สิงห์เอสเตท และพันธมิตรด้านความยั่งยืน สยามคูโบต้า ไทยคม พร้อมชุมชนในพื้นที่บริเวณสิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย Kick off โครงการ “ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว” ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกรวน ตามแผนการพัฒนาอย่างยืน SDG13 Climate Change ขององค์การสหประชาชาติ มุ่งสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ของสิงห์ เอสเตท ในปี 2030 โดยตั้งเป้าปลูกป่าให้ได้พื้นที่อย่างน้อย 1 ล้านตารางเมตร หรือกว่า 625 ไร่ ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อรักษาความสมดุลด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และสร้างจิตสำนึกกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนเมืองสู่สังคม low carbon พร้อมเป็นตัวแทนในการต่อยอดกิจกรรมปลูกป่าร่วมกับชุมชนท้องถิ่น ด้วยมาตราฐาน AGI (Asian Green Initiative)
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากแผนการเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำของสิงห์ เอสเตท ภายในปี 2030 หนึ่งในดัชนีชี้วัดความยั่งยืนด้านการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ ภารกิจการกำหนดให้มีพื้นที่การสร้างพื้นที่สีเขียว ให้เท่ากับพื้นที่ก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้าน ตร.ม. ภายใน 10 ปี
“สิงห์ เอสเตท ตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งนำมาซึ่งปัญหาภาวะโลกร้อน ภัยภิบัติ และส่งผลกระทบด้านสังคม และชุมชน และเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมากบริษัทเล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจในอนาคต จึงได้มีการเก็บข้อมูลคาร์บอนองค์กรในระยะเวลาที่ผ่านมาและตั้งเป้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำรวมทั้งการเพิ่มพื้นที่ดูดซับคาร์บอนหรือการปลูกป่าให้ได้มากที่สุด รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ และส่งต่อความรู้ในการช่วยกันลดคาร์บอนให้กับคนในเมืองผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มจึงเป็นที่มาของ “โครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว” โดยได้รับการสนับสนุนด้านพื้นที่ปลูกป่าจากสิงห์ปาร์ค เชียงราย จำนวน 625 ไร่ เป็นเขตพื้นที่เชิงเขา และเขตป่ารอยต่อ ที่มีความสำคัญในการสร้างป่าในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังได้นำเทคโนโลยีในการสำรวจติดตามการเจริญเติบโตของต้นไม้ และปริมาณการดูดซับคาร์บอน จากทางไทยคมมาช่วยตลอดระยะเวลาโครงการ ด้านสยามคูโบต้าให้นวัตกรรมเข้ามาช่วยให้การปลูกป่าจำนวนมากได้เร็วขึ้น รวมถึงหน่วยงานราชการจากทางจังหวัดเชียงราย และชุมชนในพื้นที่ โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้มากที่สุด อย่างน้อยคือต้องเพิ่มให้ได้เท่ากับพื้นที่ก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท หรือไม่น้อยกว่า 1 ล้าน ตร.ม.ในระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ยังมุ่งหวังในการสร้างความตระหนักรู้ให้คนเมืองที่ไม่ได้มีเวลาหรือพื้นที่ในการไปปลูกป่า แต่ก็สามารถช่วยลดคาร์บอนได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน”
นายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า“กิจกรรมครั้งนี้ สยามคูโบต้าได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตร ได้แก่ รถขุดคูโบต้า ขนาด 3 ตัน รุ่น U35 และ รุ่น KX91-3S2 รวมถึงแทรกเตอร์คูโบต้า 50 แรงม้า รุ่น L5018 SP พร้อมเครื่องเจาะหลุม DR550 สำหรับเตรียมหลุมให้เหมาะสมต่อการปลูกต้นกล้า นอกจากนี้ ยังมีโดรนการเกษตร ขนาด 20 ลิตร รุ่น AGRAS T20 สำหรับพ่นปุ๋ยบำรุงหลังการปลูกป่าเพื่อร่วมสนับสนุนโครงการบนพื้นที่ 124 ไร่อีกทั้งความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการทำ Co-Branding ในการผนึกกำลังสร้างสรรค์สังคมแห่งความยั่งยืนพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน Net Zero Emission ในประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายไปพร้อมกัน” นายพิษณุ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ โครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้วโดยสิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวและปลูกป่าให้ได้อย่างน้อย 1 ล้าน ตร.ม.โดยเริ่มที่ป่าต้นน้ำในบริเวณไร่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย จำนวน 625 ไร่ และจะขยายต่อสู่ป่ากลางน้ำหรือป่าในเมือง โดยคาดว่าจะเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ต่อด้วยพื้นที่ป่าปลายน้ำ หรือป่าโกงกาง ที่เกาะพีพี ตั้งเป้าโครงการระยะยาว 10 ปี ที่จะมีการติดตาม ตรวจวัด และประเมินผล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด รวมถึงการจัดแคมเปญต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และปลูกจิตสำนึกควบคู่กันไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี