ผมจะพาเด็กไทยไปแสดงฝีมือด้านดนตรีคลาสสิกบนเวทีระดับโลกให้มากที่สุด เพราะฝีมือของเด็กไทยไม่เป็นรองใคร และสิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จอีกงานหนึ่งคือ ทศชาติโอเปรา
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัยนำคุณไปสนทนากับ คุณสมเถา สุจริตกุล นักประพันธ์เพลงคลาสสิก นักเขียนนวนิยายชื่อดังของโลก และเจ้าของรางวัลศิลปินศิลปาธรกิตติคุณ สาขาดนตรีปี 2551 ถึงการนำเด็กไทยไปแสดงฝีมือด้านดนตรีคลาสสิกบนเวทีระดับโลก และโครงการทศชาติโอเปรา เพื่อให้นานาชาติรู้จักพุทธศาสนาผ่านมุมมองด้านการแสดงโอเปรา และดนตรีคลาสสิก
l ทราบว่าจะนำวง Siam Sinfonietta ซึ่งเป็นวงซิมโฟนีที่แสดงโดยเยาวชน ภายใต้การควบคุมวงของคุณสมเถาไปแสดงที่เยอรมนีในเดือนกันยายนนี้ ขอทราบว่าไปแสดงที่ไหนบ้างครับ
คุณสมเถา : ครับ วงจะไปแสดงในสามเมือง คือ Stuttgart Oldenburg และ Berlin สืบเนื่องมาจากเมื่อปีกลาย เราไปแสดงที่ Oldenburg Film Festival ในการเปิดตัวหนัง The Maestro ซึ่งเป็นหนังที่ผมสร้างและแสดง ในครั้งนั้นผู้ชมตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่แสดงออร์เคสตร้าเต็มวงในพิธีเปิด File Festival เพราะแม้แต่กระทั่งเทศกาลหนังเมืองคานส์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ ก็ยังไม่เคยนำออร์เคสตร้าทั้งวงไปแสดง ในงานครั้งนั้นมีหลายปรากฏการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เพราะหนังเรื่อง The Maestro ได้รับรางวัล Spirit of Cinema ด้วย ดังนั้นในปีนี้ Oldenburg Film Festival ก็เชิญวงของเราไปแสดงอีก แต่เราถามไปว่าปีนี้เราไม่ได้มีหนังเรื่องใหม่ไปนำเสนอ แล้วเราจะไปในฐานะอะไร แต่จริงๆ แล้วเมื่อครั้งก่อนที่วงของเราไปแสดงที่ Oldenburg นั้น ผมได้ถ่ายภาพเก็บไว้มาก เพราะตั้งใจจะทำหนังเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่นไทยที่อยู่ในเยอรมนี โดยในกลุ่มนั้นมีนักดนตรีของเรารวมอยู่ด้วย ทาง Oldenburg ก็เสนอว่าให้ผมนำ sneak หรือภาพถ่ายสำหรับทำหนังเรื่องใหม่ของผมไปนำเสนอเป็นตัวอย่าง แต่ผมคิดว่าไม่สามารถทำให้เสร็จได้ จึงมีความคิดนำ Retrospective งานดนตรีของ Bernard Herrmann ชาวอเมริกัน นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์คนสำคัญไปนำเสนอในงานนี้ ผลงานของ Bernard Herrmann ที่โด่งดังมากๆ
ได้แก่ Citizen Kane และ Taxi Driver และที่น่าสนใจคือ Herrmann ทำดนตรีประกอบให้กับหนังหลายเรื่องที่สร้างโดย Sir Alfred Hitchcock ชาวอังกฤษ แสดงให้เห็นว่าดนตรีของ Herrmann ช่วยเพิ่มอรรถรส และเพิ่มความตื่นเต้นในการชมภาพยนตร์อย่างมาก ที่นี้เมื่อกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยที่เมืองสตุ๊ตการ์ท ทราบว่าวงของเราจะไปแสดงที่เยอรมนี ก็เชิญเราไปแสดงที่สตุ๊ตการ์ทด้วย เพราะสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนิน ณ เมืองสตุ๊ตการ์ทในเดือนกันยายน จึงขอเชิญให้วงไปเล่นถวายให้ทอดพระเนตร นี่จึงเป็นงานสำคัญอีกงานหนึ่งของเราที่จะนำไปแสดงหน้าพระที่นั่งในเมืองสตุ๊ตการ์ท โดยผมตั้งใจจะนำเสนอผลงานชุดทศชาติในการแสดงที่นี่ เพราะเราได้ทำโอเปราทศชาติไว้แล้ว 7 พระชาติ อันที่จริงทศชาติโอเปราเรื่องแรกคือพระเตมีย์ใบ้นั้น เราได้นำไปเปิดการแสดงที่เยอรมนีมาแล้วเมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้วที่เมืองไบรอยท์
ก็จึงเกิดความคิดจะทำ presentation ดนตรีเรื่องทศชาติถวาย แล้วในการไปเยอรมนีในครั้งนี้ก็มีจดหมายเชิญจากสมาคมไทย-เยอรมนี ที่กรุงเบอร์ลิน ขอให้เรานำวงไปแสดงที่เมืองเอเบอฟาวเดอร์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเบอร์ลิน เป็นเมืองหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เคยเสด็จพระราชดำเนินทรงเยือน งานนี้จึงเท่ากับว่าเราเดินทางจากเกือบใต้สุดไปเกือบเหนือสุดของเยอรมนี ต้องนั่งรถบัสจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเป็นเวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมงกว่าๆ นั่งกันแบบขาดใจตายไปเลย (หัวเราะ) และการแสดงในสถานที่แต่ละแห่งก็เป็นการแสดงดนตรีที่ไม่ซ้ำกันเลย นับเป็นทริปมหัศจรรย์ทริปหนึ่งของเรา เพราะแต่ละเมืองก็มีโจทย์ให้เราเล่นดนตรีต่างกัน อ้อ! แล้วที่สำคัญคือปีนี้ครบรอบความสัมพันธ์ไทย-เยอรมัน 160 ปีด้วย การแสดงจะเริ่มวันที่ 12 กันยายน ที่สตุ๊ตการ์ท แล้วไปแสดงที่โอเดนบวร์ก 14-17 กันยายน โดยการแสดงที่โอเดนบวร์กบางวันแสดงยาว บางวันแสดงสั้นๆ ขึ้นอยู่กับงาน เพราะเป็นงาน Film Festival แต่จะมีวันหนึ่งที่แสดงใหญ่โดยเล่นเพลงของ Bernard Herrmann จบจากที่นี่เราก็นั่งบัสต่อไปแสดงที่กรุงเบอร์ลิน
l คณะนักดนตรีไปทั้งหมดกี่คนครับ
คุณสมเถา : 50 คนเท่านั้น ไม่ได้ไปเต็มวง เพราะเรามีปัญหาเรื่องค่าเดินทาง แต่ 50 คนก็ยังมีปัญหาค่าตั๋วเครื่องบิน เพราะราคาตั๋วแพงมาก ปรับขึ้นทุกวัน เราต้องออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางจากไทยไปเยอรมนีเอง แต่เมื่อเราไปถึงที่โน่นแล้ว ทางผู้เชิญจะดูแลรับผิดชอบอาหารการกินและที่พักให้กับคณะของเรา ดังนั้นผมก็จึงอยากเชิญชวนให้คุณๆ ที่สามารถสนับสนุนการเดินทางให้กับคณะของเราด้วย เพื่อให้เรานำคณะนักดนตรีเยาวชนของไทยไปแสดงฝีมือในเยอรมนี หากคุณๆ ผู้ใดสามารถช่วยเหลือเราได้ โปรดติดต่อ www.operasiam.com โทรศัพท์ 02-2317280 เรายินดีรับการสนับสนุน การเดินทางในครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะครั้งก่อนนั้นผู้เชิญออกค่าใช้จ่ายให้เราทั้งหมด แต่ครั้งนี้เราต้องออกค่าเดินทางเอง เพราะรายการที่เราไปแสดงนั้นมีสามแห่ง แต่ละแห่งไม่ได้เกี่ยวข้องกันและกันเลย จึงไม่มีเจ้าภาพคนกลาง ดังนั้นหากคุณๆ สามารถร่วมสนับสนุนการเดินทางในครั้งนี้ได้ ก็เท่ากับมีส่วนร่วมให้เด็กไทยได้ไปแสดงฝีมือด้านดนตรีคลาสสิกให้ประจักษ์สายตาชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง
l อีกเรื่องหนึ่งที่ขอเรียนถามคือหนังเรื่อง The Maestro : The Symphony of Terror หรือดุริยางค์มรณะหนังเรื่องนี้ได้รางวัลจากนานาชาติมากมาย ขอให้ช่วยเล่าให้ฟังด้วยครับว่าได้รางวัลอะไรมาแล้วบ้าง
คุณสมเถา : ล่าสุดตอนนี้ได้มาแล้ว 25 รางวัลครับ และได้รางวัล Best Creativision จาก Thailand International Film Festival ด้วย เป็นรางวัลที่ผมกับ
ผู้กำกับภาพยนตร์ คือ Mr. Paul Spirrier ได้รับร่วมกัน ส่วนรางวัลสำคัญค่อยข้างมากอีกรางวัลที่ได้รับคือ Spirit of Cinema Award ของ Oldenburg Film Festival รางวัลต่างๆ ที่ผมได้รับมีโดดเด่นต่างกันไป เท่าที่สังเกตคือหนังเรื่องนี้ได้รางวัลจากประเทศอินเดียค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจากเมืองเกรละ ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หนังเรื่องนี้ได้รางวัลจาก Film Festival จากเกรละถึง7 รางวัล เขาให้รางวัล best actor กับผมด้วย
l หนังเรื่อง The Maestro มีความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งคือเกิดขึ้นในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดหนักในเมืองไทยและทั่วโลก ในช่วงนั้นการแสดงดนตรีสดไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะโรงละคร โรงโอเปราต่างๆ ปิดหมด แต่นักดนตรียังต้องทำงานต่อไป ช่วยเล่าให้ฟังด้วยครับว่าแล้วทำไมจึงกลายเป็นหนังเรื่องนี้ขึ้นมาได้
คุณสมเถา : ในช่วงโควิด-19 ระบาดหนักทีมงานทำภาพยนตร์ก็ตกระกำลำบาก นักดนตรีก็ตกระกำลำบาก เราก็เลยคิดว่าจะทำงานอะไรขึ้นมาดี เพราะงานดนตรีก็ยังต้องเดินต่อไป จึงคิดทำหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเราใช้นักดนตรีของเราร่วมแสดง แล้วผมก็ร่วมแสดงด้วย คุณพอลซึ่งเป็นผู้กำกับภาพยนตร์บอกว่าผมต้องแสดงด้วย แต่ให้เพิ่มความบ้าเข้าไปในบทอีก เพื่อให้หนังมีความน่าสนใจ เราตกลงทำหนังเรื่องนี้ โดยใช้สถานที่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่เขาใหญ่ ตอนนั้นรีสอร์ทต่างๆ ก็ปิดเพราะโควิด-19 เราก็เช่าสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ 1 สัปดาห์ เพราะมีงบประมาณสร้างที่ไม่มากนัก อันที่จริงหนังเรื่องนี้ยากตรง pre and post production เพราะวันเวลาถ่ายหนังมีน้อยมาก เนื่องจากตัวแสดงคนอื่นๆ ต่างก็ยังติดงานประจำบางอย่างอยู่ เราใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 1 เดือนเท่านั้น
โดยใช้ location อื่นด้วย แต่งานใหญ่คือ post production งานนี้ได้คุณพอล ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอังกฤษที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองไทย คุณพอลเข้าใจหนังได้ดี และหนังที่คุณพอลกำกับนั้นส่วนมากก็ใช้ภาษาไทยเช่น เรื่อง The Forest หรือหนังเกี่ยวกับผีๆ ที่ดูได้จาก NetFlix อันที่จริงผมกับคุณพอลรู้จักกันมานาน สมัยที่ผมอยู่ในอเมริกาก็เคยทำหนังกับคุณพอลมาก่อน ก่อนจะทำหนังเรื่อง The Maestro ผมคุยกับคุณพอลสัก 3-4 นาทีก็ได้แนวคิดแล้วกลับมาเขียนบท แล้วให้คุณพอลอ่านเมื่ออ่านแล้วคุณพอลบอกว่าจะกำกับหนังให้ แต่ผมต้องแสดงเอง โดยรับบท The Maestro คือแสดงเหมือนตัวผมเอง แต่เพิ่มความบ้าเข้าไปอีกให้ดูทำนองหนังสยองขวัญโดยหนังเรื่องนี้ผมเขียนบทเพลงประกอบเองทั้งเรื่อง แต่ย้อนหลังไปก่อนจะทำหนังเรื่องนี้ ผมกับคุณพอลก็ทำงานเป็นหนัง series อยู่ก่อนแล้ว ชื่อชมรม X แต่ต้องหยุดไว้ชั่วคราวเพราะโควิดระบาด แต่ตอนนี้กลับมาทำชมรม X ต่อ เพิ่งถ่ายทำเสร็จไปไม่นานนี้ ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตัดต่อ สำหรับชมรม X หรือ Club X นี้ ผมเป็นผู้กำกับเองอีกไม่นาน แต่ไม่รู้เมื่อไรแน่ ก็คงจะได้ชมหนังเรื่องนี้กันครับ (หัวเราะ)
l ผมเห็นรางวัลอีกชิ้นหนึ่งน่าสนใจดี เพราะเป็นรูปคนครึ่งตัว เป็นสีเงินตะกั่ว นี่คือรางวัลอะไรครับ
คุณสมเถา : คือ World Fantasy Award เป็นรางวัลที่มอบให้กับนักเขียนนวนิยาย กลุ่ม best fantasy fiction เป็นรางวัลที่จัดโดย World Fantasy Convention
l หลายคนอาจไม่ทราบว่าคุณสมเถาเป็นนักเขียนนวนิยายเป็นภาษาอังกฤษ ใช้ชื่อในการแต่งหนังสือว่า S.P. Somtow แต่งนวนิยายแนววิทยาศาสตร์มนุษย์ต่างดาว และเรื่องสยองขวัญไว้มากมาย รวมถึงงานวรรณกรรมด้านอื่นๆ อีก ขอให้ช่วยเล่าเรื่องการเป็นนักแต่งนวนิยายให้ฟังด้วยครับ
คุณสมเถา : ผมแต่งนวนิยายต่างๆ ไว้รวม 76 เล่มครับ นวนิยายแนวสยองขวัญเป็นสิ่งที่ผมค่อนข้างถนัด หนังสือของผมได้รับการพูดถึงค่อนข้างมากในหมู่นักอ่านเรื่องสยองขวัญ สมัยที่ผมยังอาศัยอยู่ในอเมริกา ผมเป็นประธานสมาคมนักเขียนเรื่องสยองขวัญของโลก ก็สยองขวัญเป็นสิ่งที่ผมมีชื่อที่สุด ตอนที่อยู่อเมริกาผมก็เป็นประธานสมาคมของนักเขียนสยองขวัญโลกด้วย อันที่จริงก็เขียนแนวแฟนตาซี และเรื่องวิทยาศาสตร์ด้วย แต่เรื่องสยองขวัญมีมากสักหน่อย
l มีเรื่องสุดท้ายของวันนี้ที่จะเรียนถามคือเรื่องโครงการโอเปราทศชาติ ล่าสุดทำไปทั้งหมดกี่พระชาติแล้วครับ
คุณสมเถา : ทำไปแล้ว 7 พระชาติ คือ พระเตมีย์พระมหาชนก พระสุวรรณสาม พระเนมิราช พระมโหสถ พระภูมิทัต พระจันทชาดก ยังเหลือสามพระชาติสุดท้ายคือ พระนารถชาดก พระวิฑูรชาดก และพระเวสสันดรชาดก สำหรับพระชาติสุดท้ายคือพระเวสสันดรนั้นเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นพระชาติสุดท้ายก็จะไปเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แล้วเป็นพระพุทธเจ้า การทำโอเปราเรื่องพระเวสสันดรจึงต้องใช้ production ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุด ผมเตรียมการไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ลงมือทำ ส่วนพระชาติอื่นๆ นั้นมีบางพระชาติที่สามารถทำโอเปราแบบขนาดเล็กได้ แต่สำหรับพระเวสสันดรนั้น ต้องมีฉากที่ยิ่งใหญ่อลังการมาก เช่น ฉากช้างปัจจัยนาเคนทร์ที่แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของเรื่อง การทำโอเปราทศชาตินั้น ผมต้องการถ่ายทอดเรื่องราวของโบราณให้สอดคล้องกับการรับรู้ของคนยุคปัจจุบันเพื่อให้เข้าใจและเห็นความสำคัญของพระชาติต่างๆ ก่อนเป็นพระพุทธเจ้า เช่น ตอนพระเตมีย์นั้น ก็ต้องสื่อให้ครอบครัวยุคปัจจุบันเข้าใจถึงปัญหาของเด็กคนหนึ่งที่ไม่ยอมพูด หรือเด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนาการต่างๆ ผมต้องการให้สังคมจับต้องสาระสำคัญของเรื่องได้ แล้วนำไปประยุกต์กับชีวิตจริงได้ ผมมองว่าเป็นการสื่อเรื่องพุทธศาสนากับคนในยุคปัจจุบันให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง สำหรับงานทศชาตินั้น ยังไม่สำเร็จทั้ง 10 พระชาติ แต่ก็ต้องพยายามทำให้สำเร็จในอนาคต แม้จะเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่ก็ต้องทำให้สำเร็จ ตอนแรกตั้งใจจะทำถวายในโอกาสรัชกาลที่ 10 เสด็จขึ้นทรงราชย์ แต่ก็ยังตั้งใจทำถวายอยู่ครับ ส่วนพระชาติที่ 8 กับ 9 ก็คิดว่าจะทำเป็นการแสดงเล็กๆ เพื่อนำไปสู่การแสดงยิ่งใหญ่ในพระชาติที่ 10 งานทศชาติเป็นงานใหญ่ และสำคัญที่ผมตั้งใจทำให้สำเร็จครับ
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้ รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ NBTกดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTubeไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี