาร์ทเมนท์แต่ไม่รอด ฝูงเด็กผีปรี่ตามไปเตะถีบทุบถองแบบจัดหนักแล้วขโมยข้าวของกระเป๋าเงินไปด้วย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ทั้งหมดถูกกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้
นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกและไม่ใช่เหตุการณ์สุดท้ายในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาอาชญากรรมต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในเขตเบย์แอเรียซานฟรานซิสโกจากการรายงานของเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษพบว่าอาชญากรรมที่เกิดขึ้นต่อชาวเอเชียในเมืองซานฟรานซิสโกที่มีประชากรอาศัยราว 875,000 คน สูงถึง 567% หรือจาก 9 คดีในปี 2020 มาอยู่ที่ 60 คดี ในปี 2021
ทางฝั่งนิวยอร์กเผชิญกับอาญากรรมจากความเกลียดชังต่อต้านคนเอเชียสูงกว่าปีก่อนมาก จากข้อมูลของตำรวจพบว่าเหตุความรุนแรงต่างๆ ที่มีเป้าหมายเล่นงานคนเอเชีย จนถึงเดือนธันวาคม 2021 เพิ่มขึ้นถึง 361%
มาดูสถิติในปี 2019 ของคดีความเกลียดชังที่รวบรวมโดย FBI พบว่ามีจำนวนเหยื่อรวม 4,930 คนของคดี และจากทั้งหมดมีราว 4.4% เป็นคดีความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย เทียบกับ 48.5% ของคดีความเกลียดชังผิวสีแอฟริกันอเมริกัน และ 14.1% ต่อชาวละตินอเมริกัน
ส่วนรายงานล่าสุดของ STOP AAPI Hate หรือองค์กรยุติความเกลียดชังต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิกคนอเมริกันเชื้อสายเอเชียในอเมริกาตกเป็นเป้าของการถูกคุกคามหรือทำร้ายเนื่องจากความเกลียดชังด้านเชื้อชาติหรือสีผิวมากกว่า 3,795 ครั้ง ภายในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งปี
รัฐที่เกิดเหตุมากที่สุดถึง 45 เปอร์เซ็นต์ ของกรณีทั้งหมด คือ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งรัฐนี้มีประชากรชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียอาศัยอยู่มากที่สุดรองมาคือ รัฐนิวยอร์ก ซึ่งมีรายงานการคุกคามถึง 14 เปอร์เซ็นต์การคุกคามด้านเชื้อชาตินั้นแบ่งออกเป็นสามลักษณะใหญ่ ๆ ได้ คือการคุกคามด้วยคำพูด 68.1 เปอร์เซ็นต์ รองลงมา คือการแสดงความรังเกียจ 20.5 เปอร์เซ็นต์ และท้ายสุด คือการทำร้ายร่างกาย ซึ่งคนเอเชียตกเป็นเหยื่อถึง 11.1 เปอร์เซ็นต์
ในอาทิตย์เดียวกันนี่แหละข้ามมาอีกเมืองหนึ่งคือเมืองนางฟ้าหรือลอสแองเจลิสเกิดม็อบโจรปล้นกลางวันแสกๆแบบเย้ยฟ้าท้าดินคนกลุ่มหนึ่งนัดมารวมตัวกันหน้าร้าน 7-11ไม่ได้มารวมเพื่อทำกิจกรรมสร้างสรรค์แต่อย่างใด แต่นัดมาปล้นร้านนี้
การปล้นเป็นไปอย่างเปิดเผยและเป็นกันเองไม่มีการคาดหน้าคาดตาหรือปกปิดใบหน้าทั้งสิ้นเมื่อกลุ่มคนมาถึงก็บุกเข้าปล้นอย่างหน้าด้านๆ บ้างเข้าไปในร้านโยนข้าวของทั้งของกินของใช้ให้คนรอรับนอกร้านแล้วไอ้ที่บุกปล้นก็ไม่ใช่น้อยๆ นับดูคร่าวๆ น่าจะร่วมร้อยได้ที่ปล้นแบบไม่แคร์ใดๆ ในโลกใบนี้ ไหนบอกว่าถ้าการเมืองดีชีวิตจะดี๊ดีตามไง
ไม่ใช่ว่าไม่มีแคชเชียร์ แต่กรูกันมาขนาดนี้ใครเป็นแคชเชียร์ก็คงหนีตาย ใครจะอยากเอาชีวิตไปเสี่ยงกับฝูงโจรสาหัสกว่านั้นระหว่างที่แคชเชียร์หลบตรงซอกหนีตายไอ้พวกปล้นฉวยกล้วยระดมปาไปที่แคชเชียร์อย่างเมามันเฮ้ย..นี่ไม่ใช่สาวน้อยตกน้ำนะ จะปาทำไมแคชเชียร์อุตส่าห์แอบตัวลีบอย่างยอมจำนนแล้ว
สาเหตุที่พวกนี้กล้ายกพวกปล้นกลางวันแสกๆ เพราะกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนียนี่แหละคงต้องอธิบายก่อนว่าแม้ว่าอเมริกาทุกรัฐจะอยู่ภายใต้กฎหมายหลักแต่ละรัฐก็ออกกฎหมายแยกย่อยแตกต่างกันไปตามความต้องการของพลเมืองแต่ละรัฐ กฎหมายแคลิฟอร์เนียข้อหนึ่งกำหนดว่าถ้าเกิดการขโมยข้าวของเกิดขึ้น แล้วสินค้าที่ถูกขโมยมีราคาไม่ถึง 950 ดอลลาร์ หรือประมาณไม่ถึงสามหมื่นกว่าบาทนี่เทียบคร่าวๆ แบบลวกๆ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนทุกวันให้ถือเป็นความผิดที่ไม่รุนแรง
นั่นหมายถึงตำรวจอาจจะไม่สืบสวนหรือส่งฟ้องอัยการนั่นเองกฎหมายข้อนี้แหละที่ทำให้หัวขโมยได้ใจถึงกล้ายกพวกนัดปล้นกลางวันแสกๆ ขนาดนี้นี่แหละคือเสรีภาพเจ้ากรรมที่เกิดขึ้นกลางเมืองนางฟ้าและนครแห่งนักบุญของอเมริกาในปัจจุบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี